บทที่ 95 หยางเล่อเล่อไปไหนหรือ
เมื่อหยางเล่อเล่อที่กำลังกระวนกระวายใจอยู่นั้น ได้ฟังคำตอบจากชิงจู๋ นางก็กระโดดโลดเต้น และเหยียดมือไปจับคอของหนิงเมิ่งเหยาแน่น “เหยาเหยา เจ้าได้ยินไหม ข้าสอบผ่าน! ข้าสอบผ่านแล้ว!”
หนิงเมิ่งเหยารู้สึกอึดอัดจากการโดนบีบรัดคอ จึงขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะประคองลำคอของตนแล้วดึงมือที่พันอยู่นั้นออกไป “ใจเย็นก่อน อย่าตื่นเต้นเกินไปนัก ข้าเกือบจะตายเพราะถูกเจ้ารัดคออยู่แล้ว”
หยางเล่อเล่อจึงรีบปล่อยมือออกจากลำคอของหนิงเมิ่งเหยา ก่อนจะถูจมูก และเอ่ยคำขอโทษอย่างรู้สึกผิด “เหยาเหยา ข้าขอโทษด้วย ข้าตื่นเต้นเกินไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอก ชิงจู๋ ช่วยชี้แจงเรื่องข้อตกลงกับเล่อเล่อต่อด้วย” หญิงสาวเข้าใจความรู้สึกของหยางเล่อเล่อดี จึงไม่กล่าวโทษนาง
“ในหนึ่งเดือนนั้น เจ้าจะต้องทำงานยี่สิบวัน และมีวันหยุดพักผ่อนให้สิบวัน” ชิงจู๋ทบทวนอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้นมา
หยางเล่อเล่อรู้สึกว่าข้อตกลงในการทำงานดังกล่าวนั้น ช่างดีเกินไปจนไม่อาจจะเรียกร้องอะไรได้อีก
“ชิงจู๋ ขอบคุณมาก”
“ไม่เป็นไร การทำงานจะเริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นไป โดยเจ้าจะพักอาศัยอยู่ที่นี่ และในอีกยี่สิบวัน จะมีคนมาพาเจ้ากลับบ้าน อย่างไรก็ตาม แต่เรื่องที่จะต้องบอกกับเจ้าอย่างชัดเจนก็คือเจ้าจะต้องห้ามบอกเรื่องราวทุกอย่างที่เจ้าเห็นหรือได้ยินที่นี่ ไม่เว้นแม้แต่กับท่านพ่อท่านแม่ของเจ้า” ชิงจู๋อธิบายสิ่งต่างๆ ในฐานะที่เป็นผู้จัดการร้าน มิใช่ผู้ช่วยทั่วไปของหนิงเมิ่งเหยา
หยางเล่อเล่อพยักหน้ายอมรับข้อตกลงอย่างไม่ลังเล “ไม่มีปัญหา”
“เป็นอันตกลง แล้วข้าจะหาคนมาพาเจ้าไปยังห้องเย็บผ้า” นางเอ่ยก่อนจากไป
“ข้าจะบอกหยางจู้และคนในตระกูลของเจ้า ว่าทุกๆ ยี่สิบวัน พวกเขาจะได้รับเงินค่าตอบแทนจากการทำงานอย่างเหมาะสม เพราะฉะนั้นอย่าได้กังวลใจเลย”
“ข้าเชื่อใจเจ้า” หยางเล่อเล่อจะติดตามและอยู่เคียงข้างพวกนางเสมอ เหตุผลที่นางอยากมาอยู่ที่นี่ มิใช่เพียงเพราะว่าหนิงเมิ่งเหยาช่วยพานางออกมาจากหมู่บ้านเท่านั้น สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือนางอยากจะมาเห็นโลกภายนอกว่าเป็นเช่นไร
แม้ว่าตอนนี้ หยางเล่อเล่อยังคงอยู่อาศัยในร้านรับซื้องานผ้าปัก แต่เมื่อมาถึงที่แห่งนี้ นางบอกได้เลยว่าหนิงเมิ่งเหยานั้นไม่ใช่หญิงสาวธรรมดาทั่วไป และหากติดตามนางไปเรื่อยๆ หยางเล่อเล่อก็จะได้ในสิ่งที่ต้องการ ดังนั้นนางจึงไม่รีบร้อนอะไร
หลังจากหนิงเมิ่งเหยาและชิงจู๋จัดการทุกอย่างให้กับหยางเล่อเล่อจนเสร็จสิ้น พวกนางทั้งสองจึงออกจากร้านรับซื้องานผ้าปักแห่งนี้ และกลับไปยังหมู่บ้านไป๋ซาน
นางหยางและคนในตระกูลต่างเป็นกังวลเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าบุตรสาวออกไปพร้อมกับพวกนาง แต่มิได้กลับมาด้วยกัน
“เหยาเอ๋อร์ เล่อเล่อ นาง…”
“ป้าหยาง ในทุกๆ เดือน เล่อเล่อจะไปอยู่ข้างนอกยี่สิบวัน และอีกสิบวันที่เหลือนางจะกลับมาที่นี่” หนิงเมิ่งเหยารู้ดีว่านางหยางอยากจะเอ่ยถามอะไร หญิงสาวจึงตอบคำถามของนางทันที
‘ใช้ชีวิตนอกบ้านเพียงแค่ยี่สิบวันต่อเดือนหรือนี่ ข้อตกลงเช่นนี้ ตระกูลอย่างยอมรับอย่างง่ายดาย’
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็สบายใจขึ้น” แม้ว่าพวกเขาไม่อาจพบเจอกันทุกวัน แต่ข้อตกลงนี้ก็ไม่แย่นัก ทั้งนี้ทั้งนั้น หากพวกเขายังคิดจะต่อรองเรื่องงานมากเกินไป จะกลายเป็นว่าพวกเขาเองที่เป็นคนไม่มีเหตุผล
เมื่อเรื่องของหยางเล่อเล่อผ่านไป ไม่มีใครรู้ว่าหยางซิ่วเอ๋อร์ได้ยินข่าวนี้มาจากที่ใด แต่นางรับรู้มาว่าหนิงเมิ่งเหยาส่งตัวหยางเล่อเล่อให้ไปเรียนรู้การปักเย็บผ้าภายนอกหมู่บ้าน และข่าวดังกล่าวนั้น ก็ทำให้ใบหน้าของนางถมึงทึงจนบิดเบี้ยวไปด้วยความอิจฉาริษยา
‘หนิงเมิ่งเหยา…ช่างแสนดีเสียจริง! ทำตัวดีกับหยางเล่อเล่อ แต่นางกลับขับไสไล่ส่งหยางซิ่วเอ่อร์ราวกับเป็นขอทานก็ไม่ปาน’
ดวงตาของหยางซิ่วเอ๋อร์เผยให้เห็นประกายแห่งความชั่วร้าย พร้อมทั้งบีบมือทั้งสองของตนเองจนแน่น
นางหลัวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวและกังวลเล็กหน่อยเมื่อเห็นลูกสาวมีท่าทีเช่นนั้น จึงเอ่ยถาม “ซิ่วเอ๋อร์ เป็นอะไรไป”
“ท่านแม่ นังหนิงเมิ่งเหยาตัวดีส่งหยางเล่อเล่อไปนอกหมู่บ้านน่ะสิ” ตลอดชีวิตของหยางซิ่วเอ๋อร์ นางไม่เคยไปที่อื่นเลยนอกจากเมืองท้องถิ่น ถึงกระนั้น ก่อนหน้านี้นางมิได้ใส่ใจนัก เนื่องจากชาวบ้านคนอื่นๆ ก็ไม่ได้ออกไปภายนอกเช่นกัน แต่ตอนนี้นางกลับคิดมาก เพราะไม่คาดฝันว่าหยางเล่อเล่อจะได้ออกไปสู่โลกภายนอก ยิ่งไปกว่านั้นคือนางได้ยินมาว่าอีกฝ่ายนั้นได้ไปอยู่ที่เมืองใหญ่อีกต่างหาก
หยางซิ่วเอ๋อร์เต็มไปด้วยด้วยความรู้สึกอิจฉาริษยาจนไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้ ‘ไม่ว่าอย่างไร นางก็จะต้องถามหนิงเมิ่งเหยาให้รู้เรื่อง ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่’
หลังจากนั้น หยางซิ่วเอ๋อร์จึงออกไปตามหาหนิงเมิ่งเหยา แต่ขณะนั้น มีผู้คนมากมายอยู่ที่บ้านของหญิงสาว นางจึงไม่อาจทำอะไรได้ที่นั่น ยิ่งไปกว่านั้นคือเฉียวเทียนช่างเองก็กำลังสร้างบ้านอยู่ข้างๆ บ้านของหนิงเมิ่งเหยา หากนางลงมือทำอะไร ชายหนุ่มคงจะต้องเข้ามาช่วยอย่างแน่นอน
แต่แล้วในที่สุด หลังจากหยางเล่อเล่อจากไปได้ครึ่งเดือน โอกาสของหยางซิ่วเอ๋อร์ก็มาถึง ระหว่างทางกลับบ้าน นางเดินผ่านบ้านของตระกูลหยางเล่อเล่อ ก่อนจะพบเจอคนที่นางตามหาอยู่ตรงเชิงเขา
เมื่อหนิงเมิ่งเหยาประจันหน้ากับหยางซิ่วเอ๋อร์ซึ่งไม่ได้พบเจอมาพักใหญ่ ดวงตาของหญิงสาวจึงเต็มไปด้วยความสงสัยและงุนงง “มีธุระอะไรกับข้ารึ”
หยางซิ่วเอ๋อร์ข่มความโกรธไว้ในจิตใจและมองอีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยถามอย่างเยือกเย็น “หยางเล่อเล่อหายไปไหนหรือ”
บทที่ 96 ข้าอยากไปด้วยเช่นกัน
หนิงเมิ่งเหยามองหยางซิ่วเอ๋อร์อย่างไม่ทันตั้งตัว “เจ้าต้องการบางอย่างจากนางเช่นนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็ค่อยไปหานางที่บ้าน หลังจากนี้อีกเจ็ดวันนะ” หลังจากพูดจบ หญิงสาวจึงเดินอ้อมเพื่อจะจากไป ทันทีที่นางก้าวขาได้เพียงสองก้าว อีกฝ่ายก็คว้าตัวนางเอาไว้
“ข้าบอกให้เจ้าไปได้แล้วเช่นนั้นหรือ” หยางซิ่วเอ๋อร์พูดอย่างโอหัง น้ำเสียงของนางราวกับว่าตนเองอยู่เหนือกว่า
หนิงเมิ่งเหยาดึงมือของตนออกจากการถูกหยางซิ่วเอ๋อร์รั้งไว้ พลางรู้สึกเหยียดหยามอยู่ในใจ
‘นางมีสิทธิ์อะไรมาทำตัวอวดดีต่อหน้าข้าเช่นนี้’
“บอกไปแล้วเจ้าจะทำอะไรรึ” หนิงเมิ่งเหยาถามกลับ หญิงสาวไม่มีเวลาเสแสร้งทำตัวสุภาพกับนาง
หยางซิ่วเอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึกและมองอีกฝ่าย “ข้าเพียงอยากจะรู้ว่าเจ้าส่งตัวหยางเล่อเล่อออกไปนอกหมู่บ้านจริงหรือไม่”
หนิงเมิ่งเหยาเพียงมองดูหยางซิ่วเอ๋อร์โดยมิได้ตอบคำถาม จนในที่สุด นางก็เห็นถึงความโกรธเคืองและความอิจฉาริษยาจากดวงตาคู่นั้น จึงตระหนักได้ว่า ไม่ว่าข่าวนี้จะมาจากที่ไหนก็ตาม แต่โอกาสดีๆ ที่นางอยากจะมอบให้หยางเล่อเล่อนั้น อาจจะทำให้นางต้องเจอกับปัญหาก็เป็นได้
“ตอบมาสิ!”
หนิงเมิ่งเหยามองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา ก่อนหมุนตัวกลับ ‘หยางซิ่วเอ๋อร์พูดกับนางด้วยน้ำเสียงยโสโอหังเช่นนี้ คิดว่านางเป็นคนโง่เง่าหรืออย่างไรกัน’
หยางซิ่วเอ๋อร์เห็นว่าหญิงสาวกำลังจะจากไป จึงไม่ยอมปล่อย และรีบไปยืนขวางทางหนิงเมิ่งเหยาเอาไว้
“หากวันนี้เจ้าไม่ตอบคำถามข้าให้ชัดเจน ก็อย่าหวังว่าจะได้กลับเลย” หยางซิ่วเอ๋อร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันพร้อมทั้งมองหญิงสาวอย่างขุ่นเคือง
หนิงเมิ่งเหยามองนางอย่างเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง จนในที่สุดก็เอ่ยขึ้น “ถ้าหากข้าไม่อยากบอก แล้วเจ้าจะทำไม”
หากนางไม่ต้องการจะพูด หยางซิ่วเอ๋อร์จะงัดคำตอบออกจากปากของนางเช่นนั้นหรือ นางอยากเห็นอีกฝ่ายทุกข์ร้อนใจเช่นนี้เสียจริงเชียว
หญิงสาวรู้สึกหมดความอดทนกับหยางซิ่วเอ๋อร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าแววตาของอีกฝ่ายนั้นเต็มไปด้วยความโลภมาก
“ข้าเพียงอยากรู้ว่าเจ้าส่งตัวหยางเล่อเล่อไปทำงานในร้านรับซื้องานปักผ้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ตามที่ผู้คนเขาพูดกันจริงหรือไม่ก็เท่านั้น” หยางซิ่วเอ๋อร์อธิบายความต้องการของตนเองอย่างชัดเจน หลังจากเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มหงุดหงิด
หนิงเมิ่งเหยาเข้าใจคำถามดี ก่อนจะเอามือกอดอกแน่น แล้วยิ้มอย่างเบาบางให้กับหยางซิ่วเอ๋อร์ “หากใช่ แล้วจะทำไมรึ หรือถ้าหากข้าไม่ได้ทำเช่นนั้น แล้วมันจะทำไมเล่า”
หยางซิ่วเอ๋อร์อ้าปากพะงาบอยู่สองสามครั้ง ก่อนจะพูดออกมาอย่างโผงผางว่า “ข้าอยากไปด้วยเช่นกัน”
หนิงเมิ่งเหยาหัวเราะลั่นอย่างรู้สึกขบขัน “เจ้าบอกว่าเจ้าอยากไปด้วยรึ แล้วเจ้ามีสิทธิ์อะไรกันเล่า”
หยางซิ่วเอ๋อร์ตัวแข็งเกร็ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “ด้วยความสามารถของข้าเช่นไรเล่า อีกอย่าง ทักษะการปักเข็มเย็บผ้าของข้านั้น ก็ไม่ด้อยกว่าหยางเล่อเล่อสักหน่อย”
หนิงเมิ่งเหยามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเย้ยหยัน “เจ้าบอกว่าฝีมือการปักเข็มเย็บผ้าของเจ้าไม่ด้อยกว่าของหยางเล่อเล่อหรือ ถ้าเช่นนั้นเจ้าคงให้คุณค่ากับงานฝีมือที่ไม่มีจิตวิญญาณใดๆ เลยสินะ”
