บทที่ 165 เจ้าคนโง่เขลาผู้นี้มาจากที่ใด?
ณ เวลานั้นผ้าเช็ดหน้าในมือของหยางชุ่ยยับยู่ยี่ นางสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังที่อัดแน่นจนล้น ซึ่งก่อตัวขึ้นภายในหัวใจของตน ความหึงหวงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
“ท่านพี่?” นางส่งเสียงเรียกอีกสองสามครั้ง แต่หลี่เวยก็ไม่ขานรับ หยางชุ่ยพลันรู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก น้ำเสียงของนางแปรเปลี่ยนจากสำเนียงอันหวานหยดย้อยไปเป็นน้ำเสียงแห่งความโกรธขึ้งแทน
หลี่เวยหรี่ตามองหยางชุ่ย “เจ้ากลับไปก่อน ข้าอยากจะเห็นหน้านางให้ชัดๆ กับตาตัวเอง”
“ข้า…” หยางชุ่ยตัวแข็งทื่อ พูดอะไรไม่ออก นางซาบซึ้งถึงความหมายของคำกล่าวที่ว่าการยกหินขึ้นมาโยนทับเท้าของตนเองนั้นเป็นเช่นไร
“ทำไมเจ้ายังอยู่นี่อีก?” หลี่เวยมองหยางชุ่ยด้วยความไม่พอใจ หากหยางชุ่ยยืนอยู่ข้างเขา สาวสวยผู้นั้นคงจะไม่สนใจเขาเป็นแน่ ดังนั้นการให้หยางชุ่ยกลับไปจึงเป็นการดีกว่า
หยางชุ่ยแทบจะร้องไห้ ใบหน้าของนางแสดงสีหน้าทุกข์ใจ แต่หลี่เวยไม่สนใจนางเลยแม้แต่น้อย หยางชุ่ยหันหลัง ก่อนวิ่งตรงกลับบ้าน
หลี่เวยรู้สึกโล่งใจเมื่อไม่มีนางอยู่ข้างๆ อีก เขายกมือขึ้นพัดตัวเองพลางสาวเท้าเดินไปยังบ้านสองหลังนั้น
เขาเดินไปที่บ้านซึ่งหนิงเมิ่งเหยาเข้าไป และเคาะบานประตูซึ่งถูกปิดเอาไว้
ในตอนนั้นหนิงเมิ่งเหยากำลังช่วยเฉียวเทียนช่างเก็บข้าวของภายในบ้านอยู่ นางได้ยินเสียงเคาะประตูแล้วก็ขมวดคิ้ว หากเป็นเฉียวเทียนช่าง เขาคงจะไม่เคาะประตูแน่ ดังนั้น นี่เป็นใครกัน…
หนิงเมิ่งเหยาเผลอนึกถึงชายผู้ซึ่งยืนอยู่กับหยางชุ่ย ความรังเกียจแล่นผ่านดวงตาของนาง
ระหว่างที่นางกำลังนึกถึงเขาอยู่ บานประตูก็ถูกผลักเข้ามาจากด้านนอก ตามด้วยหลี่เวยซึ่งเดินเข้ามา
เมื่อเห็นหลี่เวย ใบหน้าของหนิงเมิ่งเหยาก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกแทบจะในทันที
ในตอนแรกลี่เว่ยเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะบุกเข้ามา แต่เมื่อเห็นว่าเขาเคาะประตูไปแล้วแต่ยังไม่มีผู้ใดมาเปิดให้ เขาจึงตัดสินใจเข้ามาด้วยตัวเอง
น่าสงสารนักที่การกระทำของเขาเป็นการจุดฉนวนความโกรธให้กับหญิงรูปงามที่เขาได้เจอ
ทว่าความโกรธของนางนั้นนำพามาซึ่งความรู้สึกแตกต่างอันทำให้เขารู้สึกชอบพอนางมากขึ้นกว่าเดิม
“แม่นาง ข้ามีนามว่าหลี่เวย….”
