ภายในสถาบันวิจัย สุดท้ายศาสตราจารย์ฉื่อก็ได้พบกับ “Dr.FS” ที่เขาต้องการจะพบตัวมานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว
“เฉิงอี้ เธอ… เธอพูดว่า เด็ก… คุณคนนี้เป็น Dr.FS งั้นเหรอ” ศาสตราจารย์ฉื่อมองดูอย่างไม่เชื่อ
ศาสตราจารย์ฉื่ออายุได้ 53 ปีในปีนี้ ผมเทาและบางลงจนน่ากังวลอยู่บ้าง โชคดีที่ผมที่บางลงนั้นยังไม่ถึงกับทำให้เขาหัวล้าน
เฉิงอี้พยักหน้าอย่างจริงจัง
ใช่ เป็นเธอ
ศาสตราจารย์ฉื่อแตะที่ขมับด้วยความตกใจ “ฉัน…นี่…”
ศาสตราจารย์ฉื่อไม่สามารถที่จะหาสิ่งที่จะอธิบายความรู้สึกของตนเองตอนนั้นได้
เฉิงอี้เทน้ำแก้วหนึ่งให้กับศาสตราจารย์ฉื่อ
“อาจารย์ โปรดใจเย็นก่อน ผมเพิ่งทำใจไปได้สักพักก่อนหน้านี้”
ศาสตราจารย์ฉื่อจิบน้ำสองสามอึกจากแก้วแล้วจึงค่อยสงบใจลง
จากนั้นเขาก็หันไปถามเฉิงอี้ว่า “เธอแน่ใจเหรอ เธอไม่ได้ผิดพลาดอะไรใช่ไหม”
เฉิงอี้ยืนยันว่า “ผมมั่นใจ นับตั้งแต่ประตูหน้าพวกเราก็ได้คุยกันสักพักแล้ว นอกจากอายุแล้ว อย่างอื่นไม่มีปัญหา”
ไม่ใช่การแอบอ้างบุคคลอื่นหรือว่ามีความเข้าใจผิด นี่คือคนที่พวกเขากำลังตามหาอยู่ Dr.FS ที่พวกเขาคุยด้วยทางออนไลน์มาเกือบสองสัปดาห์แล้ว
ศาสตราจารย์ฉื่อมีอายุมาถึงครึ่งร้อยแล้ว เขาผ่านคลื่นลมมามากมายเช่นกัน
เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความตกใจให้กับเขาอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้น ศาสตราจารย์ฉื่อก็ใจเย็นลง
เหนือฟ้ายังมีฟ้า และเขาไม่เคยคิดสงสัยว่าจะมีอัจฉริยะในโลกนี้หรือไม่
อย่าตัดสินความสูงจากอายุ อย่าตัดสินความผิดถูกจากความอาวุโส
สายตาของศาสตราจารย์ฉื่อเปลี่ยนไปเมื่อเขามองไปยังเจี่ยนอีหลิง และเขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาพลันหยิบได้สมบัติมหาศาล
อย่างไรก็ตาม ตามกระบวนการแล้ว ศาสตราจารย์ฉื่อยังคงจำเป็นที่จะต้องประเมินเจี่ยนอีหลิง เพื่อพิจารณาความสามารถและคุณสมบัติของเธอเพิ่มเติม
เช่นเดียวกับการสัมภาษณ์เมื่อบริษัทกำลังรับสมัคร ซึ่งต้องมีการคัดกรองหลายชั้น
การคัดกรองที่สถาบันวิจัยของพวกเขาเข้มงวดกว่าบริษัททั่วไปมาก
มีความจำเป็นที่จะต้องผ่านการทดสอบทั้งชุดอย่างสมบูรณ์รวมถึงการประเมินเชิงปฏิบัติของโครงการวิจัย
กระบวนการทั้งหมดปกติแล้วจะใช้เวลาสี่ถึงห้าชั่วโมง แต่เจี่ยนอีหลิงใช้เวลาเพียงแค่สองชั่วโมงกับแปดนาที
หลังจากการประเมิน ศาสตราจารย์ฉื่อเต็มไปด้วยทั้งความตื่นเต้นและความคาดหวัง จนเกือบกระโดดขึ้นหลายครั้ง
“เยี่ยม เยี่ยม นี่ยอดเยี่ยมที่สุด เธอเป็นอัจฉริยะที่สถาบันวิจัยของเราต้องการ ฉันขอเชื้อเชิญเธออย่างจริงใจให้เข้าร่วมกับสถาบันของเรา”
ศาสตราจารย์ฉื่อส่งคำเชื้อเชิญอย่างเป็นทางการให้กับเจี่ยนอีหลิง
เฉิงอี้ก็ดีใจมากเช่นกัน “ในอนาคต สถาบันวิจัยของเราจะต้องมีเด็กหญิงน่ารักเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน”
ต้องรู้กันว่าตลอดทั้งสถาบันวิจัยทางการแพทย์ฮุ่ยหลิงนั้นมีผู้หญิงอยู่ทั้งหมดเพียงสองคน
หนึ่งนั้นก็คือผู้ดูแลระบบ ไม่ใช่นักวิจัย
ส่วนอีกคนหนึ่งนั้น… ถือว่าเป็นหญิงเพียงเพราะว่าเพศของเธอเท่านั้น
ถ้าเจี่ยนอีหลิงเข้าร่วม เธอก็จะเป็นผู้หญิงแท้จริงคนแรกในสถาบันวิจัยของพวกเขา
ศาสตราจารย์ฉื่อรีบกล่าวกับเจี่ยนอีหลิงว่า “เธอสามารถเสนอเงื่อนไขอะไรก็ได้ที่เธอต้องการ การดูแลของพวกเรานั้นถือได้ว่ายอดเยี่ยมเหนือใคร และเครื่องมือในสถาบันวิจัยของพวกเราก็ดีที่สุดในโลกนี้เช่นเดียวกัน”
ผลตอบแทนของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ฮุ่ยหลิงนั้นเป็นสิ่งที่ใครๆก็ต้องการ แต่โดยพื้นฐานแล้วจะมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถได้รับ
ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถทำให้ได้ ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดอีกกับการดูแลของพวกเขา
“ฉันไม่ต้องการเงื่อนไขการดูแลพิเศษใดๆ ความต้องการเพียงอย่างเดียวก็คือ จัดหาอุปกรณ์และสิ่งของที่จำเป็นที่ฉันต้องการมาให้ฉัน”
เจี่ยนอีหลิงไม่ได้มีความต้องการเงินเดือนสูง
เหตุผลหลักที่เธอมายังสถาบันวิจัยนี้ไม่ใช่เพราะเงินเดือน
“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน” ศาสตราจารย์ฉื่อตกลง เงื่อนไขที่เจี่ยนอีหลิงเสนอออกมานั้นไม่ใช่เงื่อนไขสำหรับสถาบันวิจัยแห่งนี้
เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส – ตอนที่ 63: สถาบันวิจัย 4
Posted by ? Views, Released on January 1, 2022
, เธอเปลี่ยนไปเป็นบอส
อ่านนิยาย 大妇 เธอเปลี่ยนปเป็นบอส เรียกว่าใกล้ถึงจุดไคล์แมกซ์แล้วนะครับ ผมละอยากจะ
เรียกมันว่าจบภาค 1 เสียด้วยซ้ำไป เสียดายที่ทางต้นฉบับไม่มีภาคหนึ่ง ภาคสอง
ขอสปอยล์นิดๆนะว่า พอผ่านช่วงนี้ไป จากอายุ 14 ย่าง 15 นางเอกของเราก็จะกระโดดไป
เริ่มกันที่อายุ 18 เลยนะครับ และตอนนั้น ความหวานแหววคู่พระคู่นางก็จะเริ่มมาให้เห็นมากขึ้น
เรื่อยๆ
อาาาา อดใจติดตามกันต่อไปนะครับ แล้วก็ระวังรักษาตัวเองให้พ้นจากภัยโควิดทุกๆคนนะ
ครับ ผมจะแปลงานออกมาเรื่อยๆเป็นเพื่อนแก้เหงายามไม่มีอะไรทำนะครับ
Recommended Series
Comment
Facebook Comment