เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล – ตอนที่ 137 การร่วมมือกันของเหล่าองค์ชาย

 

Sign in Buddha’s palm 137 การร่วมมือกันของเหล่าองค์ชาย

 

หนึ่งชั่วโมงผ่านไปโดยไม่ทันรู้ตัว

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงลุกขึ้นและเตรียมกลับไปยังโถงชีวิตนิรันดร์เพื่อจัดการเรื่องการบ้านการเมือง

 

“ได้มาคุยกับพี่สามในวันนี้ ข้ารู้สึกทุกข์ใจน้อยลงจริงๆ” จักรพรรดิหลี่เชิงกล่าวด้วยรอยยิ้มและมองไปยังซูฉิน

 

ซูฉินส่ายหัวแต่ไม่ตอบอะไร

 

วันต่อมา

 

ที่ตําหนักไท่จี๋ บริเวณท้องพระโรง

 

จักรพรรดิหลี่เชิงแห่งราชวงศ์ถังนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร มองลงมาที่เหล่าขุนนางฝ่ายพลเรือนและฝ่ายทหาร

 

“ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนักสําหรับการปกครองดินแดนของ เหล่าราชาหัวเมืองแห่งอาณาจักรถังทั้งหลาย…” จักรพรรดิถังกล่าวออกโดยมิอ้อมค้อม

 

ในช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมา แม้ว่าจักรพรรดิหลี่เชิงจะไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องการตัดทอนอํานาจศักดินา แต่ไม่รู้ว่าภายในใจของเขาคิดวนไปเวียนมากี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว

 

จนท้ายที่สุดจักรพรรดิถังหลี่เชิงก็ตระหนักว่าไม่สมควรที่จะตัดทอนอํานาจศักดินาตรงๆ มันอาจจะเกิดความวุ่นวายในอาณาจักรถังและการก่อกบฏจากกลุ่มขุนนางได้ง่าย

 

การตัดทอนอํานาจศักดินาโดยตรงอาจกระทํามิได้ แต่เรื่องวิธีการตัดทอนอํานาจศักดินาโดยอ้อมผุดขึ้นในหัวของจักรพรรดิหลี่เชิงอย่างต่อเนื่อง

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงใช้เวลามาสามปีแล้วในการคิดหาวิธีตัดทอนอํานาจของเหล่าองค์ชายโดยอ้อม

 

ตําหนักไท้จี๋

 

เมื่อเหล่าขุนนางภายในท้องพระโรงได้ฟังคํากล่าวของจักรพรรดิหลี่เชิง พวกเขาก็มองหน้ากันเองโดยไม่รู้จะทําหน้าอย่างไร

 

ไม่กี่ปีมานี้พวกเขาก็เห็นๆ อยู่ว่าจักรพรรดิหลี่เชิงโกรธแค่ไหน และถึงขั้นคิดจะตัดทอนอํานาจศักดินา

 

แต่ตอนนี้จักรพรรดิหลี่เชิงกลับ ”ประทับใจมาก” กับพฤติกรรมของเหล่าองค์ชาย?

 

ในยามที่เหล่าข้าราชบริพารยังคงสับสน คําพูดของจักรพรรดิหลี่เชิงก็ดังก้อง

 

“เหล่าราชาหัวเมืองต่างทํางานกันอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทํางานให้สําเร็จลุล่วงด้วยดีได้หากปราศจากความร่วมมือของเหล่าบุตรหลานทุกคนในตระกูล ข้าจึงตัดสินใจจะส่งผ่านคําสั่งออกไป ต่อแต่นี้อนุญาตให้ราชาหัวเมืองสามารถแจกจ่ายอํานาจศักดินาให้แก่ลูกหลานทุกคนได้”

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงกล่าวคําออกมาช้าๆ

 

ด้วยคําที่กล่าวออกมา

 

เหล่าขุนนางในท้องพระโรงต่างเงียบ

 

ความคิดของข้าราชบริพารบางคนวิ่งแล่นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาก็พลันเข้าใจจุดประสงค์ขององค์จักรพรรดิถังในการออกคําสั่งเช่นนั้น มันไม่มีอะไรมากไปกว่าการแบ่งอํานาจของเหล่าขุนนางหัวเมือง ด้วยวิธีนี้อาจจะไม่เห็นผลในช่วงสั้นๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปสิบปีหรือร้อยปี ปัญหาเรื่องของราชาหัวเมืองจะต้องคลี่คลายอย่างแน่นอน

