บทที่ 79 ซื้อที่สร้างบ้าน
หนิงเมิ่งเหยาตะลึงงันมองเฉียวเทียนช่าง ที่ตรงนั้นเก็บเกี่ยวผลผลิตได้นิดเดียว เหตุใดเขาถึงอยากซื้อไปเล่า
“ทำไมรึ ถ้าเจ้าต้องการ ข้าแบ่งพื้นที่บางส่วนที่มีน้ำชอุ่มให้ได้นะ” หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้ว
ทว่าเฉียวเทียนช่างส่ายศีรษะ “ไม่จำเป็นหรอก ข้าไม่ได้จะซื้อที่ดินไปทำไร่ แล้วข้าก็ปลูกผักไม่ขึ้นด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะซื้อที่ไปทำอะไร” หนิงเมิ่งเหยาไม่เข้าใจว่าเฉียวเทียนช่างพยายามจะทำอะไร จึงมองเขาอย่างสงสัย แววตาสับสน
“ข้าอยากจะซื้อที่เล็กๆ ตรงตีนเขาไว้สร้างบ้าน” เฉียวเทียนช่างตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้
สีหน้าหนิงเมิ่งเหยายิ่งสับสนเมื่อได้ฟังที่เฉียวเทียนช่างอธิบาย นางมองเขาด้วยความงุนงง “เจ้ามีบ้านอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ทำไมจะสร้างอีกหลังกัน”
เฉียวเทียนช่างยิ้มเย็นพลางเอ่ยเสียดสี “มีผู้หญิงคนหนึ่งคอยแต่จะปีนข้ามกำแพงแล้วเข้าไปในบ้านข้าอยู่นั่น ข้าไม่กล้าพอจะเสี่ยงอยู่ตรงนั้นต่อไปแล้ว”
หนิงเมิ่งเหยานึกย้อนความอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร นางพยักหน้า “ตกลง เจ้าอยากได้ที่แบบไหน”
“ที่ตรงนั้นที่ไม่ไกลจากบ้านเจ้านักเป็นอย่างไร” เฉียวเทียนช่างถามตรงๆ
หนิงเมิ่งเหยานิ่งคิดแล้วก็เห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ “ได้สิ เจ้าไปหาท่านลุงจู้แล้วให้เขาช่วยเรื่องทะเบียนแล้วกัน”
“เข้าใจแล้ว” เมื่อเสร็จธุระ เฉียวเทียนช่างอยู่คุยกับหนิงเมิ่งเหยาอีกไม่กี่คำแล้วจากไป
ชิงเซวียนพินิจพิจารณามองตามแผ่นหลังที่กำลังเดินจากไปของเฉียวเทียนช่าง ไม่รู้ว่าเหตุใดตนจึงรู้สึกคุ้นตากับแผ่นหลังของชายผู้นี้
“คุณหนู เขาพูดถึงเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ” ชิงจู๋กะพริบตาปริบๆ สงสัยจนถามออกมา
หนิงเมิ่งเหยาเอานิ้วเคาะหัวชิงจู๋ ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มบางๆ “ถ้าเจ้าอยากรู้ ทำไมถึงไม่ถามเองเล่า อยากให้ข้าช่วยถามเขาให้เจ้าหรือไม่”
“คุณหนู ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าท่านรู้ว่าเขาพูดถึงอะไรนี่เจ้าคะ” ชิงจู๋มองหนิงเมิ่งเหยาตาละห้อย