“ไร้จิตวิญญาณอะไรกัน ข้ารู้เพียงว่าข้าไม่ด้อยไปกว่าหยางเล่อเล่อเท่านั้น และเจ้าก็ควรจะส่งข้าไปที่เดียวกับนางด้วย” หยางซิ่วเอ๋อร์เอ่ยราวกับเห็นตัวเองเป็นที่ตั้ง
‘ตอนที่นางขายผลงานของตนในหมู่บ้านเย็บปักผ้า พวกเขาต่างให้ราคาดี ดังนั้นนางจึงไม่เชื่อว่าตนเองจะด้อยกว่าหยางเล่อเล่อแน่นอน’
หนิงเมิ่งเหยามองหยางซิ่วเอ๋อร์ ก่อนจะหัวเราะอย่างเหยียดหยาม ‘ผู้หญิงคนนี้เอาความมั่นใจมาจากไหนกัน ทำไมถึงคิดว่านางจะต้องยอมรับด้วยเล่า’
เสียงหัวเราะของหญิงสาวทำให้หยางซิ่วเอ๋อร์รู้สึกขุ่นเคืองและอับอาย “แล้วเจ้าเห็นด้วยหรือไม่”
หนิงเมิ่งเหยามองอีกฝ่ายอย่างจริงจัง และพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ข้าไม่เห็นด้วย เพราะสถานที่แห่งนั้นไม่รับซื้อชิ้นงานที่มีข้อบกพร่อง อย่างเช่นผลงานของเจ้าหรอก หากเจ้าไป ก็มีแต่จะเสื่อมเสียชื่อเสียงเท่านั้น”
ในตอนแรกที่หยางซิ่วเอ๋อร์เริ่มเรียนรู้การปักเย็บผ้า นางได้รับการชื่นชมอย่างมาก แต่ว่าตอนนี้ กลับบอกว่าผลงานของนางมีข้อบกพร่องเช่นนั้นหรือ แล้วจะไม่ให้นางโกรธหรือรู้สึกขุ่นเคืองได้อย่างไร
“หนิงเมิ่งเหยา มากเกินไปแล้วนะ” หยางซิ่วเอ๋อร์ขบฟันกรอดก่อนเอ่ยขึ้น
หนิงเมิ่งเหยามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเยือกเย็น และพูดว่า “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องคุณภาพผลงานของเจ้า ว่ามันดีไม่เท่ากับของหยางเล่อเล่อหรอก เพราะแม้ว่ามันจะดีมาก ข้าก็ไม่ให้เจ้าไปที่นั่นอยู่ดี”
“ทำไมเล่า”
“เพราะอุปนิสัยของเจ้าน่ะสิ” หญิงสาวสามารถเมินเฉยกับสิ่งอื่นๆ ได้ ยกเว้นแค่เรื่องนี้เท่านั้น
หากหยางซิ่วเอ๋อร์ผู้มีลักษณะนิสัยเช่นนี้ไปทำงานที่นั่น ในอนาคตคงต้องเกิดปัญหาอย่างแน่นอน
หยางซิ่วเอ๋อร์รู้สึกว่าการตามหาหนิงเมิ่งเหยาในวันนี้ ทำให้ตัวเองโดนดูถูกเหยียดหยาม นางจึงมองหญิงสาวอย่างขุ่นเคือง และเอ่ยด้วยวาจาอันดุเดือด “หนิงเมิ่งเหยา เจ้าจะทำเช่นนี้กับข้าจริงๆ ใช่หรือไม่”
“ข้าทำอะไรเจ้ารึ ไม่ทราบว่าข้าทำอะไรผิดต่อเจ้าเช่นนั้นหรือ ข้าผิดหรือที่ปฏิเสธและไม่ยอมรับเจ้าเพราะเจ้าไม่มีความสามารถเพียงพอ” เมื่อเห็นว่าหยางซิ่วเอ๋อร์พูดอย่างไม่ไว้หน้ากัน หนิงเมิ่งเหยาจึงตอกกลับบ้าง ยิ่งเป็นคนประเภทนี้แล้ว หญิงสาวยิ่งไม่จำเป็นต้องไว้หน้าอีกฝ่าย