 

“ฝ่าบาท สิ่งนี้ไม่สมควร…”

 

ขุนนางบางคนลุกยืนขึ้นมาในทันที โค้งคํานับต่อหน้าองค์จักรพรรดิหลี่เชิงก่อนจะกล่าวว่า “บุตรชายคนโตขององค์ชายกับพระชายาคนแรกเท่านั้นที่จะได้รับอํานาจศักดินา หากฝ่าบาททรงยกเลิกกฎหมายนี้ไป อาจสร้างความไม่พอใจให้เหล่าองค์ชายได้…”

 

ขุนนางผู้นี้เข้าใจความเป็นไปของอาณาจักรถัง และควา หมายอันลึกซึ้งภายในคําสั่งขององค์จักรพรรดิหลี่เชิง แต่เหล่าองค์ชายเองมีหรือจะไม่เข้าใจ

 

“ไม่ต้องเป็นห่วงไป ข้าเพียงแต่อนุญาตเท่านั้น มันหาใช่คําสั่งไม่ ถ้าเหล่าราชาหัวเมืองไม่เต็มใจพวกเขาสามารถปฏิเสธมันได้”

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงสงบนิ่งอย่างมาก ก่อนหน้านี้เขาเข้าใจทุกอย่างแล้วหลังจากพูดคุยกับซูฉินอยู่ครู่หนึ่งเมื่อคืนวาน จักรพรรดิหลี่เชิงเริ่มตระหนักมากขึ้นถึงสิ่งที่เขากระทําได้

 

พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้เป็นเพียงการกําหนดกฎเกณฑ์ เหล่าองค์ชายอาจจะเพิกเฉยต่อมัน แต่เหล่าพรรคพวกคนอื่นในตระกูลของพวกเขาเล่า?

 

ปกติแล้วหลังจากที่ผู้ปกครองคนเก่าสิ้นชีวิตไป บุตรชายคนโตก็จะสืบทอดอํานาจราชาหัวเมืองต่อไป ส่วนพี่น้องคนอื่นๆ ก็ทําได้เพียงดูแลตัวเอง

 

และด้วยสถานการณ์นี้ เมื่อจักรพรรดิถังหลี่เชิงอนุญาตให้ลูกหลานคนอื่นๆ ขององค์ชายสามารถสืบทอดอํานาจศักดินาต่อไปได้ ย่อมเกิดความแตกแยกภายในอย่างมิอาจเลี่ยง

 

นอกจากบุตรชายคนโตแล้ว บุตรชายคนอื่นๆ ย่อมสนับสนุนคําสั่งจากจักรพรรดิหลี่เชิงเป็นธรรมดา

 

“ความประสงค์นี้ของข้าตัดสินใจมาดีแล้ว”

 

“ไม่จําเป็นต้องพูดอะไรให้มากความอีกต่อไป”

 

จักรพรรดิถังหลี่เชิงเห็นว่ามีขุนนางบางคนพยายามที่จะห้ามปรามตน ดังนั้นพระองค์จึงโบกมือและเดินออกจากตําหนักได้ไป

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ด้านนอกตําหนักชุนฝั่งขวา

 

ดวงตาของซูฉินสงบนิ่ง มองตรงไปในทิศทางของตําหนักไทจี๋

 

“ท้ายที่สุดก็ออกคําสั่งนี้”

 

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อยและถอนหายใจออกมา

 

ซูฉินรู้ว่าสิ่งนี้มันอยู่ภายในใจขององค์จักรพรรดิหลี่เชิงมาตั้งแต่เมื่อคืน ดังนั้นเขาจึงให้ความสนใจกับอีกฝ่ายเล็กน้อย ในวันนี้เป็นไปตามคาด จักรพรรดิถังหลี่เชิงได้ลงมือไปแล้วในวันนี้

 

เพียงแต่ว่า แม้วิธีการนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาของราชาหัวเมืองได้ในระดับที่ดี แต่จักรพรรดิถังหลี่เชิงกระทําสิ่งหนึ่งผิดพลาด

