คุณชายสิบเจ็ดถูกก้อนอิฐหล่นทับจนมึนหัวอย่างหนัก ร่างกายที่อ่อนแอปวกเปียกไปทั้งตัวทำได้แค่ยันภูเขาจำลองไว้ข้างหนึ่งเท่านั้น เขากระอักเลือดออกมาครั้งหนึ่ง แล้วก็กระอักออกมาอีก “ไม่ต้องการเงินหรือ เอ๊ะ ผิดแล้ว ดูเหมือนไม่ต้องการชีวิตเสียมากกว่า” ชั่วพริบตาลำแสงเย็นของดาบจันทร์เสี้ยวก็บินใกล้เข้ามา ราวกับการฆ่าที่สั่นสะท้านทั้งความหนาวเหน็บและความหวาดกลัว ชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย แท้จริงแล้วช่างรวดเร็วราวกับการระเบิด ร่างกายที่ถูกเตะกระเจิงร้องตะโกนออกมา “ยืมมีดฆ่าคนแล้ว!”
สายตาของมู่ชิงเฉินไม่แม้แต่จะมองผู้ที่ถูกเตะทิ้งไปอีกด้าน เห็นแต่คุณชายสี่ที่คิดจะหนี มือข้างหนึ่งของนางใช้วิชาไหมเกล็ดน้ำแข็งสร้างผนังเกล็ดน้ำแข็งกันไม่ให้อีกฝ่ายหนีไปได้ รอไม่ไหวที่จะให้อิฐอีกก้อนนั้นหล่นลงมาทุบหน้าคุณชายสี่นี่อย่างเต็มแรงในช่องน้ำแข่ง
โลหิตบุปผาช่อหนึ่งปรากฏออกมา ล้อมรอบผนังเกล็ดน้ำแข็งไว้ คุณชายสิบเจ็ดมิอาจมองเห็นเงาตรงกลางได้ชัดเจน เห็นเพียงแต่โลหิตบุปผาเป็นช่อราวกับดอกไม้ไฟที่ระบิดออกมาเป็นครั้งคราวบนท้องฟ้า พร้อมกับเสียงร้องของคุณชายสี่ที่เหมือนหมูถูกเชือดก็มิปาน
เป็นถึงผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณ แต่กลับร้องออกมาเช่นนี้ ช่างน่าสมเพชเสียจริง!
หน้าของคุณชายสิบเจ็ดไม่ต่างอะไรกับขี้เถ้าที่ถูกเผา กระเสือกกระสนพุ่งออกมาด้านนอกอย่างเอาเป็นเอาตาย
พี่สี่ ท่านอดทนไว้ ข้าจะรีบไปหาท่านประมุข
“เรียนนายท่าน มีคนจะคาบข่าวไปบอก!”
เห็นภาพมั่วชิงเฉินที่ทำร้ายคุณชายสี่ตรงหน้า เจ้าอีกาไฟก็กระโดดออกมาบนกำแพงนานแล้ว สีหน้าแห่งความปลื้มปิติของมันพูดขึ้น
“ขวางมันไว้” วาจาของมั่วชิงเฉินเยือกเย็นไร้ผู้ใดเปรียบ แต่สัมผัสได้ว่านางพูดจริงทำจริง เพียงแค่หยอกล้อกันเท่านั้น ยังไม่ทันสาแก่ใจ กำลังเสริมก็รีบมาเสียแล้ว ช่างน่าผิดหวังเสียจริง!
