ใบหน้าที่แดงก่ำของหานเมิ่ง เต็มเปี่ยมไปด้วยสีสันของฤดูใบไม้ผลิที่ไม่สิ้นสุด ท่าทางที่แสดงออกเรียกได้ว่า คนคนหนึ่งสามารถหยาบโลนได้เท่าไหร่ เขาก็หยาบโลนได้ถึงขั้นนั้น
เพล้ง!
ปรากฏเสียงดังสนั่นขึ้นเสียงหนึ่ง จูเจียนเฉียงขว้างแก้วเหล้าออกไปอย่างดุเดือด แล้วพูดอย่างโกรธเคืองว่า: “นังแพศยานั่นเรอะ! ยังมีไอ้สารเลวหลี่โม่ด้วย!”
นับตั้งแต่ครั้งแรกที่จูเจียนเฉียงได้เห็นกู้หยุนหลัน ก็หลงใหลคลั่งไคล้ในตัวกู้หยุนหลันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น แต่กลับต้องพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าภายใต้เงื้อมมือของหลี่โม่ ทำให้จูเจียนเฉียงเสียหน้าจนไม่เหลือชิ้นดี
จูเจียนเฉียงรู้สึกโกรธจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ เพราะดื่มเหล้าไปมากจนเลือดร้อนขึ้นสมอง ยืนขึ้นแล้วคว้าขวดเหล้าบนโต๊ะขึ้นมา พูดกับพวกหานเมิ่งว่า ” เตรียมอาวุธให้พร้อมโว้ยพรรคพวก ! ไปกระทืบไอ้หลี่โม่ไอ้แมงดาเกาะผู้หญิงกับฉัน! กระทืบไอ้แมงดานั่นเสร็จ ก็เอาตัวนังแพศยากู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงกลับไปที่คฤหาสน์ของฉัน คืนนี้พวกเรามาสนุกกันให้สุดเหวี่ยงไปเลยโว้ย!”
“โอ้! ไปกันเถอะๆๆ! พวกเราตามคุณชายจูไปชิงตัวสาวงามกันโว้ย!”
“คุณชายจูยิ่งใหญ่เกรียงไกร! สหายทั้งหลายเตรียมอาวุธให้พร้อมเว้ย!”
“ฮี่ ๆ ถ้าเป็นสาวงามสองคนจริง ๆ งั้นพวกเราก็จะได้มีช่วงเวลาดี ๆ ให้ได้มันส์กันแล้วน่ะสิ”
“หานเมิ่ง นำทาง!” จูเจียนเฉียงร้องสั่งเสียงหนึ่ง แล้วเดินนำพวกชายหนุ่มที่ถูกฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้เมาจนขาดสติออกจากห้อง ชายหนุ่มพวกนั้นต่างก็ถือขวดเหล้าติดมือมาเป็นอาวุธ
บาร์เกิร์ลที่อยู่ในห้องส่วนตัวได้เห็นพวกจูเจียนเฉียงเดินถือขวดเหล้าออกไป ชั่วขณะนั้น พวกเธอต่างก็พากันตกตะลึงไปเลยทีเดียว
บาร์เกิร์ลผู้มากประสบการณ์คนหนึ่งพูดขึ้นว่า: “ฉันจะโทรบอกหัวหน้าโฮตส์ก่อน แล้วเดี๋ยวพวกเราตามไปดูกันซักหน่อยดีมั้ย?”
คนทุกคนล้วนมีสัญชาตญาณชอบรับชมเรื่องสนุก เมื่อได้เห็นว่าจะมีเรื่องสนุกให้ชมตรงหน้า คนอื่น ๆ ที่เหลือก็พากันพยักหน้าทีละคน ๆ
หลังจากบาร์เกิร์ลผู้มากประสบการณ์โทรบอกหัวหน้าโฮตส์ เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเสร็จ ก็เดินตามพวกสาวบาร์เกิร์ลคนอื่น ๆ ไป
หานเมิ่งนำทางไปถึงหน้าประตูห้องของพวกหลี่โม่ ยกเท้าขึ้นแล้วถีบเข้าที่ประตูห้องนั้นตรง ๆ
ปัง!
ประตูห้องถูกหานเมิ่งถีบจนเปิดออก จากนั้นจูเจียนเฉียงก็เดินถือขวดเหล้าตามเข้าไปในห้อง
ดวงตาสีแดงก่ำของจูเจียนเฉียงจ้องมองกู้หยุนหลันเขม็ง ยกมือข้างที่ถือขวดเหล้าขึ้น ใช้ขวดเหล้าชี้ไปที่กู้หยุนหลัน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอันธพาลว่า “โย่ว! นี่ไม่ใช่เทพธิดากู้หยุนหลันของพวกเราหรอกเหรอเนี่ย ? ได้ยินมาว่าเธอกับเพื่อนซี้เฉินเสี่ยวถงกกผู้ชายคนเดียวกัน ฉันในฐานะชายหนุ่มผู้ไล่ตามเธออย่างซื่อสัตย์มาตลอด เลยต้องมาดูซักหน่อยว่าพวกเธอสองหญิงใช้ผู้ชายคนเดียวกันยังไงบ้าง”
“จูเจียนเฉียง! นายมาพูดเรื่องบ้าบอคอแตกอะไรไม่ทราบ? ที่นี่ไม่ต้อนรับนาย เชิญนายรีบออกไปให้เร็วที่สุดเลย!” กู้หยุนหลันพูดอย่างเย็นชาขณะมองจูเจียนเฉียงที่อยู่ ๆ ก็บุกเข้ามาแบบหน้าด้าน ๆ
“โย่ว ๆ ! เธอมันก็แค่อีนังตอ…โอ๊ย!”
จูเจียนเฉียงยังพูดไม่ทันจบ หลี่โม่ก็สะบัดมือ ขว้างแก้วเหล้าในมือไปที่หน้าผากของจูเจียนเฉียงเต็มเปา แก้วเหล้าบาดจนเป็นรอยที่หน้าผากของเขารอยหนึ่ง เลือดสด ๆ ไหลหยดลงมาจากหน้าผากของเขาเป็นทาง
จูเจียนเฉียงแหกปากร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ยกมือขึ้นแตะแผลที่หน้าผาก จากนั้นก็จ้องไปทางหลี่โม่ที่ขว้างแก้วใส่เขาอย่างโกรธเกรี้ยว
“ฉันก็นึกว่าไอ้เวรที่ไหน ไม่คิดว่าจะเป็นแกนะเนี่ย หลี่โม่! ทุกคนมาดูนี่สิวะ นี่คือราชาแมงดาที่โด่งดังที่สุดในเมืองฮ่าน จอมเกาะเมียกินหลี่โม่เว้ย!”
จูเจียนเฉียงพูดจบ ก็หันหน้ากลับไปมองกู้หยุนหลันแล้วพูดว่า: “ฉันล่ะสงสัยจริง ๆ เลยว่า ลูกกะตาของเธอมันเป็นอะไรไปแล้ว? ผู้ชายที่ไม่ต่างอะไรกับแมงดาพรรค์นี้ก็ยังเข้าตาเธอได้ กู้หยุนหลัน เธอคงไม่ได้ชอบยกให้ฟรีหรอกนะ? ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเธอชอบผู้ชายอย่างมันที่ตรงไหน?”
จูเจียนเฉียงยกมือขึ้นเช็ดเลือดจากบาดแผลที่หน้าผาก เมื่อเห็นคราบเลือดที่มือ ก็ยิ้มอย่างดุร้าย ชี้ไปที่หลี่โม่แล้วตะโกนว่า: “พวกแก รีบไปกระทืบไอ้แมงดานี่ให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
เมื่อได้ยินคำสั่งจากจูเจียนเฉียง พวกหานเมิ่งทั้งสี่คนก็โบกขวดเหล้าในมือ แล้ววิ่งกรูกันเข้าไปหาหลี่โม่ทันที
กู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถง นั่งอยู่บนโซฟาด้านในสุดของห้องส่วนตัว มองดูคนทั้งสี่ที่วิ่งกรูเข้าไปหาหลี่โม่อย่างเย็นชา คิดในใจว่าพวกนี้ไม่รู้ซะแล้วว่าหลี่โม่ร้ายกาจขนาดไหน เป็นแค่ไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา ก็ริอาจจะมาหาเรื่องทะเลาะกับหลี่โม่ เตรียมล้างคอรอโดนหลี่โม่ซ้อมหนัก ๆ ไปซักคนละดอกไว้ได้เลย
บาร์เกิร์ลที่กินเผือกรอชมเรื่องสนุกอยู่ด้านนอกเห็นว่าเริ่มสู้กันแล้ว ต่างก็มายืนออกันอยู่ที่หน้าประตู มองดูหลี่โม่ที่ถูกคนทั้งสี่รุมโจมตีอย่างตื่นเต้น
หานเมิ่งเป็นคนเปิดประเดิมคนแรก ฟาดขวดเหล้าเข้าใส่หัวของหลี่โม่
สีหน้าของหลี่โม่สงบนิ่ง ยกมือขึ้นฟาดออกไปฝ่ามือหนึ่ง สังเกตช่องโหว่ของอีกฝ่ายก่อนแล้วอัดกระแทกเข้าที่ท้องของหานเมิ่งเต็มเหนี่ยว
พริบตานั้น หานเมิ่งก็ตัวหงิกเป็นกุ้งแห้ง ตัวงอหลังงุ้มลอยละลิ่วออกไป แล้วชนเข้ากับผนังฝั่งตรงข้าม จากนั้นก็ร่วงตกลงไปที่มุมกำแพง
หานเมิ่งที่ล้มลงตรงมุมกำแพง ยกมือขึ้นกุมหน้าอกไว้ ร่างกายสั่นเทิ้มเพราะความเจ็บปวด ปากก็หลุดเสียงอึกอักคร่ำครวญเป็นครั้งคราว
อีกสามคนที่เหลือเห็นว่าหานเมิ่งลอยละลิ่วแบบกลับหัวกลับหางออกไป แล้วร่วงหนัก ๆ ลงที่มุมห้อง ก็พากันช็อกจนตาค้าง ยิ่งได้เห็นท่าทางเจ็บปวดของหานเมิ่ง ทั้งสามต่างก็สูดหายใจเอาลมเย็น ๆ เข้าปอดกันเฮือกใหญ่
พวกหานเมิ่งสี่คนนี้ เป็นแค่พวกชายหนุ่มธรรมดา ๆ ที่มาอาศัยเกาะกินดื่มเที่ยวเล่นกับจูเจียนเฉียง ถ้าพูดกันตามความจริงคือ ระดับการทะเลาะวิวาทยังไม่เท่าพวกอันธพาลข้างถนนด้วยซ้ำ พวกเขาไม่เคยเห็นฉากอะไรที่ใช้แค่ฝ่ามือเดียว ก็ซัดคนจนลอยกระเด็นออกไปได้ในโลกแห่งความเป็นจริงมาก่อน
ชั่วขณะนั้น เมื่อได้เห็นประสิทธิภาพของหลี่โม่ที่แค่ฟาดมือออกไปแบบสบาย ๆ ก็มีผลเหมือนพวกยอดฝีมือในหนังแล้ว ในใจของไอ้หนุ่มสามคนนั้น ก็แอบคิดลั่นกลองถอยทัพกันเป็นแถว
จูเจียนเฉียงไม่ทันเห็นว่าหานเมิ่งถูกซัดจนลอยกระเด็นออกไปได้ยังไง เห็นแค่ตอนที่หานเมิ่งลงไปนอนกองอยู่ที่มุมห้องแล้ว ยังคิดไปว่าหานเมิ่งคงถูกหลี่โม่เตะจนกระเด็นออกไป
แต่เมื่อเห็นสามคนที่เหลือมัวตกตะลึง ไม่กล้าก้าวขึ้นไปข้างหน้าแล้วสู้กับหลี่โม่ต่อ จูเจียนเฉียงก็โกรธจัด แผดเสียงตะโกนดังลั่นว่า: “ไอ้พวกเศษสวะไร้ประโยชน์เอ๊ย! เวลามาเกาะกินยังกระตือรือร้นกันฉิบหาย ตอนนี้สั่งให้ไปสู้กับแม่งคนเดียว เสือกไม่กล้าแล้วรึไงวะ!?”
หลังจากที่ทั้งสามได้ยินเสียงคำรามของจูเจียนเฉียง ก็หันมองหน้ากันเลิกลั่ก นึกไปถึงช่วงนี้ที่ไปอาศัยกินดื่มเที่ยวเล่นกับจูเจียนเฉียงมาไม่น้อย ถ้าครั้งนี้ทำตัวขี้ขลาด ก็ออกจะไม่รักษาน้ำใจต่อมิตรสหายเกินไปหน่อยแล้ว
ดังนั้นพวกเขาทั้งสามจึงกัดฟัน โบกขวดเหล้าแล้วพุ่งเข้าไปอีกครั้ง
พลั่ก พลั่ก พลั่ก!
หลี่โม่ใช้กระบวนท่าฝ่ามือโจมตีออกไปติด ๆ กันสามครั้งรวด ทั้งสามคนจึงมีสภาพเดียวกับหานเมิ่งทันที คือตัวงอเหมือนกุ้งแห้งโดนซัดจนปลิวออกไปไม่ต่างกัน
บรรดาสาว ๆ บาร์เกิร์ลที่กินเผือกดูเหตุการณ์อยู่ด้านนอก ได้เห็นกับตาว่าหลี่โม่ซัดสามคนนั้นจนกระเด็นติด ๆ กัน ในดวงตาของพวกเธอก็ปรากฏดาวดวงเล็ก ๆ ส่องประกายวิบวับขึ้นมาทันที อดพูดคุยกระซิบกระซาบกันไม่ได้ว่า
“พี่ชายสุดหล่อคนนี้ร้ายกาจจังเลย ต่อยตีเก่งมากจริง ๆ นะเนี่ย”
“หล่อชะมัด ถ้าได้อยู่กับเขาต้องรู้สึกว่าปลอดภัย ได้รับการดูแลรอบด้านแน่เลย”
“ทำไมยะ? หัวใจง่าย ๆ ที่เผื่อแผ่ให้ใครก็ได้ของหล่อนมันเต้นขึ้นมาอีกแล้วรึไง? ชั้นว่าในใจหล่อนไม่น่าจะใช่ความรู้สึกปลอดภัย แต่อยากจะเล่นท่าปลอดภัยมากกว่ามั้ง”
กู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถง มองไปที่หลี่โม่ซึ่งเต็มไปด้วยออร่าของผู้แข็งแกร่งระดับราชา แววตาของพวกเธอ เต็มไปด้วยความรู้สึกคล้ายกับสาวน้อยที่เพิ่งตกหลุมรักใครซักคน
เพียงแต่ในใจของพวกเธอสองคนมีความแตกต่างกันอยู่บ้างเล็กน้อย ในใจของกู้หยุนหลัน เป็นความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความรักอันแสนหวาน ในขณะที่ในใจของเฉินเสี่ยวถง เป็นความรู้สึกอิจฉาริษยาที่เหมือนได้กินน้ำที่มีรสเปรี้ยวจี๊ดเข้าไป
ครั้งนี้จูเจียนเฉียงได้เห็นการเคลื่อนไหวของหลี่โม่อย่างชัดเจนแล้ว ชั่วขณะนั้น ถึงกับโดนพลังด้านการต่อสู้ของหลี่โม่ทำให้ตกใจจนถึงกับสร่างเมา ตัวสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่
จูเจียนเฉียงยกขวดเหล้าในมือขึ้นเสมอหน้าอก ทำท่าทางเหมือนตั้งการ์ดป้องกัน สายตาก็จ้องมองหลี่โม่ที่เดินเข้ามาหาช้า ๆ แล้วพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า: “หลี่โม่ แกอย่าเข้ามานะ มีอะไรก็พูดกันดี ๆ สิวะ ถ้าแกทำร้ายฉัน ฉันจะเรียกคนมาแล้วนะโว้ย!”
“เรียกคน? แกก็ลองเรียกมาซักคนสิ ให้ฉันได้ดูหน่อยว่า แกจะเรียกคนแบบไหนออกมาได้? ” หลี่โม่มองจูเจียนเฉียงด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงเย็นเยียบ ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกแม้แต่น้อย