 

“การออกคําสั่งนี้เรียงลําดับผิดพลาด…”

 

ซูฉินคิดอยู่ในใจอย่างเงียบๆ

 

หากจักรพรรดิหลี่เชิงแห่งราชวงศ์ถังได้กระทําการปราบเหล่าขุนนางหัวเมืองทั้งหมดก่อนที่จะออกคําสั่งนี้ ทําให้พวกเขาหวาดกลัวก่อนจะใช้แผนแยกย่อยอํานาจ เขาก็จะ ขจัดปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคตและแก้ไขปัญหาจากเหล่าองค์ชายไปได้อย่างสมบูรณ์

 

แต่ตอนนี้

 

สิ่งสําคัญที่สุดยังไม่ได้รับการแก้ไขจนบรรลุผล และการออกคําสั่งกระจายอํานาจเช่นนี้เท่ากับไปแตะต้องจุดเดือดของเหล่าองค์ชาย

 

แม้ว่าซูฉินจะรู้ว่าจักรพรรดิหลี่เชิงไม่ได้ทําสิ่งเหล่านี้ได้อย่างถูกต้อง แต่เขาก็ไม่ได้หยุดยั้งมัน

 

หากจักรพรรดิหลี่เชิงถูกลอบสังหาร ซูฉินอาจจะลงมือช่วยเหลือได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นเรื่องราวการตัดสินใจของจักรพรรดิหลี่เชิงในกิจการบ้านเมือง แห่งอาณาจักรถัง

 

“ไม่เป็นไร ปล่อยให้เขาทนทุกข์ ให้ได้เรียนรู้เสียบ้าง” 

 

ซูฉินหันหลังและเดินกลับไปที่ตําหนักชุนฝั่งขวา

 

เป็นเวลานานแล้วที่จักรพรรดิถังหลี่เชิงประสบความสําเร็จมาตั้งแต่ขึ้นครองบัลลังก์ เขามีพร้อมทุกสิ่งที่จักรพรรดิพระองค์ก่อนเตรียมไว้ให้ ผนวกรวมกับที่ซูฉินช่วยเขากําจัดอุปสรรคถึงสองครั้งสองครา สร้างความตื่นตระหนกให้กับอาณาจักรต่างๆ ทําให้การดําเนินการสิ่งต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่น

 

แม้ว่าจักรพรรดิถังหลี่เชิงจะได้ดําเนินการไปหลายอย่างจนอาณาจักรถังเจริญรุ่งเรืองภายใต้การปกครองของเขา แต่ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างบนโลกนี้ที่มันไม่ราบรื่นเสมอไป

 

….

 

….

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

ด้วยคําสั่งของจักรพรรดิหลี่เชิงแห่งราชวงศ์ถังที่ส่งไปถึงราชาหัวเมืองทั้งสิบ มันก็ทําให้เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นในใจของหมู่พี่น้องทายาทของเหล่าองค์ชาย

 

อย่างไรก็ตาม

 

ความรู้สึกเหล่านี้ก็เกิดขึ้นได้ไม่นานก่อนจะถูกระงับไป โดยเหล่าองค์ชาย

 

ไม่นานหลังจากนั้น

 

เหล่าราชาหัวเมืองทั้งสิบก็มารวมตัวกันอยู่ในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง

 

เมืองเล็กๆ แห่งนี้ไม่ได้อยู่ในอาณาเขตขององค์ชายคนใด แต่เป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้เคียงกับอาณาเขตของราชาหัวเมืองส่วนใหญ่ ดังนั้นเมื่อพวกเขามีเรื่องที่จะต้องหารือกัน พวกเขาจะเลือกใช้สถานที่แห่งนี้

 

“ฮ่าฮ่า”

 

“ตอนนี้จักรพรรดิถังที่อยู่ในเมืองฉางอันช่างกล้าหาญนัก เขาถึงกับกล้าเข้ามาแทรกแซงกิจการของราชาหัวเมืองที่ข้าปกครองอยู่”

 

ดวงตาของราชาฟ่านหยางเย็นเยียบ เหลือบมองไปที่ราชาหัวเมืองอีกเก้าพระองค์ก่อนจะหัวเราะเยาะเย้ย

 

เมื่อตอนที่คําสั่งกระจายอํานาจส่งมาถึงอาณาเขตของพวกเขา เหล่าราชาหัวเมืองต่างตระหนักว่ามีบางสิ่งผิดปกติ และหลังจากเขาเห็นสายตาอันแสนกระตือรือร้นจากลูกหลานคนอื่นๆ ของพวกตน พวกเขาก็ยืนยันได้แล้วว่า นี่คือแผนการของจักรพรรดิ

 

“หึ!”