“ก็ได้ เขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้าน แล้วมีหญิงนางหนึ่งชอบเขา แต่หญิงนางนั้นไม่สนขนบธรรมเนียมเลยสักนิด นางชอบปีนข้ามกำแพงแล้วแอบเข้าบ้านเขาเวลาเขาไม่อยู่” ดูท่าเฉียวเทียนช่างจะโกรธหยางชุ่ยเอาการ ไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงไม่ดิ่งมาซื้อที่เพื่อสร้างบ้านอีกหลัง
นอกจากชิงจู๋ กระทั่งแม่นมฉินยังตกอกตกใจไปด้วย “ไม่จริงกระมังเจ้าคะ”
“ทำไมจะไม่จริง ตอนที่ข้าเพิ่งมาที่นี่ ข้าได้เจอนางผู้นั้นแล้ว แต่นางไม่สนใจอะไรเลย เพราะอย่างไรนางก็มีพี่ชายเป็นซิ่วไฉ” แววตาหนิงเมิ่งเหยาเต็มไปด้วยแววล้อเลียนเมื่อนางเอ่ยถึงเรื่องหยางชุ่ยมีพี่ชายเป็นซิ่วไฉ
แม่นมฉินย่นหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวด “คุณหนู ท่านไม่ควรไปเข้าใกล้คนแบบนางนะเจ้าคะ”
“ข้ามีเรื่องบาดหมางกับนาง” หนิงเมิ่งเหยาตอบอย่างเย็นชา
เมื่อแม่นมฉินได้ฟังเรื่องนั้น นางก็ไม่สงบใจ ถ้าเกิดคนพรรค์นั้นมาทำให้คุณหนูเสื่อมเสียกันเล่า
สำหรับหนิงเมิ่งเหยา และคนอื่นๆ นี่เป็นเรื่องเล่าคั่นเวลาเท่านั้น แต่สำหรับหยางชุ่ยแล้ว ชื่อเสียงนางจากที่ย่ำแย่กลายเป็นเลวร้ายกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อเป็นที่รู้กันว่าเฉียวเทียนช่างถึงขั้นซื้อที่เพื่อสร้างบ้านอีกหลัง
ถือเป็นการตบหน้าหยางชุ่ยเห็นๆ พอหยางชุ่ยได้ข่าวนี้ สีหน้านางบิดเบี้ยวน่าเกลียด
ในใจนางรู้ว่านางมีพี่ชายเป็นซิ่วไฉ และเฉียวเทียนช่างก็นับถือเขา แต่บัดนี้ทุกอย่างกลายมาเป็นเช่นนี้ นางทั้งถูกเขาชังน้ำหน้า และแม่สื่อที่มักมาเยี่ยมตระกูลนางก็หายหน้าไป
นางรู้ดีว่าทั้งหมดนี้เพราะนางไปวุ่นวายกับหนิงเมิ่งเหยา
ดวงตานางอัดแน่นไปด้วยความโกรธเกลียด หยางชุ่ยจ้องบ้านหลังข้างเคียงเขม็ง ถ้าไม่ใช่เพราะหนิงเมิ่งเหยาโผล่มา เฉียวเทียนช่างมีหรือจะเกลียดนาง
ยิ่งนางคิดเรื่องนี้ ใจนางยิ่งเต็มไปด้วยความเกลียดชัง นางจะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปทั้งแบบนี้เป็นอันขาด นางจะต้องให้หนิงเมิ่งเหยาชดใช้
หนิงเมิ่งเหยาผู้ซึ่งตกเป็นเป้าความเกลียดของหยางชุ่ยหาได้รู้เรื่องนี้แม้แต่น้อย อันที่จริงแล้วนางใช้เวลาในวันนั้นค่อนข้างเอื่อยเฉื่อย เพียงแค่ทำอาหารจานอร่อยไปเรื่อย ทุกอย่างล้วนราบรื่นดี
ช่วงปีใหม่ บิดามารดาของเด็กที่เรียนหนังสือกับนางต่างนำของขวัญมาให้ ตอนแรกนางอยากจะปฏิเสธ แต่พวกเขายืนกรานจะให้ นางไม่อยากรับแต่ก็จำต้องรับไว้