“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะชื่อหยางเวยหรือหลี่เวย แต่ช่วยออกไปให้พ้นหูพ้นตาข้าเดี๋ยวนี้” หนิงเมิ่งเหยาไม่เคยพบเจอคนที่ไร้ยางอายถึงขนาดกล้าบุกเข้ามาในบ้านของผู้อื่นเช่นนี้มาก่อน
สีหน้าของหลี่เวยแข็งเกร็งพลางขมวดคิ้ว เขาไม่เคยถูกปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน
“แม่นาง ข้าไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นใดเลย ข้าเพียงอยากจะมาขอดื่มน้ำสักแก้วสองแก้วเท่านั้น” หลี่เวยให้เหตุผลอย่างข้างๆ คูๆ
ทว่าหนิงเมิ่งเหยากลับมองเขาราวกับว่าเขาเป็นคนโง่เง่าผู้หนึ่งแทน “เจ้าอยากจะมาขอดื่มน้ำ? ไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นคนที่หยางชุ่ยแต่งงานด้วยหรือ? ตระกูลนางไม่มีแม้แต่น้ำสักแก้วให้เจ้าดื่มหรืออย่างไร? ถ้าเจ้าอยากจะหาข้ออ้างมาพูด อย่างน้อยก็ช่วยหาข้ออ้างที่มันสมเหตุสมผลมากกว่านี้หน่อย หากเจ้าไม่ออกไปตอนนี้ เช่นนั้นก็ระวังตัวไว้ ข้าจะไปแจ้งทางการข้อหาบุกรุก”
เมื่อหลี่เวยรู้ว่าหนิงเมิ่งเหยาทราบถึงความสัมพันธ์ของเขากับหยางชุ่ย เขาก็คิดว่านางคงไม่พอใจในเรื่องนั้น ดังนั้นเขาจึงรีบกล่าวเสริมว่า “ความสัมพันธ์ของข้ากับนางนั้น….”
“ข้าไม่สนใจเรื่องระหว่างเจ้ากับนาง ออกไปเสีย ข้ามั่นใจว่าบิดาของเจ้าเองก็คงไม่พอใจนักถ้าหากเขารู้ว่าบุตรชายที่ตนภูมิอกภูมิใจนักหนาอย่างเจ้าบุกรุกเข้ามาภายในบ้านผู้อื่นเช่นนี้”
หลี่เวยนั้นเป็นชายมากความสามารถและเป็นถึงผู้ที่ประสบความสำเร็จในการสอบขุนนาง ถึงขนาดได้รับความคาดหวังว่าจะเป็นผู้ที่คว้าคะแนนสูงสุดในการสอบของวังหลวงซึ่งจัดขึ้นในปีนี้เลยทีเดียว แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้คะแนนสูงสุด เขาก็ยังสามารถที่จะเป็นขุนนางได้ บิดาของเขาเองก็ภาคภูมิใจในตัวเขาเป็นอย่างมากจนยอมเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ไม่สนใจความเจ้าชู้ของบุตรชายตน สำหรับเขาแล้ว ตราบในที่บุตรชายของตนไม่ออกนอกลู่นอกทางจากตำราเรียน เขาก็ไม่สนใจเรื่องอื่นใดอีก
เมื่อหลี่เวยได้ยินหนิงเมิ่งเหยาเอาเรื่องพ่อมากดดันเขา เขาก็นิ่วหน้า ดูเหมือนว่าหญิงผู้นี้จะไม่ใช่สาวชาวบ้านธรรมดาๆ เสียแล้ว
เมื่อเฉียวเทียนช่างกลับลงมาจากภูเขา เขาเห็นชายผู้หนึ่งยืนอยู่หน้าประตูบ้าน ส่วนหนิงเมิ่งเหยานั้น ใบหน้าของนางมีความรังเกียจเดียดฉันท์ปรากฏอยู่
เขารีบเดินเข้าไปหาหนิงเมิ่งเหยา พลันคิ้วที่ขมวดเป็นปมของนางก็คลายออก “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเจ้าจึงโมโหขนาดนี้?”
“มีผู้บุกรุก” หนิงเมิ่งเหยาไม่ได้อธิบายให้กระจ่าง แต่เฉียวเทียนช่างก็เข้าใจ
เขาหันไปหาหลี่เวย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ พลางกล่าวถาม “เจ้าคนโง่เขลาผู้นี้มาจากที่ใดกัน?”
จะไม่ให้เรียกว่าโง่ได้อย่างไร? ในเมื่อหมอนี่ยังกล้ายืนอยู่ในบ้านของคนอื่นทั้งๆ ที่เจ้าของบ้านไม่ให้การต้อนรับเลยแม้แต่น้อย การกระทำเช่นนี้ไม่ต่างกับการหาเรื่องใส่ตัวสักนิด
สีหน้าของหลี่เวยเริ่มไม่น่ามองระหว่างที่จ้องเขม็งไปยังเฉียวเทียนช่าง ความสัมพันธ์ระหว่างชายผู้นี้กับหญิงงามที่เขาหมายตาคืออะไรกัน? เหตุใดพวกเขาจึงดูสนิทชิดเชื้อกันเช่นนี้?