 

“เพียงคําพูดไม่กี่คําก็สามารถแบ่งแยกเขตแดนของพวกเรา สร้างความแตกแยกให้เหล่าพี่น้องจักรพรรดิถังไม่เพียงกล้าหาญเท่านั้น แต่วิธีการต่างๆ ยังเลวร้ายมากอีกด้วย”

 

ราชาชวอฟางก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย็นชา

 

ในฐานะราชาผู้ครองดินแดน พวกเขาต้องการให้อํานาจที่สืบต่อไปนั้นรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปรุ่นต่อรุ่น พวกเขาย่อมไม่ต้องการเห็นลูกหลานของพวกเขาถูกแบ่งแยกออก และท้ายที่สุดมันก็จะกลายไปเป็นของเล่นในมือขององค์จักรพรรดิถัง

 

“แล้วตอนนี้เราควรทําเช่นไร”

 

“จักรพรรดิถังเริ่มแบ่งแยกรากฐานของพวกเราแล้ว พวกเจ้ายังจะทําเป็นเฉยเมยอยู่ไหม?”

 

ราชาเป่ยถิงกล่าวออกมา อยากจะรู้ว่าราชาพระองค์อื่นคิดเห็นอย่างไร

 

“เป็นเรื่องปกติที่เราจะเฉยเมยไม่ได้”

 

ราชาฟ่านหยางส่ายหัวแล้วกล่าวคํา

 

“ทําไมเจ้าไม่สังหารจักรพรรดิถังองค์นี้เสียที ในเมื่อเขาดื้อดึงขนาดนี้ เราควรจะเปลี่ยนจักรพรรดิถังเป็นคนอื่นขึ้นมาแทน”

 

ราชาเจี้ยนหนานจู่ๆ ก็โพล่งขึ้นมา

 

คําพูดที่กล่าวออกมา

 

ราชาหัวเมืองที่เหลือก็รู้สึกว่าหัวใจตนกําลังเต้นอย่างเร่าร้อน

 

อย่างไรก็ตาม ราชาชวอฟางส่ายหัวแล้วกล่าวขึ้นว่า “ฆ่า แล้วได้อะไร? ข้าก็ไม่เห็นว่าจะมีใครไม่อิจฉาจักรพรรดิถังต่อให้สังหารทิ้งไปแล้วคนที่ขึ้นมาแทนจะเชื่อฟังหรือไม่

เล่า?”

 

“นอกจากนั้น คงจะมีบรรพบุรุษเก่าแก่ที่หลบซ่อนตัวอยู่ ในพระราชวังถัง การที่จะลอบฆ่าจักรพรรดิถังภายในวังหลวงย่อมไม่สมควร”

 

ราชาชวอฟางกล่าวออกมาเบาๆ

 

ไม่ว่าจะเป็นสองยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดอย่างหวู่หยาง แห่งหนานหมิงและอินจิ่วฝูที่ตกตายอยู่นอกวังหลวง และการหายตัวไปอย่างลึกลับของซีเหมินชุยเฉว่กับเย่กู้เฉิงภายในพระราชวังถังล้วนแสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวของวังหลวงได้อย่างแท้จริง

 

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

บทนำ ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธครองพิภพ เป็นสถานที่ที่ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาสูงชัน ทั้งยังมีเสียวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่นภากาศอันเวิ้งว้างว่างเปล่า เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก! ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล] ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ] ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ] สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินจึงไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่หากยังไม่ได้ลงชื่อรับของรางวัล และตัวเขาก็ลงชื่อเข้าใช้อยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง! จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน… แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset