เมื่อคุณปู่กู้เห็นว่าไม่ได้รับประโยชน์ใดจากในมือของหลี่โม่ ดังนั้นจึงเปลี่ยนกลยุทธ์ ต้องหากู้หยุนหลันเพื่อขอผลประโยชน์
ไม่ว่ายังไงกู้หยุนหลันก็เป็นหลานสาวแท้ของคุณปู่กู้ คุณปู่กู้รู้สึกว่าตราบใดที่ทุ่มเทใบหน้าชราออกไป ต่อให้กู้หยุนหลันจะไม่อยากทำก็ต้องทำประโยชน์บางอย่างให้กับในตระกูล
หลี่โม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าคุณปู่กู้ทำมากเกินไปแล้ว พูดถึงขนาดนี้แล้ว ยังอาศัยว่าตนอายุมากทำตัวเป็นผู้อาวุโสไปขอประโยชน์
“คุณปู่ สิ่งที่ผมพูดไปค่อนข้างชัดเจนแล้ว ถ้าหากปู่ยังดึงดันทำตามใจตนเองโดยไม่รับฟังต่อไป งั้นปู่ก็โทรหาหยุนหลันเถอะ”
“เหิมเกริม! แกคิดว่าแกเป็นใคร! แกก็แค่ลูกเขยแต่งเข้าในตระกูลกู้ของเราเท่านั้นเอง!”
กู้เจี้ยนกั๋วเบิกตากว้างแล้วตะคอก
“เหอะๆ”
หลี่โม่หัวเราะ หันหลังแล้วเดินออกไปข้างนอก
“ท่าทีอะไรของแก! หยุดเดี๋ยวนี้!”
กู้เจี้ยนกั๋วก้าวไปข้างหน้าแล้วคว้าแขนของหลี่โม่ไว้ ตัดสินใจว่าวันนี้ต้องสั่งสอนหลี่โม่อย่างเด็ดขาด
กู้เจี้ยนหมินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก้าวไปห้ามอยู่ตรงกลางของทั้งสองคน “พี่ใหญ่ มีอะไรค่อยๆพูดค่อยๆคุยกัน อย่าได้ทะเลาะกับหลี่โม่!”
“เหอะ! แกว่าเขามีท่าทางพูดจาดีๆมั้ย? แกดูเขามีท่าทางของคนรุ่นหลังอยู่บางหรือเปล่า!”
คุณปู่กู้ถือโทรศัพท์ไว้แล้วพูด “หุบปากให้หมด ฉันจะโทรหาหยุนหลัน!”
กู้เจี้ยนกั๋วรีบหุบปากไม่พูดอย่างรวดเร็ว แต่จับมือของหลี่โม่ไว้ไม่ปล่อย
หลี่โม่มองไปที่กู้เจี้ยนกั๋วอย่างเย็นชา กู้เจี้ยนกั๋วรู้สึกเย็นที่หลังคอเล็กน้อย สภาพจิตใจทั้งหมดก็สั่นสะเทือนสยบด้วยถูกสายตาของหลี่โม่ และมือที่จับหลี่โม่ไว้ก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยออกไป
“แกทำตัวดีๆรออยู่ตรงนี้ ไม่มีคำสั่งของพวกเรา แกห้ามออกไปแม้แต่ก้าวเดียว”
กู้เจี้ยนกั๋วกัดฟันพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ
คุณปู่กู้โทรติดแล้ว หลังจากที่โทรติดก็มีเสียงครึกโครมดังมา
“สวัสดีค่ะ คุณปู่”
“หยุนหลัน แกรีบกลับมาเดี๋ยวนี้ ฉันมีเรื่องจะคุยกับแก”
กู้หยุนหลันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ในขณะนี้เป็นเวลานี้ที่ต้อนรับแขกจากทุกทิศทุกทาง จะออกไปได้อย่างไร
“คุณปู่ค่ะ พ่อของหนูและหลี่โม่ก็กลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นค่ะ?”
“อย่าพูดถึงหลี่โม่เด็กเวรคนนั้นกับฉัน! ไอ้หมอนั่นทำให้ฉันโมโหแทบตายแล้ว! แกเป็นประธานของหยุนจงหลันกรุ๊ป ต้องทำผลประโยชน์ให้ในตระกูลบ้างใช่หรือเปล่า ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตด้วยกิจการของตระกูลแทบจะขายไม่ออกแล้ว แกต้องให้หยุนจงหลันกรุ๊ปซื้อไว้ทั้งหมด!”
