จักรพรรดิมังกร – ตอนที่ 659 ถือรองเท้าให้ฉันก็ยังไม่คู่ควร

เชฟมั่นใจในกำลังของตัวเองเป็นอย่างมาก การทำอาหารก็เป็นงานใช้กำลังงานหนึ่ง ปีนั้นที่เชฟเรียนทำอาหารวิชาแรกที่เรียนก็คือการเขย่ากะทะ

กระทะเหล็กใบใหญ่ใบหนึ่งก็หนักพอแล้ว ยังต้องใส่ทรายครึ่งกระทะในกระทะเหล็ก แล้วใช้มือหนึ่งเขย่าสิเขย่าไปมา เมื่อสามารถเข่าทรายขึ้นสูงได้โดยไม่หกเลอะเทอะ ถึงจะนับได้ว่าผ่านด่านการเขย่ากระทะนี้

เพียงด่านนี้ก็เพียงพอที่จะฝึกฝนกำลังข้อมือกำลังแขนให้แข็งแกร่งได้ ดังนั้นตลอดมาเชฟก็เป็นผู้เล่นที่มีพละกำลัง

แต่ตอนนี้เชฟใช้กำลังทั้งตัว ก็ไม่สามารถขยับมีดได้เลย นี่ทำให้เชฟมีความสับสนในชีวิตอยู่บ้างแล้ว

หรือว่าพละกำลังของหลี่โม่จะแข็งแกร่งมาก?

แต่แม้ว่าพละกำลังของเขาจะมากยังไง เมื่อกี้ก็ได้กินอาหารที่ใส่ส่วนผสมเพิ่มไปแล้วนี่!

ควรที่จะใช้แรงไม่ได้สักนิดถึงจะถูก!

ไม่ถูก! หรือว่าหลี่โม่ไม่ได้รับผลกระทบจากฤทธิ์ยา?

“นาย หรือว่านายไม่ถูกผลกระทบจากฤทธิ์ยา? นี่มันเป็นไปไม่ได้ล่ะ!”

“ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ กลอุบายเล็กๆนั้นของพวกคุณเดิมทีก็ไม่เข้าตาผม วิธีการของกงซุนจุนก็ตกต่ำย่ำแย่เกินไปหน่อยแล้ว ทำให้ผมผิดหวังมากจริงๆเลยนะ”

หลี่โม่ส่ายหัวไปมา ในสีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความหยิ่งจองหอง ราวกับว่าการพูดถึงกงซุนจุนนั้นน่าอายมาก

เชฟโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาได้กัดฟันถลึงตาใส่หลี่โม่ด้วยความโหดเหี้ยม: “อย่าได้ใจ! นายน้อยของพวกเราไม่ใช่ว่าจะให้นายมาวิจารณ์ได้ เด็กๆ! จัดการหลี่โม่ไอ้เศษสวะคนนี้!”

พวกเชฟรองและผู้ช่วยเชฟได้ทยอยพุ่งขึ้นมา พวกเขาแกว่งกระบวย กระทะก้นลึก เขียงและอื่นๆตีไปทางหลี่โม่

สายตาเหยียดหยามของหลี่โม่ได้พุ่งใส่กลุ่มคน บนมือก็ได้ใช้แรงกระทุ้งตะเกียบ นำมีดในมือของเชฟกระทุ้งบินออกไป

ตอนที่ใช้ตะเกียบกระทุ้งมีดนั้น หลี่โม่ก็ได้ใช้เทคนิคอันแยบยล เห็นเพียงมันบินวนไปรอบๆอยู่บนฟ้า และได้ข้ามผ่านหัวของเชฟพุ่งตัดไปยังยอดศีรษะของเชฟรอง

เชฟรองได้ถูกทำให้ตกใจจนโซเซไปด้านหลัง ผู้ช่วยเชฟคนอื่นๆที่บุกติดตามมาได้ขวางอยู่ด้านหลัง ทันใดนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็ได้เบียดกันจนกลายเป็นก้อนๆหนึ่ง มันยุ่งเหยิงมากจนจะเดินหน้าก็ไม่ได้จะถอยหลังก็ไม่ได้

มีดได้ตกสู่กลางกลุ่มคน และได้ตัดหูขวาของผู้ช่วยเชฟคนหนึ่งไปตรงๆแล้ว

“โอ๊ย หูของฉันถูกตัดแล้ว! หูของฉัน!”

ผู้ช่วยเชฟได้กุมบาดแผลที่มีเลือดทะลักไหลออกมาไว้ และได้ร้องตะโกนเสียงดังด้วยความหวาดกลัว

เชฟรองและคนอื่นๆมองอย่างกลัวสุดขีด ต่างก็ได้กลัวหัวหดจนถอยไปด้านหลัง และไม่มีใครกล้าพุ่งขึ้นมาอีก

เชฟรู้สึกเสียใจที่เมื่อกี้ได้อวดดีมากเกินไป เวลานี้ด้านหนึ่งเขาได้ยิ้มแห้งๆอีกด้านหนึ่งได้ถอยหลัง: “เหอๆ นายอย่าได้ลำพองใจไป นายน้อยของพวกเราก็ใกล้จะมาถึงแล้ว นายก็รอประสบเคราะห์ร้ายเถอะ!”

“กงซุนจุนจะมางั้นเหรอ งั้นผมก็ต้องถกเถียงถกเถียงกับเขาให้ดีๆหน่อย เขามาทำลายงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ของบ้านผม ก็จะต้องมีคำชี้แจงสำหรับเรื่องนี้”

หลี่โม่ได้ยืนกอดอก และรอการมาถึงของกงซุนจุนด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่แยแส

ไม่ได้ให้หลี่โม่รอนานมากนัก รถของกงซุนจุนก็ได้จอดอยู่ด้านนอกของคฤหาสน์แล้ว

กงซุนจุนที่ได้ก้าวเท้ายาวและเดินเร็วๆเข้ามาในคฤหาสน์ เมื่อเข้ามาในลานบ้านก็ได้กวาดตามองรอบหนึ่ง จากนั้นหัวคิ้วจึงได้ขมวดแน่นขึ้นมา

สถานการณ์ไม่เหมือนกับที่กงซุนจุนคาดคิดเลยสักนิด ก่อนหน้านี้กงซุนจุนคิดว่าเมื่อตัวเองมาถึงสถานที่ เชฟก็พาคนควบคุมสถานที่ไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแค่ให้ตัวเองมาทำให้หลี่โม่อับอายก็ได้แล้ว

แต่เวลานี้เชฟและคนอื่นๆต่างก็ตัวสั่นรวมกันเป็นก้อน และหลี่โม่ก็ได้นั่งอย่างสบายๆด้วยท่าทางที่ไม่แยแสทั้งหมดเป็นท่าทางที่หลี่โม่ครอบครองไว้ด้วยความได้เปรียบ

“เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่? พวกนายกำลังทำอะไร!”

กงซุนจุนตวาดด้วยความโกรธ

“นายน้อย พวกเรา พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เขากินอาหารที่วางยาไปแล้วคิดไม่ถึงว่าก็ไม่เป็นไร!”

เชฟพูดด้วยใบหน้าที่ร้องไห้

กงซุนจุนตะลึงไปชั่วครู่ และใช้สายตาที่แตกต่างมองไปทางหลี่โม่: “เขาไม่เป็นไร? นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”

“แต่เขาไม่เป็นไรจริงๆนะ พวกเราเห็นกับตาว่าเขากินอาหารลงไปแล้ว แต่ตอนนี้เขายังอยู่ดี และก็ไม่ได้เป็นอะไรเลยสักนิด!”

กงซุนจุนถลึงตาใส่เชฟด้วยความโกรธ และคิดว่าตัวเองเลี้ยงลูกน้องที่ไร้ประโยชน์ไว้กลุ่มหนึ่ง เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ไม่สามารถจัดการได้

“ล้วนงี่เง่าทั้งหมด! ไม่รู้จักจับตัวประกันมาข่มขู่เขางั้นเหรอ! รอบๆในที่นี้ต่างก็เป็นตัวประกันทั้งสิ้น!”

กงซุนจุนคำรามด้วยความไม่พอใจ

“คนแซ่กงซุน นายก็ต่ำช้าเกินไปแล้วเถอะ วางยาอะไรก็ไม่พูดแล้ว ยังคิดจะจับตัวประกันอีกเหรอ นายละอายใจต่อฐานะของตระกูลที่ปลีกตัวจากโลกบ้างไหม?”

“ตระกูลที่ปลีกตัวจากโลก ก็จะทำไมล่ะ? สิ่งที่เรียกว่าการทำการใหญ่ ต้องไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อย ฉันกงซุนจุนไม่เคยให้ลาภยศส่วนตัวมาทำให้เป็นภาระ! และก็ไม่สนใจเรื่องเล็กๆพวกนั้นเลยสักนิด!”

กงซุนจุนพูดฉอดๆอย่างคิดว่าตัวเองมีเหตุผลเต็มที่ ดูคล้ายกับทำแบบนี้แล้วจะเหมือนกับยิ่งใหญ่รุ่งโรจน์มาก

“ปณิธานที่แตกต่างไม่อาจหารือด้วยกันได้จริงๆ พูดกับนายแล้วทำไมฉันก็รู้สึกว่าสะอิดสะเอียนล่ะ พวกเราก็อย่าพูดไร้สาระกันอีกเลย ให้ฉันตีนายให้ตายไปตรงๆก็ได้แล้ว เช่นนั้นทั้งโลกก็จะสงบได้แล้ว”

“แมร่ง! คิดไม่ถึงว่ายังจะกล้าพูดอวดดีออกมาอีก วันนี้กูก็จะให้มึงเห็นความร้ายกาจของกู!”