ได้ยินคำสั่งที่สงบนิ่งของมั่วชิงเฉิน เจ้าอีกาไฟก็ทำได้แต่น้ำตาตกอยู่เงียบๆ
นายท่าน ฟังน้ำเสียงที่ท่านพูด ใครคิดว่าท่านกำลังตีคน คงมีแต่คนคิดว่าท่านกำลังปักผ้าอยู่กระมัง
เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ จะงอยปากอันแหลมคมของมันแผดเสียงออกมาในขณะที่คุณชายสิบเจ็ดกำลังบินหนีออกไป
คุณชายสิบเจ็ดที่ในหัวตอนนี้ กำลังคิดแผนการที่ไร้ทางสู้ได้กับแสงวิญญาณนี่ แต่ในตอนนี้กลับรู้สึกว่าตัวเองมีเทพแห่งปัญญาคุ้มครองอยู่ เมื่อเห็นอีกาไฟขั้นหกบินมาก็หยุดวิ่ง และควักบางสิ่งออกมาจากอกเสื้อจากนั้นก็ยินขึ้นฟ้าทันที เสียงระเบิดดังปัง กลางอากาศมีลำแสงเจ็ดสีราวกับดาวตกไหลออกมา
มั่วชิงเฉินสีหน้าทมึนตึง ตวาดเสียงดังด้วยความไม่พอใจ “อู๋เยว่ นี่เจ้ามาช่วยสร้างปัญหาให้ข้าใช่หรือไม่ห๊ะ”
ความตกใจเมื่อครู่ทำให้ก้อนอิฐที่สูญเสียการควบคุมพลังและความแม่นยำ ร่วงลงโดนส่วนล่างของคุณชายสี่
เสียงร้องแปลกๆ ดังขึ้น
ใบหน้าไร้เดียงสาของเสียวเจี่ยวที่อยู่ในกระเป๋าวิญญาณอสูร กระพริบตาอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก รูปร่างที่แข็งแกร่งของเสี่ยวหลางกลับก้าวถอยหลังทันใดตามจิตใต้สำนึก หางใหญ่มหึมาของมันแกว่งไปมา
“น้องเสี่ยวหลาง เจ้าเป็นอะไร” เสี่ยวเจี่ยวมีสีหน้ากังวล
เสี่ยวหลางกระแอมสองที แกล้งยืนขึ้นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น “พี่เสี่ยวเจี่ยว ท่านถามมากไปแล้ว” พูดจบก็เดินวนพร้อมแกว่งหางใหญ่ๆ จนฝุ่นฟุ้ง
เสี่ยวเจี่ยวปากมุ่ย “อะไรเล่า เห็นชัดๆ ว่าทุกครั้งที่เจ้าถามหานายท่าน หรือเวลากลัว ก็จะแกว่งหางไปมาอย่างบ้าคลั่ง ความจริงข้ารู้ตั้งนานแล้ว”
“ข้าแค่ปวดฉี่!” เสี่ยวหลางคำราม
ระยะทางจากห้องโถงและสวนพีซี่ ประมุขหวังผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อกำเนิดสามารถหายไปกลางอากาศและถึงที่หมายได้ภายในชั่วพริบตาเดียว แล้วก็เห็นอีการูปร่างท้วมนั่งม้วนตัวอยู่บนตัวของคุณชายสิบเจ็ด ปีกคู่ของมันกระพือทุบตีหน้าขององค์ชายสิบเจ็ดดังตุบตับพลางด่าไม่หยุดหย่อน “ไอเด็กสารเลวนี่ ใครใช้ให้เจ้าพูด ใครใช้ให้เจ้าพูด!”
ไอเด็กสารเลว
ประมุขหวังหน้าดำคร่ำเครียด เขาหันมองไปอีกฝั่งอย่างยากลำบากก็เจอมั่วชิงเฉินเอายาใส่ปากคุณชายสี่ ก่อนจะลุกขึ้นมาปัดเนื้อปัดตัวอย่างขยะแขยง
สายตาของประมุขหวังมองต่ำลงไปยังด้านล่างของคุณชายสี่ ราวกับว่าร่างกายของเขากลายเป็นผู้บำเพ็ญระดับก่อกำเนิดแล้ว ยิ่งหยดเลือดที่ไหลออกมาตรงช่วงล่างของคุณชายสี่ ยิ่งทำให้เขาเก็บสีหน้าไว้ไม่ได้
เยี่ยเทียนหยวนที่ยืนอยู่ด้วนข้างสีหน้าตกตะลึงไปชั่วขณะ สายตาที่จ้องมองมั่วชิงเฉินอย่างซับซ้อน
“แม่นางมั่ว นี่ท่าน…” ประมุขจางถามหาสาเหตุต่อหน้ามั่วชิงเฉิน ซึ่งการมีเยี่ยเทียนเหยียนอยู่ ทำให้มั่วชิงเฉินไม่มีท่าทีเกรงกลัวต่อผลลัพธ์อันเลวร้ายนี้เลย ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้สถานะของสกุลหวังมิได้เป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียวเหมือนแต่ก่อนแล้ว พันธมิตรบำเพ็ญเพียรไร้สำนัก ยังคงเตรียมตัวรอคอยเวลาที่จะขยายเขตอิทธิพลอยู่ ตอนนี้ประมุขหวังอยากปรับสีหน้า เกรงว่าคงต้องใช้ความกล้าอย่างมาก
เข้าใจถึงตรงนี้ ทั้งความกล้าหาญที่เป็นสิ่งเดียวที่นางมี ทั้งมั่วชิงเฉินไม่ใช่คนพูดจาอ้อมค้อมจึงตอบกลับตรงๆ ว่า “ประมุขหวังปีนั้นที่เราร่วมกันให้สัจจะสาบาญมารใจ ท่านรับปากข้าว่าจะดูแลพี่สิบสี่ของข้า แต่บัดนี้ท่านกลับตอบแทนข้าด้วยสิ่งเหล่านี้หรือ พี่สิบสี่ของข้าถูกหวังสี่ขืนใจกระทำชำเราเช่นนี้!”