กู้หยุนหลันฟังจนในใจรู้สึกเหน็บหนาวอย่างฉับพลัน การกระทำนี้ของคุณปู่ตัวเอง ไม่สอดคล้องกับจริยธรรมทางธุรกิจขั้นพื้นฐานด้วยซ้ำ
“คุณปู่ ตอนนี้ยังต้องต้อนรับแขกจากทุกทิศทุกทาง ไม่มีเวลากลับไปจริงๆ ไม่งั้นรอจัดการธุระเสร็จแล้วหนูค่อยกลับไปคุยกับปู่อย่างละเอียด”
“คุยอย่างละเอียดอะไร? ไม่ต้องคุยอย่างละเอียด แกแค่ตอบว่าจะรับปากหรือไม่รับปาก!”
คุณปู่กู้ค่อยๆพูด
กู้หยุนหลันกุมหน้าผาก พูดอย่างลังเลว่า “สิ่งที่หลี่โม่พูด ก็แทนความหมายของหนู เขาพูดว่าทำอย่างไงก็ทำอย่างนั้น”
“แก! นังเด็กอย่างแกจะทำให้ฉันโมโหตายใช่มั้ย! หลี่โม่แค่เศษสวะคนหนึ่ง มีสิทธิ์อะไรมาแทนแก!”
คุณปู่กู้เกือบจะโกรธจนเดือดเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว ตอนแรกคิดว่าการโทรหากู้หยุนหลันก็สามารถแก้ปัญหาได้ แต่คาดไม่ถึงว่ากู้หยุนหลันกลับผลักความรับผิดชอบให้หลี่โม่
“คุณปู่ จนถึงตอนนี้คุณปู่ยังคิดว่าหลี่โม่เป็นเศษสวะเหรอ? ถ้าเขาเป็นเศษสวะ งั้นทุกคนในตระกูลของเราก็ยังเทียบกับเศษสวะไม่ได้!”
“แกหมายความว่ายังไง! หลานชายของฉันดีกว่าเขามาก! แกก็พูดมาว่าจะทำตามที่ฉันพูดหรือเปล่า! อย่ามาพูดเรื่องไร้ประโยชน์เหล่านั้นกับฉัน”
หลังจากที่คุณปู่กู้พูดเสร็จ ก็จ้องไปที่หลี่โม่อย่างโกรธจัด คิดว่ากู้หยุนหลันจะต้องถูกคำพูดที่หวานไพเราะของหลี่โม่หลอกอย่างแน่นอน
“หนูยังยืนยันคำเดิม คำพูดของหลี่โม่แทนความหมายของฉัน”
“แกจะให้ฉันโมโหตายจริงๆ! ฉันไม่มีหลานสาวอย่างแก ทั้งครอบครัวของพวกแกไม่ใช่ลูกหลานตระกูลกู้ของฉัน!”
หลังจากที่คุณปู่กู้ตะคอกเสร็จก็ทำลายโทรศัพท์ ขณะที่กำลังจะพูดจารุนแรงกับกู้เจี้ยนหมินด้วยความกราดเกรี้ยว กู้เจี้ยนเจียงก็ออกแรงดึงคุณปู่กู้ทีหนึ่ง
“พ่อ พ่ออย่าได้หุนหันพลันแล่น อย่าได้โกรธ โกรธมากจะทำร้ายร่างกายได้ พ่อใจเย็นๆก่อน ใจเย็นๆ”
กู้เจี้ยนเจียงไม่อยากทำให้สถานการณ์เกิดการทะเลาะกัน ถ้าหากกิจจาการของตระกูลกู้อยู่ต่อไปไม่ไหว จากนี้ไปยังต้องหาทางรอดจากบนตัวของกู้หยุนหลัน อย่างน้อยในเวลานี้ก็ต้องทำตัวดีๆ
คุณปู่กู้จ้องไปที่กู้เจี้ยนเจียงด้วยความโกรธ อยากจะด่ากู้เจี้ยนเจียงไปด้วย
“พ่อ พ่อฟังก่อนนะ”
กู้เจี้ยนเจียงโน้มตัวไปที่ข้างหูของคุณปู่กู้ และพูดกระซิบว่า “พ่อ พ่ออย่าได้โกรธ อย่าได้ถูกพี่ใหญ่ของผมพาออกนอกทาง พี่ใหญ่ของผมมีความแค้นที่ฝังรากลึกต่อบ้านพี่รองมาโดยตลอด ดังนั้นแทบอยากจะให้พวกเราทะเลาะกับบ้านพี่รอง”
“แต่ตอนนี้บ้านพี่รองท่าทางจะก้าวหน้าขึ้นด้วยแข็งแกร่งอย่างสมบูรณ์ จากนี้ไปเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องอาศัยบ้านพี่รองมาสนับสนุนพวกเรา พวกเราไม่เพียงประจบประแจงพวกเขา และก็ต้องไม่ถกเถียงด้วย พูดในสิ่งที่น่าฟัง เลี่ยงไม่ได้ที่จะได้รับผลประโยชน์มาถึงมือ”