“เทียนช่าง ข้าไม่อยากเห็นชายผู้นี้อีก เห็นแล้วข้าอยากควักดวงตาอันแสนโสมมของเขาออกมานัก” หนิงเมิ่งเหยาพูดขึ้น
สิ่งที่นางเกลียดที่สุดคือการที่ผู้อื่นมองนางด้วยสายตาอันแสนน่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้
เฉียวเทียนช่างพยักหน้าก่อนเอื้อมมือขึ้นมาสัมผัสไหล่นาง “ใจเย็นก่อน”
บทที่ 166 นางหมั้นหมายแล้ว
เฉียวเทียนช่างเดินเข้าไปหาหลี่เวย “เจ้าอยากกลับออกไปด้วยตัวเองหรือว่าอยากให้ข้าโยนเจ้าออกไป?”
สีหน้าของหลี่เวยยิ่งดูน่าเกลียดน่ากลัวขึ้นอีก หากดูจากกิริยาท่าทางอันน่าเกรงขามของชายผู้นี้แล้ว เขาสามารถบอกได้เลยว่าชายผู้นี้นั้นไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน เมื่อคิดได้ดังนั้นสีหน้าของเขาก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”
“เจ้าคือชายที่หยางชุ่ยแต่งงานด้วย บุตรชายของท่านเจ้าเมือง ทำไมหรือ? เหตใดบุตรชายที่ท่านเจ้าเมืองคนก่อนภาคภูมิใจนักหนาจึงใช้อำนาจบาตรใหญ่ในการกดขี่ผู้อื่นเช่นนี้เล่า? เจ้าทำให้ข้ารู้สึกตาสว่างเสียจริงเชียว” หนิงเมิ่งเหยาถากถาง
หลี่เวยมองหนิงเมิ่งเหยา “มาเป็นผู้หญิงของข้าเสีย ข้าสามารถให้เจ้าได้ทุกอย่างที่เจ้าต้องการ”
คำพูดประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวทำเอาหนิงเมิ่งเหยาหลุดหัวเราะ ส่วนเฉียวเทียนช่างถึงกับควันออกหู รอยยิ้มเยาะหยันบนใบหน้าของหนิงเมิ่งเหยาเริ่มรุนแรงขึ้น
“เจ้าให้ข้าได้ทุกอย่างที่ข้าต้องการ? เช่นนั้นหากข้าต้องการศีรษะของเจ้า เจ้าจะให้ข้าได้หรือไม่เล่า?” หนิงเมิ่งเหยาแย้มรอยยิ้มซึ่งไม่เหมือนรอยยิ้มออกมา วาจาที่นางกล่าวนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
มือของเฉียวเทียนช่างโอบรอบเอวของหนิงเมิ่งเหยาแน่นราวกับกำลังประกาศความเป็นเจ้าของอย่างเงียบๆ
“คิดที่จะมาแย่งผู้หญิงกับข้า? เจ้าเตรียมใจพร้อมจะตายแล้วหรือ?” เฉียวเทียนช่างจ้องมองหลี่เวยอย่างเย็นชา
นางเป็นสมบัติอันล้ำค่าในมือของเขา เขาจะปล่อยให้คนอื่นแย่งนางไปได้เช่นไร?
หลี่เวยมองเฉียวเทียนช่างกลับด้วยสายตาเย็นชาไม่แพ้กัน “เจ้าเป็นเพียงแค่พรานป่า เจ้าจะไปให้อะไรกับนางได้? ยิ่งไปกว่านั้นนางจะอยู่กับข้าหรือไม่อยู่ นั่นมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะเป็นคนตัดสินใจ”
“ข้าหาได้มีความสนใจในผลไม้เหี่ยวๆ และอัปลักษณ์ไม่” หนิงเมิ่งเหยาเบะปากด้วยความรังเกียจและพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
เฉียวเทียนช่างยกมือขึ้นบีบจมูกเล็กๆ ของหนิงเมิ่งเหยา “เขาเป็นถึงบุตรชายของท่านเจ้าเมืองเชียว อย่างน้อยเราก็ควรจะรักษาหน้าเขาบ้าง”
“หน้าตามันราคาเท่าไหร่กันหรือ? ข้าจะขายให้เจ้า” หนิงเมิ่งเหยามองเฉียวเทียนช่างพลางส่งเสียงในลำคอ
หลี่เวยมองหญิงสาวซึ่งเขาหมายปองหยอกเอินชายอื่นอยู่ตรงหน้าตัวเอง พลันใบหน้าของเขาก็ยิ่งอึมครึม
“ข้าจะทำให้เจ้าต้องเสียใจกับเรื่องนี้” เมื่อกล่าวจบ เขาก็หันหลังกลับไป
สีหน้าของหนิงเมิ่งเหยาแปรเปลี่ยนเป็นดุร้าย “ข้าล่ะไม่เข้าใจจริงๆ เลยว่าในหัวคนผู้นั้นมีอะไรอยู่ข้างในกันแน่”
เฉียวเทียนช่างหรี่ตาลง ใบหน้าของเขามีสีหน้าอันยากจะหยั่งถึงปรากฏอยู่ “เขามาที่นี่ได้อย่างไร?”
หนิงเมิ่งเหยายักไหล่ก่อนอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง เมื่อเฉียวเทียนช่างได้ฟังดังนั้น คิ้วของเขาก็เลิกขึ้นเล็กน้อย “หยางชุ่ยพาเขามา? นางต้องการอะไร?”
“ใครจะไปรู้ว่านางต้องการอะไร” ถึงแม้ว่านางจะกล่าวเช่นนั้น แต่ภายในใจก็นึกคำตอบพิลึกหลายประการได้แล้ว
เป็นอีกครั้งที่หยางชุ่ยน่าจะกำลังวางแผนการอะไรอยู่
หลี่เวยกลับมาบ้านของหยางชุ่ยด้วยความกรุ่นโกรธ เขาดึงแขนของนางเข้าไปในห้องก่อนเอ่ยถามเสียงเย็น “หญิงผู้นั้นชื่ออะไร?”
และโดยไม่ต้องเอ่ยถามประการใด หยางชุ่ยก็เข้าใจว่าเขาหมายความว่าเช่นไร “นางชื่อหนิงเมิ่งเหยา”
“แล้วชายผู้นั้น?” เมื่อนึกถึงชายหนุ่มผู้ซึ่งโอบเอวหนิงเมิ่งเหยาอยู่ ดวงตาของหลี่เวยก็เต็มไปด้วยโทสะ
ริมฝีปากของหยางชุ่ยโค้งขึ้นก่อนพูดเสียงเบา “เขาเป็นคู่หมั้นของหนิงเมิ่งเหยา พวกเขาหมั้นหมายกันมาสักระยะหนึ่งแล้ว”
“เจ้าว่าอะไรนะ? นางหมั้นแล้ว?” หลี่เวยมีท่าทางราวกับเพิ่งโดนฟ้าผ่าใส่ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง
นางหมั้นหมายแล้วจริงๆ ถ้าหากไม่มีการหมั้น เขายังพอจะหาทางชิงตัวนางมาได้ แต่ถ้าหากนางหมั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วอย่างว่า เช่นนั้นก็คงจะเป็นการยากนัก หากตาแก่ที่จวนได้ยินเรื่องนี้เข้า เขาคงไม่ได้กลับไปโดยไร้รอยขีดข่วนเป็นแน่
“ใช่ นางหมั้นแล้ว พวกเขาหมั้นกันทันทีหลังจากจบเทศกาลแข่งเรือมังกร” หยางชุ่ยพยักหน้า เมื่อเห็นท่าทางขัดแย้งในตนเองของหลี่เวย นางก็ลอบยิ้มอย่างเย็นชาในใจ เขานั้นเป็นเพียงชายตัณหาจัดผู้ขลาดเขลาผู้หนึ่ง
หลี่เวยนั่งอยู่บนเตียง ขณะเคาะมือลงบนโต๊ะ ใบหน้าของเขาดูไม่มีความสุข และไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าตอนนี้เขากำลังครุ่นคิดเรื่องอันใดอยู่
เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนั้น หยางชุ่ยก็หน้านิ่วคิ้วขมวด “ท่านพี่ ท่านกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่?”
“ไม่มีอะไร หากเจ้าอยากอยู่ที่นี่ ก็อยู่ต่อเถอะ ข้าจะกลับไปก่อน” เขาอยากจะตรวจสอบพื้นเพของชายหญิงคู่นั้นเสียก่อน
บรรยากาศอันน่าเกรงขามของเฉียวเทียนช่างนั้นไม่เหมือนพรานป่าธรรมดาๆ เลยแม้แต่นิดเดียว
หากหนึ่งในพวกเขาเป็นคนที่ไม่ควรจะไปต่อกรด้วย เช่นนั้นแล้วเขาคงทำได้เพียงพักความคิดของตนเกี่ยวกับหนิงเมิ่งเหยาเอาไว้ก่อน เขาไม่ได้ต้องการที่จะทำลายอนาคตตัวเองเพียงเพราะผู้หญิงคนหนึ่งหรอกนะ
แม้ว่าเรื่องผู้หญิงนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญอยู่ แต่เมื่อเทียบกับอนาคตของตัวเองแล้ว คงจะเป็นการดีกว่าถ้าไม่ไปขโมยผู้หญิงของคนอื่นมา
หยางชุ่ยได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นช่างเหนือความคาดหมายนัก “ท่านพี่ ท่านอยากกลับแล้วหรือ?”
“ใช่”
หลี่เวยเดินทางกลับอย่างรวดเร็ว ลืมสิ้นซึ่งข้อตกลงที่ให้กับนางไว้ว่าจะพักอยู่ที่บ้านนางต่อ