กงซุนจุนที่กำลังโกรธเดือดดาลก็ได้ถลกเสื้อตัวยาวขึ้นมา และได้ดึงมีดสั้นสองเล่มออกมาจากเอว กงซุนจุนที่มีมีดคู่อยู่ในมือดูคล้ายกับได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนแล้ว ไอสังหารของความเยือกเย็นได้ปล่อยออกมาทั่วตัว

“เดิมทียังคิดที่จะทำให้มึงอับอายช้าๆ แต่ตอนนี้มึงได้ยั่วให้กูโกรธแล้ว กูก็จะส่งมึงไปพบท่านพญายมตรงๆ!”

“มา ให้ฉันได้ดูหน่อยว่านายมีความสามารถนั้นไหม”

หลี่โม่ได้กระดิกนิ้วก้อยเบาๆ บนใบหน้าก็ได้เผยรอยยิ้มที่หยิ่งจองหองขึ้นแล้ว

เดิมทีกงซุนจุนก็กำลังโกรธเดือดดาล แต่เมื่อถูกท่าทางตอนนี้ของหลี่โม่ยั่วให้โกรธแล้วไฟโกรธก็ได้เดือดพล่านไปตรงๆ และเขาก็ไม่ลังเลที่จะแกว่งมีดคู่ในมือออกไปเพื่อไปฆ่าหลี่โม่

หลี่โม่ได้หยิบจานบนโต๊ะขว้างออกไป จานใหญ่เท่าขนาดฝ่ามือเท่านั้น เป็นจานใบเล็กๆที่ใช้วางเศษอาหารเช่น กระดูก

หลังจากจานบินออกไปจากในมือของหลี่โม่ ก็ได้ขีดออกเป็นแสงสีขาวเส้นหนึ่งอยู่ในอากาศ และได้บินไปทางกงซุนจุนอย่างรวดเร็วโดยตั้งรับไม่ทัน

กงซุนจุนหรี่ตาลง และได้ยิ้มอย่างเยือกเย็นพร้อมแกว่งมีดสั้นผ่าไปยังจานวางกระดูก

“ก็ยังพอมีฝีมืออยู่บ้างดี แต่ทักษะเพียงเล็กน้อยของมึง ถือรองเท้าให้กูยังไม่คู่ควรเลย!”

มีดสั้นได้ผ่าลงไปอย่างรุนแรง แต่ตอนที่มีดสั้นในมือของกงซุนจุนผ่าอยู่บนจานใส่กระดูกนั้น เรื่องประหลาดก็เกิดขึ้น

ได้ยินแต่เสียงดังปังเสียงหนึ่ง จานใส่กระดูกใบนั้นไม่ได้ถูกผ่าเป็นสองท่อนอย่างที่กงซุนจุนได้คาดการณ์ไว้แบบนั้น แต่ก่อนที่คมมีดจะสัมผัสถึง มันก็ได้ระเบิดตัวเองออกแล้ว

แผ่นเซรามิกแตกที่ระเบิดไม่ได้ระเบิดกระเด็นออกไปรอบ ๆ แต่กลับเหมือนดั่งฝนที่ตกลงมาเหมือนกับหมอกควัน ได้แผ่คลุมไปทั่วทั้งตัวของกงซุนจุนแล้ว

หวาดกลัว หวาดกลัวอย่างยิ่ง!

กงซุนจุนรู้สึกไม่ดีไปทั้งตัว ฉากตรงหน้ากงซุนจุนก็ไม่เคยเจอมาก่อนเลย เวลานี้ในใจของกงซุนจุนได้มีความรู้สึกหวาดกลัวต่อความตายโผล่ออกมาแล้ว คล้ายกับว่าอีกเดี๋ยวเขาก็จะตายแล้ว!

กงซุนจุนตื่นตระหนกถอยไปข้างหลัง ต้องการที่จะออกจากเขตที่มีเศษที่แตกออกมาจนประกอบกันเป็นหมอกควันแผ่คลุม แต่กงซุนจุนถอยได้เร็ว ความเร็วของควันพวกนั้นที่พุ่งไปด้านหน้าก็เร็วยิ่งกว่า

ไม่รอให้กงซุนจุนถอย ควันพวกนั้นก็ได้ทะลักมาถึงตรงหน้าของกงซุนจุนแล้ว และได้ปล่อยเข้าไปถึงในร่างกายของกงซุนจุนอย่างรุนแรง

ในเสียงไม่ขาดสายที่ไม่สามารถมองเห็นได้ เสื้อคลุมยาวบนตัวของกงซุนจุนก็ได้มีรูเล็กๆจำนวนมากเผยออกมา และมีเม็ดเลือดละเอียดๆพุ่งออกมาจากในบาดแผล จากนั้นเสื้อคลุมตัวยาวของเขาก็ได้ย้อมไปด้วยสีแดง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset