บทที่ 163 หลี่เวย บุตรชายของท่านเจ้าเมือง
เมื่อไม่มีสิ่งใดต้องทำ เฉียวเทียนช่างมักจะชอบมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ หนิงเมิ่งเหยา คอยฟังนางคุยเรื่องธุรกิจและตระกูล น้ำเสียงอันอ่อนโยนของนางนั้นนับว่าเป็นเสียงที่หวานที่สุดเท่าที่เขาเคยได้ยินมา
“เจ้ามองอะไรอยู่?” หนิงเมิ่งเหยาหันหลังกลับมา ก่อนจะเจอเข้ากับเฉียวเทียนช่างซึ่งกำลังมองนางอยู่อย่างสนใจพร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
ท่าทางเช่นนั้นทำเอาหนิงเมิ่งเหยารู้สึกทำอะไรไม่ถูก
“ไม่มีอะไร ข้าเพียงแค่จู่ๆ ก็รู้สึกว่าชีวิตเช่นนี้นั้นดียิ่งนัก” ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้จักความหมายของการมีชีวิตเลย เขามักจะง่วนอยู่กับการทำอะไรหลายต่อหลายอย่างเพื่อดึงให้ตัวเองรู้สึกชินชาไปกับสิ่งที่เรียกว่าชีวิตเสียมากกว่า ยิ่งเมื่อหลังจากเขามาถึงหมู่บ้านไป๋ซาน เขาก็ยิ่งเอาแต่มองหาอะไรทำเพื่อเติมเต็มความว่างเปล่าภายในจิตใจของตน
แต่หลังจากเขาได้รู้จักหนิงเมิ่งเหยา ดูเหมือนว่าเขาไม่จำเป็นต้องวุ่นวายคิดว่าตัวเองจะต้องทำอะไรต่อไปในแต่ละวัน ตราบใดที่เขาอยู่กับนาง ดูเหมือนว่าเวลานั้นจะผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ วันแล้ววันเล่าผ่านพ้นไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว
หนิงเมิ่งเหยาชะงักก่อนจะหัวเราะออกมา จริงด้วย ชีวิตเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน
สำหรับหยางชุ่ย นางตั้งใจว่าจะพักอยู่ที่บ้านสักสองสามวันก่อนจะกลับไปยังบ้านของหนิงเมิ่งเหยา นางใช้เวลาในการคิดหาแผนการว่านางควรจะกลับไปจัดการกับหนิงเมิ่งเหยาอย่างไรดี ใครจะรู้ว่าการมาถึงของคนผู้หนึ่งจะทำให้แผนการของนางถูกรบกวน และคนผู้นั้นก็คือสามีของหยางชุ่ย หลี่เวยบุตรชายของท่านเจ้าเมืองนั่นเอง
“ชุ่ยเอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว” หลี่เวยตะโกนเรียกนางทันทีที่เขาเดินผ่านประตูเข้ามา เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่เขาต้องเป็นห่วงหยางชุ่ยเอามากๆ นั่นทำให้นางเฉินรู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งยวด มันคงยิ่งดีถ้าบุตรสาวของนางใช้โอกาสนี้มีลูกให้เขา เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นางเฉินก็ยกยิ้ม
หยางชุ่ยผู้กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดเรื่องแผนการของตนนั้น เมื่อได้ยินเสียงของเขาลอยมา ใบหน้าก็เปื้อนรอยยิ้ม
“หยางชุ่ยอยู่ในห้อง” นางเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงอันพออกพอใจ
หลี่เวยมองนางเฉินก่อนกล่าวขอบคุณนางเบาๆ ในดวงตาของเขามีร่องรอยการดูถูกปรากฏอยู่ภายใน แต่นางเฉินดูไม่ออก
“ไหนๆ ก็มาแล้ว ทำไมไม่พักที่นี่สักสองสามวันแล้วค่อยกลับไปเล่า?” นางเฉินถามด้วยท่าทางกระวนกระวาย
นางอยากให้หลี่เวยอยู่ต่อสักสองสามวัน เพื่อให้ชาวบ้านในหมู่บ้านได้เห็นว่าบุตรสาวของนางได้แต่งงานกับคนฐานะดี ถึงแม้ว่านางจะเป็นอนุภรรยา แต่นางก็เป็นคนโปรดของเขา
นางอยากให้ทุกคนรู้ว่าเฉียวเทียนช่างนั้นเป็นเพียงคนไร้ค่าผู้หนึ่งเท่านั้นเมื่อเทียบกับบุตรชายของท่านเจ้าเมือง
คิ้วของหลี่เวยขมวดเข้าหากันยามเมื่อเขาเหลียวมองตัวบ้าน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แต่เขาก็รู้สึกรังเกียจมันยิ่งนัก
เขาเป็นบุตรชายคนเดียวของตระกูลเชียว จะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นบ้านของหยางชุ่ย แต่เขาก็ไม่สามารถสั่งตัวเองให้ทำเช่นนั้นได้
เขาโปรดปรานหยางชุ่ยเพียงเพราะนางนั้นว่านอนสอนง่าย
หยางชุ่ยมองออกมาจากห้อง และสังเกตเห็นสีหน้าอันไม่สบอารมณ์ของหลี่เวยนางผลุนผลันออกจากห้องของตน “ท่านพี่ ท่านมาแล้ว เหตุใดจึงไม่บอกข้าเล่า?”
เมื่อเห็นหยางชุ่ยซึ่งกำลังวิ่งมาหาเขาอย่างรวดเร็ว เขาก็กะพริบตาก่อนเอื้อมมือไปกอดเอวนางไว้
ร่างของหยางชุ่ยสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนนางจะค่อยๆ เอนกายเข้าหาอ้อมแขนของเขา แล้วจับชุดของเขาเอาไว้ ถึงแม้ว่าไม่ว่ามองอย่างไรท่วงท่าที่ทั้งสองยืนไหล่ชนไหล่กันอยู่นั้นจะดูแปลกประหลาด แต่นางเฉินก็รู้สึกมีความสุขไปกับบุตรสาวของตน
ชาวบ้านซึ่งยืนอยู่ด้านนอกรู้สึกราวกับโดนดูถูกเมื่อเห็นการกระทำของหยางชุ่ย พวกเขาซุบซิบกันเล็กน้อย ก่อนแยกย้ายกลับบ้านของตนไป แค่เพราะนางเฉินรู้สึกเป็นสุข ใช่ว่าคนอื่นๆ จะต้องรู้สึกเช่นเดียวกับนางไปด้วย
หลี่เวยเชยคางหยางชุ่ยขึ้นก่อนกล่าวเบาๆ “ข้าไม่เห็นเจ้าอยู่บ้าน ข้าก็เลยมาหา”
“ท่านพี่ ข้าตั้งใจว่าจะมาพักอยู่กับตระกูลสักสองสามวัน ท่านพี่จะอนุญาตหรือไม่?” หยางชุ่ยช้อนตามองหลี่เวยสีหน้าของนางดูไม่สบายใจเล็กน้อย
หลี่เวยเห็นความไม่สบายใจภายในดวงตาของนาง ก่อนรอยยิ้มจางบนใบหน้าของเขาจะกว้างขึ้น “ในเมื่อเจ้าตั้งใจจะอยู่ที่นี่สักสองสามวัน เช่นนั้นก็ตามใจเจ้าเถิด”
หยางชุ่ยรู้สึกพอใจ นางพยักหน้ารัวเร็ว “ขอบคุณท่านพี่”
หลี่เวยโน้มตัวเข้าไปใกล้หูของหยางชุ่ยก่อนจะขบกัดใบหูของนางเบาๆ เขาพูดขึ้นมาว่า “เจ้ารู้ใช่หรือไม่ ว่าจะตอบแทนข้าอย่างไร?”
“ท่านพี่ ท่านช่างลามกนัก” หยางชุ่ยหน้าขึ้นสี
เมื่อมองทั้งสองเกี้ยวพาราสีกัน นางเฉินก็ยิ่งรู้สึกพอใจ นี่คือสิ่งที่ควรจะเป็น บุตรสาวของนางควรใช้ทุกวิถีทางมัดใจเขาให้อยู่หมัด
หยางชุ่ยส่งสัญญาณให้มารดาของตน นางเฉินพยักหน้ารับ “โอ้ เชิญพวกเจ้าตามสบาย ข้าขอตัวออกไปซื้อเนื้อสักหน่อยก็แล้วกัน” ระหว่างกล่าวเช่นนั้น นางเฉินก็รีบออกไปอย่างรวดเร็วราวกับวิ่งหนีผี
บทที่ 164 ตะลึงงัน
หลี่เวยมองหยางชุ่ยด้วยรอยยิ้ม มือของเขาค่อยๆ เลื่อนมาสัมผัสหน้าอกของนาง “ข้าไม่รู้เลยว่าเจ้าจะอยากอยู่สองต่อสองกับข้าถึงเพียงนี้?”
“หืม?” ตลอดเวลาที่แต่งงานกับหลี่เวยมา หยางชุ่ยนั้นค่อนข้างคุ้นเคยกับการกระทำอันเข้าใจง่ายของหลี่เวยดี นางเองก็หลงรักเขาเข้าแล้ว ฉะนั้น เมื่อได้ยินสิ่งที่เขากล่าว นางจึงมองเขาด้วยสายตายั่วยวน
หลี่เวยรู้สึกสำราญใจกับกิริยาในตอนนี้ของหยางชุ่ย เขายื่นมือไปเชยคางของนางขึ้นก่อนจะบรรจงจูบริมฝีปากเล็กๆ ของนาง “ในเมื่อเจ้าต้องการข้ามากเพียงนี้ เช่นนั้นคงเป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าต้องให้ในสิ่งที่เจ้าต้องการอยู่แล้ว”
เมื่อนางเฉินกลับมา นางไม่ถึงกับต้องพยายามเงี่ยหูฟัง ก็ได้ยินเสียงครางดังออกมาจากห้องของหยางชุ่ย
เมื่อได้ยินเสียงนั้น นางก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก
ทั้งสองสวมชุดให้เข้าที่หลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมซึ่งทำร่วมกัน ในเวลานั้นนางเฉินกำลังเข้าครัวทำกับข้าวอยู่ ใบหน้าของหยางชุ่ยยังคงขึ้นสีแดงฝาดมากกว่ายามปกติ
ใครๆ ต่างก็สามารถมองเห็นร่องรอยความขวยเขินซึ่งอยู่ภายในดวงตาของหยางชุ่ยได้อย่างชัดเจน
ในไม่ช้า หยางชุ่ยก็คิดขึ้นมาได้
หลี่เวยนั้นเป็นคนที่เพียบพร้อมในทุกสิ่ง ทว่าค่อนข้างจะมีตัณหาราคะมากกว่าผู้อื่นเล็กน้อย แม้ว่านางจะไม่อยากยอมรับ แต่หนิงเมิ่งเหยานั้นงดงามยิ่งนัก อีกทั้งลักษณะบุคลิกของนางเองก็ดูราวกับเทพธิดาจุติลงมาด้วยแล้ว หากหลี่เวยได้เห็น เขาจะต้องนึกชอบนางแน่นอน
หากความสาวบริสุทธิ์ของหนิงเมิ่งเหยาถูกพรากไปอย่างไม่สมัครใจด้วยฝีมือของหลี่เวยแล้วเฉียวเทียนช่างจะยังปฏิบัติกับหนิงเมิ่งเหยาได้เหมือนกับที่เขาปฏิบัติต่อนางในตอนนี้ได้หรือเปล่า?
“ท่านพี่ ออกไปเดินเล่นข้างนอกกันไหม?” เมื่อคิดได้เช่นนั้น หยางชุ่ยก็เอ่ยปากชักชวนหลี่เวยด้วยท่าทีเหนียมอาย
หลี่เวยพยักหน้า
หยางชุ่ยพาหลี่เวยไปที่หมู่บ้าน ภาพที่เห็นดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรผิดปกติ
หลี่เวยสังเกตเห็นบ้านสองหลังดูแปลกตาซึ่งปลูกอยู่บริเวณตีนเขาไกลๆ เขาอดที่จะถามขึ้นมาด้วยความสงสัยไม่ได้ว่า “ใครอยู่ที่นั่นหรือ?”
“เอ๋? นั่นเป็นบ้านของหญิงกำพร้าผู้หนึ่งในหมู่บ้านเจ้าค่ะ” หยางชุ่ยอธิบายคร่าวๆ
“เอ๋? นางหน้าตาเป็นเช่นไรรึ?” หลี่เวยถามต่อ เลิกคิ้วขึ้น
หยางชุ่ยมองหลี่เวยอย่างไม่พอใจ “ท่านพี่ ท่านมีข้ากับภรรยาท่านแล้ว ท่านยังจะมองหาหญิงอื่นอีกหรือ?” เมื่อเห็นสีหน้าของหยางชุ่ย หลี่เวยก็หัวเราะออกมา
เขาเชยคางหยางชุ่ยขึ้นก่อนจุมพิตนางอย่างหนักหน่วง “เอ๋? เจ้าหึงหรือ?”
หยางชุ่ยส่งเสียงหึในลำคอ ท่าทางอันนิ่มนวลของนางไม่ได้ดูเหมือนโกรธขึงแต่อย่างใด ทว่านางกลับดูเหมือนเด็กเอาแต่ใจเสียมากกว่า
เมื่อหลี่เวยกำลังจะพูดอะไรขึ้นมา หญิงสาวในชุดสีฟ้าก็เดินออกมา
ชุดสีฟ้านั้นถูกปักด้วยดอกไม้หลากหลายดอก และเส้นผมของนางก็เพียงถูกม้วนเก็บไว้ลวกๆ ด้วยปิ่นปักผมสีเขียวเข้ม
นางดูไม่เหมือนหญิงสาวคนใดที่เขาเคยพบมาก่อน นางดูเหมือนเทพธิดาซึ่งอาศัยอยู่ในป่าดงพงไพรไม่มีผิด
หลี่เวยเผลอจ้องมองนาง ลืมไปเสียสนิทว่าตนมีอนุภรรยาแสนอ่อนหวานยืนอยู่ข้างกาย
ถึงแม้ว่าหยางชุ่ยจะไม่พอใจกับท่าทางที่หลี่เวยใช้มองหนิงเมิ่งเหยา แต่นางก็รู้สึกมีความสุขอยู่ลึกๆ
หลี่เวยเป็นบุตรชายของท่านเจ้าเมือง ดังนั้นหากเขาต้องการสิ่งใด ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหยุดเขาได้ หนิงเมิ่งเหยา ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่าเจ้าจะทำอย่างไรต่อไป? เจ้าจะขัดขืนเขาได้หรือเปล่า?
หนิงเมิ่งเหยาผู้ซึ่งกำลังจะไปบ้านของเฉียวเทียนช่างพลันรู้สึกถึงสายตาเร่าร้อนอันไม่น่าพิศวาสจ้องมองมาที่ตน
เมื่อนางหันไป นางเห็นหยางชุ่ยและชายผู้หนึ่งยืนอยู่ไม่ไกล ชายผู้นั้นกำลังจ้องมองนางด้วยดวงตาอันน่าขยะแขยง
ความสะอิดสะเอียนแล่นผ่านดวงตาของนาง ก่อนนางจะเร่งฝีเท้าของตนขึ้น ในไม่ช้านางก็เดินเข้าไปในบ้านของเฉียวเทียนช่าง
หลังจากหนิงเมิ่งเหยาหายลับตาไป หลี่เวยก็ยังคงตกอยู่ในภวังค์เช่นนั้นจนกระทั่งเขาได้ยินหยางชุ่ยเรียกตนซ้ำๆ อย่างไม่มีวี่แววว่าจะหยุด
“ท่านพี่ นางสวยใช่หรือไม่?”
“สวยมาก นางต้องเป็นเทพธิดาแน่” หลี่เวยมองไปยังจุดที่หนิงเมิ่งเหยาเคยยืนอยู่ด้วยสายตาว่างเปล่า
เมื่อเปรียบเทียบกับหญิงเมื่อครู่ เขาไม่เคยเจอใครเลยที่จะสวยได้ทัดเทียมกับนาง
สำหรับหยางชุ่ยผู้ที่เขาเคยคิดว่าน่ารักผู้นี้ ก็ยังสามารถกล่าวได้ว่าไร้ตัวตนไปเลยเมื่อเทียบกับหนิงเมิ่งเหยา
เขาอยากรู้ว่าหญิงเมื่อครู่เป็นผู้ใด ด้วยกริยาและท่าทางเช่นนั้น ช่างน่าสงสารนักที่นางต้องมาอยู่ในหมู่บ้านเชิงเขาเช่นนี้ เขาจะต้องทำให้หญิงสาวแสนสวยผู้นั้นเป็นของเขาให้จงได้
คิ้วของหยางชุ่ยขมวดเข้าหากัน ถึงแม้ว่านี่จะเป็นสิ่งที่นางต้องการ แต่เมื่อเห็นสามีของตนพอใจในตัวหญิงอื่นเช่นนี้ก็ทำให้นางรู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
“ท่านพี่ กลับกันเถอะ” ในเมื่อแผนการของหยางชุ่ยบรรลุผลแล้ว นางจึงไม่อยากอยู่ต่อ หนิงเมิ่งเหยานั้นเป็นนางจิ้งจอกจริงๆ ทั้งที่ตัวเองก็แต่งงานแล้ว แต่กลับยังสามารถขโมยสามีของคนอื่นไปได้อีก