แม้ปีนั้นมั่วชิงเฉินจะให้ยาอายุวัฒนะให้แก่เขา ทำให้เขาได้เข้าสู่ปราณก่อกำเนิด บุญคุณครั้งนี้ยิ่งใหญ่มิอาจลืมเลือน แต่ไม่ใช่เพราะทั้งสองฝ่ายต่างเต็มใจก็สามารถชดเชยให้กันได้
ยิ่งเขาเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงด้วยแล้ว ยิ่งต้องให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเยี่ยเทียนหยวน ผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อกำเนิดที่มีระดับเดียวกับตนอีกด้วย ประมุขหวังที่ใช้ชีวิตมากว่าแปดเก้าร้อยปีคิดอย่างรอบคอบ ถึงแม้จะต้องเสียหน้าบ้าง แต่เรื่องนี้กลับหนักหนาสาหัสนัก เขาพูดขึ้นอย่างหนักแน่น “หวังสี่ข่มเหงเจ้าหนูหนิงโหรวจริงหรือ มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วยรึ
“ท่านประมุข อย่าฟังเรื่องไร้สาระของนาง น้อยครั้งที่นางจะเห็นตระกูลหวังอยู่ในสายตา เพราะความแค้นที่สะสมมานาน ทำให้ข้าต้องกลายเป็นแบบนี้ เพ่ยเพ่ย ท่านประมุข ท่านอย่าอดทนต่อไปอีกเลย!” ไม่รู้ว่าหวังสี่ฟื้นขึ้นมาตอนไหน เหตุใดถึงใช้ความอดทนแสร้งตอบด้วยท่าทีเช่นนั้นได้
“หวังสี่ เรื่องที่แม่นางมั่วพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่” ประมุขหวังถามกลับ
หวังสี่พยายามควบคุมน้ำเสียงของตนเอง “จะเป็นไปได้อย่างไรท่านประมุข หลายปีมานี้แม้แต่นางบำเรอสักคนข้าก็ยังไม่มี ข้าปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพ…”
เสียงทุบดังตุบ มั่วชองเฉินใช้ก้อนอิฐทุบคุณชายสี่ไปคราหนึ่ง ยิ้มอย่างเย็นชาพูดว่า
“เคารพด้วยความยำเกรง หากเคารพด้วยความยำเกรง เหตุใดบนร่างกายของพี่สิบสี่จึงเต็มไปด้วยบาดแผล อีกทั้งจิตใจยังห่อเ**่ยวจนกลายเป็นคนซึมเศร้าไปได้”
ระหว่างที่สนทนาอยู่นั้นก็เห็นทิงเฉาบินลงมาด้วยความร้อนรน กระซิบข้างหูประมุขจาง
ท่านประมุข นักพรตโยวหย่วน นักพรตฮว่านเตี๋ย กับผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณอีกจำนวนหนึ่งจากพันธมิตรนักบำเพ็ญเพียรไร้สำนักมาขอรับ