กู้เจี้ยนเจียงเต็มไปด้วยผลประโยชน์ สำหรับการกลั่นกรองศีลธรรมอะไร อยู่ในสายตาของเขาอะไรก็ไม่ใช่
ตราบใดที่สามารถได้ผลประโยชน์ที่เพียงพอ แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่มีอำนาจกู้เจี้ยนเจียงก็กล้าหักหลัง
ดังนั้นกู้เจี้ยนเจียงในตอนนี้จึงมุ่งหวังผลประโยชน์ ไม่สนใจความคิดของกู้เจี้ยนกั๋วด้วยซ้ำ
คุณปู่กู้ก็เป็นคนเฉลียวฉลาด ถูกกู้เจี้ยนเจียงตักเตือนแบบนี้ ในใจก็รู้แจ้งอย่างฉับพลัน
เมื่อกี้นี้ถูกความโกรธครอบงำ ทำอะไรภายใต้ความโกรธก็อาจผิดพลาดได้
ไม่ว่าจะเป็นฉากในขณะนี้ของกู้หยุนหลัน หรือว่าความสัมพันธ์กับเฉียนฝูที่หลี่โม่พูดเมื่อกี้นี้ ก็แสดงว่าทั้งสองได้ก้าวหน้าขึ้นด้วยความแข็งแกร่งแล้ว ทุกคนในตระกูลกู้ใครจะเทียบกับพวกเขาได้?
หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว คุณปู่กู้ก็สงบลงโดยสมบูรณ์ รู้สึกว่าคำตักเตือนของกู้เจี้ยนเจียงนั้นถูกต้อง
“เจ้าสาม แกพูดถูก เมื่อกี้นี้ฉันเกือบจะทำผิดพลาดครั้งใหญ่แล้ว”
“พ่อ เข้าใจก็ดีแล้ว ในเวลานี้สามารถเอาชนะความแกร่งด้วยความนุ่มนวล ขัดแย้งกันขึ้นมา ในที่สุดก็ไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย”
คุณปู่กู้ค่อยๆพยักหน้า สีหน้าผ่อนคลายแล้วพูดว่า “หลี่โม่ เมื่อกี้นี้ฉันโกรธมากไปหน่อยแล้ว นายอย่าได้เอาไปใส่ใจ”
เมื่อเห็นท่าทีพ่อของตัวเองเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ดวงตาของกู้เจี้ยนกั๋วก็เบิกกว้างในทันที อดไม่ได้ที่จะตะโกนเสียงดัง “พ่อ พ่อจะขอโทษหลี่โม่ได้อย่างไร!”
“แกไอ้ลูกเวร! เกือบจะทำลายความสัมพันธ์ของฉันกับคนรุ่นหลังแล้ว แกยังไม่รีบขอโทษกู้เจี้ยนหมินและหลี่โม่อีก!”
คุณปู่กู้พูดด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
สีหน้าของกู้เจี้ยนกั๋วดูไม่ดีเหมือนราวแม่ที่เสียชีวิตในทันที ยังไงก็นึกไม่ถึงว่าเป้าหมายของคุณปู่กู้จะตกอยู่ที่บนหัวตัวเอง
ขอโทษกู้เจี้ยนหมินยังสามารถทนได้ ขอโทษหลี่โม่ ทำไม่ได้อย่างแน่นอน!
“พ่อ! พ่อให้ผมไปขอโทษเขา! เขาแค่เศษสวะที่เอาแต่ดื่มเอาแต่กินอยู่ในบ้านของพวกเรา มีสิทธิ์อะไรให้ผมขอโทษเขาด้วย?”
“ก็สิทธิ์ที่คนอื่นเขามีความสามารถมากกว่าแก คนอื่นเขาสามารถหาคำสั่งซื้อสินค้ามาให้กิจการของตระกูลพวกเราได้! ถ้าหากหลี่โม่ไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากเฉียนฝู แกจัดการบริหารกิจการของตระกูลพวกเราจบเห่ไปนานแล้ว!”
คุณปู่กู้ตะโกนอย่างแรง
การแสดงออกของกู้เจี้ยนกั๋วเฉื่อยชา ในใจเกิดความขมขื่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด