บทที่ 97 หยางเล่อเล่อถูกนางหลอกไปขาย
หยางซิ่วเอ๋อร์รู้สึกฉุนเฉียวจนเค้นเสียงหัวเราะออกมา แล้วมองหนิงเมิ่งเหยา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอันร้ายกาจ “ข้าจะทำให้เจ้าต้องสำนึกที่บังอาจมาปฏิเสธข้า” เมื่อพูดจบ นางจึงเดินจากไป
‘ในเมื่อหนิงเมิ่งเหยาไม่ไยดี แล้วนางจะอยู่ต่อไปทำไมกัน เพื่อจะได้รู้สึกอัปยศอดสูหรืออย่างไร’
หนิงเมิ่งเหยามองแผ่นหลังของหยางซิ่วเอ๋อร์ ก่อนจะหมุนตัวจากไปเช่นกัน หญิงสาวไม่อาจถูกชะตากับคนที่คิดว่าโลกทั้งใบหมุนรอบตัวเองเช่นนางผู้นั้นได้
เมื่อหนิงเมิ่งเหยากลับมาถึงหน้าประตูบ้าน ก็พบว่าเฉียวเทียนช่างยืนรออยู่ หัวใจอันยุ่งเหยิงของนางที่มัวแต่คิดเรื่องหยางซิ่วเอ๋อร์ก็มลายหายไปในพริบตา
“เป็นเช่นไรบ้าง”
“เจ้าวางใจได้เลย ข้าขุดหลุมสำหรับเมล็ดพันธุ์องุ่นแล้ว และมีคนอื่นๆ คอยช่วยเหลือด้วย เหลือเพียงรอให้เจ้าบอกวิธีปลูกมันเท่านั้น” ในเวลานั้น หนิงเมิ่งเหยาบอกเขาให้หาเมล็ดพันธุ์องุ่น เขาจึงชักชวนผู้คนจากบนภูเขาไปหามันจากทุกที่ที่เขารู้จัก โดยให้ค่าจ้างพวกเขาเป็นเงินห้าสิบอีแปะต่อวัน
เนื่องจากในช่วงนี้ยังไม่ใช่ฤดูเก็บเกี่ยว ดังนั้นผู้คนที่พอมีศิลปะต่อสู้ป้องกันตัวจึงเต็มใจไปกับชายหนุ่ม เพราะหากพวกเขาพลาดโอกาสนี้ไป ในหมู่บ้านก็จะไม่มีเสบียงกักตุน
ในระยะเวลาห้าวัน ตรงลานบ้านของหนิงเมิ่งเหยาก็มีเมล็ดพันธุ์องุ่นวางเรียงรายอยู่ หลังจากนั้นหญิงสาวจึงหาคนมาช่วยขุดหลุมบนพื้นดินอันแห้งแล้งสำหรับเพาะชำเมล็ดเพื่อปลูก ในเวลาเดียวกันนั้นเอง นางก็ปลูกต้นไม้พันธุ์อื่นๆ มากมาย เช่น ต้นท้อ ต้นแอปริคอท ต้นยูคาลิปตัส เป็นต้น
ในเวลาเพียงห้าถึงหกวันที่ผ่านมานั้น ไม่เพียงแต่เหล่าต้นไม้นานาพรรณเหล่านี้จะปลูกเสร็จสิ้น
แต่ขณะเดียวกัน จู่ๆ เหล่าชาวบ้านก็ต่างนินทาว่าร้ายหนิงเมิ่งเหยา
“เหยาเอ๋อร์ ข้าไม่รู้ว่าใครปล่อยข่าวลือว่าเจ้าขายตัวเล่อเล่อ และส่งนางออกไปนอกหมู่บ้านโดยไม่มีวันกลับมา” นางหยางมายังบ้านของหนิงเมิ่งเหยาด้วยใบหน้าซีดเผือดและโมโห ‘คนที่ปล่อยข่าวนั้นช่างไร้ยางอายเสียจริง’
ก่อนหน้านี้ นางได้รับจดหมายจากลูกสาวของตนเอง เขียนบอกว่านางสบายดี และจะกลับมาในช่วงปลายเดือน แต่ใครจะรู้ว่าจะมีข่าวลือเช่นนี้ออกมาได้ หากนางหยางรู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวลือนี้ นางจะฉีกปากเหล่าผู้คนที่ชอบซุบซิบนินทาเสียให้สิ้น
“ท่านป้าหยาง ข้ามิได้โกรธเลย ทำไมท่านจะต้องโมโหด้วยเล่า” หนิงเมิ่งเหยามองนางหยางพร้อมยิ้มให้
เมื่อนางหยางเห็นหญิงสาวยังคงยิ้มได้แม้จะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี “เรื่องราวมาถึงขนาดนี้ เจ้ายังยิ้มอยู่ได้เช่นไรกัน”
“หากข้าไม่ยิ้ม แล้วจะให้ข้าร้องไห้หรือ เดี๋ยวความจริงก็จะเปิดเผยออกมาเอง เล่อเล่อจะกลับมาในอีกสองวันนี้แหละ เมื่อเวลานั้นมาถึง ผู้คนก็จะเงียบกันไปเอง” หนิงเมิ่งเหยาพูดกับนางหยางพลางทำงานอย่างอื่นไปด้วย
นางหยางครุ่นคิดและเห็นว่าเป็นความจริง ดังนั้นนางจึงผงกศีรษะแล้วไม่พูดอะไรต่อ
เหล่าชาวบ้านเห็นว่าเป็นเรื่องแปลก เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านและตระกูลของเขาต่างก็ได้ยินข่าวลือเรื่องนี้ แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกไม่พอใจ แต่กลับไม่ไปสร้างปัญหากับหนิงเมิ่งเหยาเลย ทั้งนี้ทั้งนั้น มีผู้คนจำนวนไม่น้อยเลยที่ต่างคลางแคลงใจกับข่าวลือที่แพร่สะพัดนี้
บรรยากาศในหมู่บ้านเริ่มแปลกขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสองวันผ่านไป
มีเกวียนรถม้าเล่มหนึ่งเข้ามายังหมู่บ้าน เหล่าหญิงสาวตรงหน้าประตูซึ่งกำลังพูดคุยกันอยู่ต่างมองดูอย่างใคร่รู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกวียนรถม้าเล่มนั้นหยุดตรงหน้าบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน
จากนั้น พวกเขาจึงเห็นหญิงสาวคนหนึ่งลงมาจากเกวียนรถม้า ซึ่งเป็นใครอื่นมิได้ นอกเสียจากหยางเล่อเล่อ
หลังลงมาจากเกวียนรถม้า นางยังนำสิ่งของจำนวนมากลงมาด้วย บ้างก็ชิ้นเล็ก บ้างก็ชิ้นใหญ่ มีทั้งเนื้อปลาและเนื้อสัตว์ รวมถึงเสื้อผ้าและสิ่งต่างๆ มากมาย
เมื่อเหล่าชาวบ้านเห็นดังนั้น จึงพูดคุยกันอย่างดุเดือดเสียยิ่งกว่าเก่า และคิดไปกันว่าหนิงเมิ่งเหยาขายหยางเล่อเล่อให้เป็นอนุภรรยาของตระกูลผู้ร่ำรวย เพราะถ้าไม่ใช่ แล้วนางจะมีสิ่งของมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร ทุกคนต่างรู้ดีว่าสิ่งของเหล่านั้นมีราคาไม่ต่ำกว่าเจ็ดถึงแปดตำลึงเงินทีเดียว
“เล่อเล่อ เอ่อ คือช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เจ้าไปไหนมาหรือ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าถูกขายให้กับตระกูลที่ร่ำรวยตระกูลหนึ่ง” บางคนไม่อาจอดใจไหว จึงเอ่ยถามตรงหน้าประตูบ้านของหยางจู้
หยางเล่อเล่อกวาดตามองผู้พูดคนนั้น ก่อนเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา “ป้า ข้าไม่พอใจนักกับคำพูดเหล่านั้น บอกว่าข้าถูกขายให้กับตระกูลที่ร่ำรวยเช่นนั้นหรือ หมายความว่าอย่างไรกัน ตัวข้าเพิ่งไปยังหอเย็บปักผ้า เพื่อจะได้เป็นช่างปักเย็บผ้านะ แล้วเหตุใดจึงกลายเป็นว่าข้าถูกขายให้กับตระกูลที่ร่ำรวยเล่า”
ในระยะเวลาเพียงยี่สิบวัน หยางเล่อเล่อเปลี่ยนไปมากราวกับเป็นคนละคน
เมื่อเหล่าชาวบ้านที่เข้ามาถามไถ่ได้ยินคำตอบจากเด็กสาว จึงเดินจากไปอย่างกระอักกระอ่วนใจ
บทที่ 98 ไม่เป็นความจริง
หยางเล่อเล่อมองดูกลุ่มแม่บ้านที่จับกลุ่มคุยกันนั้น แล้วรู้สึกเย้ยหยันในใจ ‘คนประเภทนี้มักทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนจริงๆ ’
‘พวกเขาถามคำถามเหล่านั้น เพียงเพื่อจะกล่าวหาว่าเหยาเหยาเป็นคนผิดเช่นนั้นหรือ’
ตลอดระยะเวลายี่สิบวันที่ผ่านมาที่อยู่ที่นั่น นางได้รับความรู้มากมาย ไม่เพียงแต่เรียนรู้วิชาเย็บปักถักร้อย แต่ช่างปักเย็บผ้าทุกๆ คนยังได้เรียนรู้วิธีการวาดและได้หัดอ่านหนังสือกันทุกวันอีกด้วย นางรู้สึกว่าทุกวันของนางนั้นช่างน่าพอใจอย่างยิ่ง
เมื่อนางหยางเห็นลูกสาวของตนกลับมาถึง ดวงตาของของนางก็เต็มไปด้วยความสุข “เล่อเล่อ กลับมาแล้วรึ” นางเอื้อมมือไปรับสิ่งของต่างๆ ที่หยางเล่อเล่อนำกลับบ้าน พร้อมทั้งต้อนรับการกลับมาของลูกสาวอย่างอารมณ์ดี
หลังจากพวกเขาเข้าไปในบ้าน นางหยางจึงอดไม่ได้ที่จะถามไถ่ “เล่อเล่อ อยู่ที่นั่นเจ้าสบายดีจริงๆ ใช่หรือไม่”
หยางเล่อเล่อผงกศีรษะ “ใช่แล้วท่านแม่ ตอนข้าอยู่ที่นั่น ข้าทำงานเพียงหนึ่งชั่วยามกับอีกสี่เค่อในร้านรับซื้องานผ้าปัก ส่วนเวลาที่เหลือข้าได้เรียนรู้วิธีการอ่าน การวาด และทำสิ่งต่างๆ มากมายทีเดียว”
“จริงหรือนี่” นางหยางประหลาดใจ เพราะคิดว่าลูกสาวคงจะต้องยากลำบาก และต้องเหน็ดเหนื่อยอย่างยิ่งจากการไปทำงานข้างนอกเป็นแน่
ใครจะคิดว่าหยางเล่อเล่อจะทำงานเพียงไม่กี่ชั่วยามต่อวัน นอกจากนี้นางยังสามารถเรียนรู้การวาดภาพและอ่านหนังสืออีกด้วย นางหยางรู้เพียงว่าหญิงสาวที่จะมีสิทธิ์ได้เรียนรู้เรื่องเหล่านี้ได้จะต้องมาจากตระกูลที่ร่ำรวย และมีอิทธิพลเท่านั้น
“ใช่แล้ว หากรวมกับตัวอักษรที่ข้าเคยเรียนรู้มาจากเหยาเหยา ตอนนี้ข้าก็อ่านออกได้หลายคำเลยทีเดียว อ้อ จริงสิ ท่านแม่ ครั้งนี้ข้านำน้ำหมึก และกระดาษมาฝากเสี่ยวจื้อด้วยนะ” หยางเล่อเล่อเอ่ยพลางชี้ไปยังกระดาษ
“ดีเลย ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ” นางหยางพูดอย่างมีความสุข
ผู้เป็นแม่นั้นรู้สึกอิ่มเอมยิ่งนัก เมื่อเห็นว่าลูกสาวยังคิดถึงคนในตระกูลระหว่างที่นางอยู่ข้างนอก
นางหยางมองดูสิ่งของทุกอย่างที่หยางเล่อเล่อซื้อมา จึงรู้ทันทีว่านางซื้อมาฝากพวกเขาทุกคน
เมื่อหยางอี้และตระกูลของเขารู้ว่าหยางเล่อเล่อกลับบ้าน ก็มีความสุขอย่างมาก “เล่อเล่อ ในที่สุดเจ้าก็กลับมา เจ้าไม่รู้หรอกว่าระหว่างที่เจ้าจากไปนั้น มีข่าวลือแย่ๆ แพร่สะพัดไปทั่วเชียว คนอื่นๆ ต่างบอกว่าเหยาเหยานั้นนำเจ้าไปขายแล้วส่งตัวออกไปข้างนอก” หยางเล่อเล่อเข้าใจแล้วว่าทำไมก่อนหน้านี้พวกชาวบ้านจึงถามนางเช่นนั้น ‘เป็นเพราะอย่างนี้นี่เอง’ หญิงสาวหัวเราะอย่างเย็นชา “พรุ่งนี้ข้าจะไปหาเหยาเหยา หากพวกเขาเห็นว่าข้ากับนางยังมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันขนาดนั้น ลองดูสิว่าพวกเขาจะพูดอย่างไร”
“นั่นสิ” นางเฉียวผงกศีรษะอยู่ข้างๆ
นางเฉียวชื่นชมหยางเล่อเล่อที่สามารถออกไปยังโลกภายนอกได้ นางไม่รู้สึกอิจฉาแต่อย่างทั้งยังรู้ดีว่า น้องสะใภ้คนนี้จะช่วยนำสิ่งที่ดีมาให้ตระกูลของพวกเขา
เมื่อเห็นของฝากต่างๆ ที่นางซื้อมาให้ลูกของพวกเขา นางก็รู้ดีว่าคงใช้เงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
“พี่สะใภ้ไม่ควรดุว่าเสี่ยวจื้อที่ฝึกฝนการเขียนด้วยน้ำหมึกบนกระดาษนะ” หยางเล่อเล่อพูดอย่างจริงจัง
“วางใจได้ พี่สะใภ้ของเจ้าคนนี้เข้าใจดี” นางเฉียวยิ้มอย่างสดใสเมื่อพูดถึงบุตรชายของตนเอง
เพราะหนิงเมิ่งเหยาช่วยพัฒนาทักษะความรู้พื้นฐานให้กับเขาจนแข็งแรง เมื่อเข้าไปเรียนในสถานศึกษาแล้ว เขาจึงจัดการกับระบบการเรียนรู้ของตนเองได้อย่างง่ายดาย คุณครูต่างเอ่ยชมว่าเขาเป็นเด็กฉลาด ทำให้พวกเขาต่างเกิดความคาดหวังขึ้นมาบ้าง
วันต่อมา หลังจากหยางเล่อเล่อทานข้าวเช้าเสร็จ นางก็หยิบสิ่งของที่ตนซื้อมาไปยังบ้านของหนิงเมิ่งเหยา
เมื่อมาถึง หนิงเมิ่งเหยากำลังพูดคุยบางอย่างกับเฉียวเทียนช่างอยู่ ทำให้ทั้งสองคนไม่เห็นว่าหยางเล่อเล่อมาหา
“นี่ อย่างน้อยพวกเจ้าทั้งสองน่าจะรับรู้ถึงการมาถึงของข้าบ้างสิ” หยางเล่อเล่อเอ่ยคร่ำครวญ หลังจากรออยู่นานกว่าสองก้านธูป และไม่อาจทนรอได้อีกต่อไป
เสียงพูดของนางที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นมานั้น ทำให้หนิงเมิ่งเหยาสะดุ้งตกใจ เฉียนเทียนช่างซึ่งอยู่ตรงข้ามกับนางจึงหันมาดุ และมองเด็กสาวอย่างเย็นชา
หยางเล่อเล่อหดคอลงด้วยความหวาดกลัวหลังจากเห็นแววตาอันเย็นยะเยือกของชายหนุ่ม “ข้าไม่ได้ตั้งใจน่ะ”
“เจ้ากลับมาแล้วหรือ อยู่ที่นั่นเป็นเช่นไรบ้างเล่า”
หยางเล่อเล่อยิ้มอย่างมีความสุข “มันยอดเยี่ยมเสียจนข้าไม่อยากกลับมาเลยล่ะ”
“หากเจ้าชอบก็ดีแล้ว” หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะ และไม่ได้ถามรายละเอียดต่อ ทั้งนี้ จากท่าทางตื่นเต้นของเด็กสาว นางก็พอรับรู้ได้ว่ามันไม่เลวร้ายอย่างแน่นอน
หยางเล่อเล่อผงกศีรษะและมองชายหญิงทั้งสองอย่างสงสัยใคร่รู้ “อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องของข้าเลย เหยาเหยา เจ้าไม่คิดจะบอกเรื่องระหว่างพวกเจ้าสองคนให้ข้ารับรู้เลยหรือ” ก่อนที่นางจากไป ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังมิได้สนิทสนมกันเป็นพิเศษนัก แต่หลังจากไม่เจอหน้าพวกเขาเพียงยี่สิบวัน ดูเหมือนว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นจะเริ่มพัฒนาจนใกล้ชิดกันมากขึ้นแล้ว
หนิงเมิ่งเหยามองหยางเล่อเล่อโดยไม่ตอบกลับ ส่วนเฉียวเทียนช่างนั้นมองเด็กสาวด้วยแววตาดุ ทำให้เด็กสาวหน้าง้ำ
หยางเล่อเล่ออยู่ที่บ้านของหนิงเมิ่งเหยาได้สักพัก ก่อนจะกลับบ้านไป นางวางแผนจะใช้เวลาอันมีค่ากับท่านพ่อท่านแม่ของตนเอง และนำของขวัญมาให้หนิงเมิ่งเหยา รวมทั้งจัดการงานต่างๆ อีกสองสามอย่างด้วย ทุกอย่างที่นางทำนั้นทำให้คนในละแวกหมู่บ้านต่างตระหนักได้ว่าข่าวลือที่แพร่กระจายนั้นไม่เป็นความจริงเลย