สุดท้ายหนิงเมิ่งเหยาก็ทำได้เพียงนำขนมทานเล่นที่ตนทำมาแบ่งให้พวกเขาเอาติดตัวกลับไป
บทที่ 80 ปีใหม่มาเยือน
วันปีใหม่มาถึงในชั่วพริบตาเดียว กว่าหนิงเมิ่งเหยาจะตื่น แม่นมฉินก็เริ่มเตรียมอาหารเช้าแล้ว
หนิงเมิ่งเหยาเห็นแม่นมฉินกำลังง่วนก็เอ่ยขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “แม่นม ท่านไม่ต้องห่วงนักหรอก”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ข้าก็ไม่เป็นอะไรนี่เจ้าคะ” แม่นมฉินส่ายศีรษะแล้วตอบอย่างไม่ใส่ใจ
ส่วนชิงจู๋ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ พวกนางทำตาลุกวาวมองชุดบนตัวคุณหนูของนาง “คุณหนูสวยเหลือเกินเจ้าค่ะ พอใส่เสื้อผ้าชุดนี้”
หนิงเมิ่งเหยาสวมเสื้อผ้าสีขาวทั้งตัวทับด้วยเสื้อคลุมปักลายดอกไม้ คอกับแขนเสื้อปกคลุมด้วยขนสีขาวโพลน
ขนเหล่านั้นทำมาจากกระต่ายที่เฉียวเทียนช่างให้มา ส่วนจิ้งจอกได้ชิงจู๋เอาไปทำเป็นผ้าคลุม หญิงสาวตั้งใจจะใส่ตอนเข้าไปในเมืองเพื่อชมโคมไฟดอกไม้
หนิงเมิ่งเหยาแย้มยิ้ม “เพราะเจ้าฝีมือดีอย่างไรเล่า ชิงจู๋”
“คุณหนูล้อข้าเล่นแล้ว”
“เอาละ อย่าพูดเรื่องนี้กันเลย ชิงจู๋ หลังปีใหม่ ข้าตั้งใจจะส่งใครคนหนึ่งมาให้เจ้า” หนิงเมิ่งเหยาเกิดนึกถึงหยางเล่อเล่อขึ้นมา
ดูจากฝีมือปักเย็บของหยางเล่อเล่อแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไร
“หยางเล่อเล่อหรือเปล่าเจ้าคะ”
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะ “ใช่แล้วละ งานปักนางตอนนี้ดีทีเดียว นางช่วยข้าไว้หลายครั้งด้วยตอนข้ามาอยู่ที่นี่ ข้าถึงอยากช่วยพวกเขา” หยางอี้ และนางเฉียว ภรรยาของเขาทำงานที่นี่ แม้รายได้จากงานเย็บปักของหยางเล่อเล่อจะไม่เลว แต่ว่าใช้เวลานาน ทว่าถ้านางทำตามชิงจู๋ ก็อาจจะกลายเป็นคนละเรื่องเลย
ชิงจู๋ใคร่ครวญอยู่นานสองนาน แล้วก็ผงกศีรษะลง “ไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ แล้วแต่นางจะต้องการเลย”
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว” หนิงเมิ่งเหยาปล่อยให้ชิงจู๋ตัดสินใจเรื่องกลุ่มที่นางดูแลอยู่เอง จะให้นางเพิ่มคนเข้าไปอีกคนตอนนี้เลยไม่ใช่เรื่องยากสำหรับชิงจู๋ แต่จะไม่ยุติธรรมกับคนอื่น
หนิงเมิ่งเหยาจึงให้โอกาสหยางเล่อเล่อ นางจะคว้าโอกาสนี้ไว้หรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับเจ้าตัวเอง
หนิงเมิ่งเหยาได้คุยเรื่องนี้เพียงสั้นๆ ก่อนจะไปช่วยแม่นมฉินจัดเตรียมของ
หลังกินเสร็จ พวกนางนวดแป้งสำหรับทำเกี๊ยว
เมื่อจวนถึงยามบ่าย หนิงเมิ่งเหยาก็ทำเกี๊ยวเสร็จในที่สุด
ตามองเกี๊ยวนับหลายร้อยบนโต๊ะ หนิงเมิ่งเหยาแบ่งบางส่วนให้ชิงเซวียนเอาไปให้เฉียวเทียนช่าง โดยที่นางสั่งเขาว่าอย่าให้ใครเห็น
ชิงเซวียนคว้าตะกร้าที่เต็มไปด้วยเกี๊ยวแล้วหายตัวไป หลังจากเขาไปแล้ว หนิงเมิ่งเหยาเริ่มก่อไฟเพื่อทำอาหารอีก
ชิงเซวียนไปได้จังหวะที่เฉียวเทียนช่างกำลังจะกินอาหารพอดิบพอดี เขาเลิกคิ้ว “มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่”
“จากคุณหนูขอรับ” เขาชูตะกร้าขึ้น
เฉียวเทียนช่างเปิดดูในตะกร้าอย่างสงสัย แล้วก็เห็นเกี๊ยวเป็นร้อยชิ้นข้างในนั้น “ช่วยบอกคุณหนูของเจ้าด้วยว่าข้าขอบคุณยิ่งนัก”
ชิงเซวียนมองเฉียวเทียนช่างแล้วหายวับไป
เขามองทางที่ชิงเซวียนหายไป ปากเฉียวเทียนช่างคลี่ยิ้มบางๆ ดูแล้วหนิงเมิ่งเหยาไม่น่าจะเป็นเด็กกำพร้าธรรมดา
วรยุทธ์ของชายหนุ่มคนนั้นจัดว่าสูงเกินหลายคนจะเทียบได้
หนิงเมิ่งเหยาครุ่นคิดว่านางจะทำอะไรต่อ ปลาเคี่ยวในน้ำปรุงรสเอย ซี่โครงเปรี้ยวหวานเอย เนื้อปั้นก้อนใหญ่เอย และเนื้อกระต่ายป่าตุ๋นกับเห็ด รวมทั้งหมดสิบเอ็ดจาน
หนึ่งชั่วยามให้หลัง จานทั้งหมดตั้งพร้อมบนโต๊ะ หนิงเมิ่งเหยาเรียกทุกคนมากินด้วยกัน
“คุณหนู ขอให้เป็นปีใหม่ที่ดีเจ้าค่ะ”
“อืม ขอให้เป็นปีใหม่ที่ดีสำหรับพวกเจ้าเช่นกัน” หนิงเมิ่งเหยายิ้มแล้วจับเหยือกรินเหล้าองุ่นลงในถ้วยของแต่ละคน
“โอ้โห คุณหนู เหล้าองุ่นนี่รสชาติดีเหลือเกินเจ้าค่ะ” ชิงเสวี่ยตาเป็นประกายมองหนิงเมิ่งเหยา
สีหน้านางเหมือนคนเจอทองคำแท่ง ในสายตานาง เหล้าองุ่นนี้ไม่ต่างกับทองคำแท่งนัก ถ้านำไปขายย่อมได้เงินไม่น้อยเลย
“เอาล่ะ ถึงของพวกนี้จะมีไว้ขาย พวกเจ้าก็ควรรอจนกว่าจะหลังปีใหม่ หลังปีใหม่ เราจะไปที่ภูเขาแล้วหาที่สำหรับปลูกองุ่น น่าจะสุกทันเก็บเกี่ยวปีหน้า” หนิงเมิ่งเหยาหัวเราะพลางมองชิงจู๋
กระทั่งปีใหม่ พวกนางก็ยังคิดเรื่องงาน
หนิงเมิ่งเหยาก้มศีรษะลงมองเหล้าองุ่น นางพลันนึกขึ้นได้ว่าตอนนั้นเฉียวเทียนช่างช่วยนางเลือกองุ่น เดิมนางตั้งใจจะแบ่งให้เขาสักหน่อยแต่กลับลืมไป บางทีเสร็จจากตรงนี้แล้ว นางน่าจะแบ่งใส่ขวดให้เขาสักสองใบ