แคลตี้มองผู้คุ้มกันที่นอนอยู่บนพื้น จู่ๆ เขาก็รู้สึกใจวูบโหวง เหมือนว่าตัวเองกำลังจะซวยตามไปด้วย
ขณะที่แคลตี้กำลังจะหลบ เสียงประแจพุ่งเข้ามาใส่หัวของแคลตี้
ปึก!
หัวของแคลตี้ยุบลงไป เลือดและเนื้อสมองไหลออกมาทันที
ช่วงสุดท้ายของชีวิต สิ่งที่อยู่ในหัวของแคลตี้คือภาพของหลี่โม่
ไม่รอให้แคลตี้ได้คิดอะไร ชีวิตของเขาก็ใกล้จะจบลง เขาหลับตาลงและสิ้นใจในที่สุด
บนขาและตัวของผู้คุ้มกันสองคนที่กำลังดันทอมป์สันบนกำแพง เต็มไปด้วยเครื่องมือ ส่วนทอมป์สันที่ปีนไปได้เกือบสองเมตร โชคดีที่หลบความร้ายแรงของเครื่องมือพวกนั้นได้
หลี่โม่เดินออกมาจากประตูหลัง เขามองผู้คุ้มกันสองคนที่สะกดกลั้นความเจ็บปวดและยกปืนขึ้นมา
ไม่รอให้ทั้งสองคนลั่นไกปืน หลี่โม่ยกปลายเสื้อและหยิบปืนพกที่เอวออกมายิงใส่ผู้คุ้มกันสองนัด
ปังๆ!
หลังจากเสียงปืนดังขึ้นสองนัด กลางหน้าผากของผู้คุ้มกันทั้งสองคนเป็นรอยเลือด จากนั้นจึงหงายหลังล้มลงไป
ทอมป์สันที่ใช้สองมือเกาะกำแพงมองหลี่โม่ด้วยสายตาหวาดกลัว สองขาที่เกาะกำแพงสั่นไปหมด
สองขาที่ควรจะใช้แรงก้าวข้ามกำแพงไป แต่ทว่าตอนนี้มันกลับไร้เรี่ยวแรง อย่าว่าแต่จะข้ามกำแพงเลย เขาแทบจะร่วงลงมาจากกำแพงด้วยซ้ำ
หลี่โม่ยิ้มและเดินเข้ามาหาทอมป์สัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ลงมาเถอะ เรามาคุยกันดีๆ”
ทอมป์สันหน้ากระตุก เขาพูดด้วยเสียงสั่นว่า “ฉัน ฉันไม่ลง นายปล่อยฉันไปเถอะ แคลตี้เป็นคนก่อเรื่อง ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน!”
“อย่ามาทำให้ตัวเองไร้มลทิน เมื่อกี้แคลตี้ระวังให้แกสินะ แกถูกเปิดโปงแล้ว ไม่อยากตายก็รีบลงมา ถ้าอยากตายก็ลองดู ดูสิว่าแกจะข้ามกำแพงไปได้ไหม”
สีหน้าของหลี่โม่เย็นยะเยือก สร้างความกดดันให้ทอมป์สันเป็นอย่างมาก
ทอมป์สันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ตัวของเขาร่วงลงจากกำแพงโดยไม่รู้ตัว สุดท้ายมือที่เกาะกำแพงไม่สามารถรับน้ำหนักตัวได้ เขาจึงปล่อยมืออย่างจนปัญญา
ตุ้บ!
ทอมป์สันร่วงลงบนพื้น เขาเจ็บจนร้องซี้ด
“โอ๊ย เอวฉัน ซวยจริงๆ ฉันว่าแล้ว ไม่ควรมาที่นี่เลย ฉันว่าแล้วจริงๆ!”
หลี่โม่เดินเข้ามาข้างทอมป์สัน เขาหรี่ตามองทอมป์สันแล้วพูดว่า “บอกมา ใครเป็นคนสั่งพวกแก”
ทอมป์สันก้มหน้าลง ดวงตาของเขาเป็นประกาย
ถ้าพูดออกมา ไม่เพียงแค่ตัวเขาที่จะซวย ครอบครัวของเขาก็จะซวยด้วย
เมื่อเหลือบมองด้วยหางตา เห็นว่าหลี่โม่ไม่ได้ระวังเขา นิ้วของทอมป์สันขยับเบาๆ
“ฉันจะบอก แต่ถ้าฉันบอกไป นายจะปล่อยฉันไหม”
ทอมป์สันจงใจหันเหความสนใจของหลี่โม่
หลี่โม่แสยะยิ้มมุมปาก “ฉันปล่อยแกแน่นอน แกต้องเชื่อใจสิ ว่าฉันเป็นคนยังไง”
“เหอะๆ ได้ งั้นฉันจะบอกนาย คนที่ส่งฉันมาคือ……”
จู่ๆ ทอมป์สันก็หยิบปืนกลขนาดเล็กออกมา เขายกปืนขึ้น หวังจะยิงหลี่โม่
หลี่โม่เตะไปที่มือของทอมป์สัน ทำให้ปืนกลขนาดเล็ก กระเด็นออกจากมือของทอมป์สัน
ฉู่จงเทียนรีบวิ่งเข้ามาเตะไปบนหน้าของทอมป์สันจนกระเด็นออกไปหลายเมตร
“แกยังจะเล่นตุกติกอีกนะ กล้าดียังไง ถึงจะยิงคุณหลี่ ฉันจะจัดการหมาแก่อย่างแก!” ฉู่จงเทียนพูดออกมาอย่างเดือดดาล
“ไอ้ฉู่ อย่าผลีผลาม พวกมันปล่อยตัวลูกชายของนายหรือยัง”
หลี่โม่ถามอย่างเนิบๆ
“ยังไม่ปล่อยครับ”
ฉู่จงเทียนก้มหน้าลง สีหน้าของเขาไม่สู้ดี
“งั้นก็ดีสิ เอามันไปแลกกับลูกชายของนาย”
ฉู่จงเทียนรีบเงยหน้าขึ้น เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ฉู่จงเทียนทำใจเอาไว้แล้วว่าลูกชายของตัวเองจะโดนฆ่า
แต่ทว่าตอนนี้หลี่โม่ยังคิดหาวิธีช่วยลูกชายของเขา นี่ทำให้เขาซาบซึ้งมาก
“คุณหลี่……”
ฉู่จงเทียนตื้นตันจนพูดไม่ออก
“เอาเถอะไอ้ฉู่ อย่าบุ่มบ่าม ลูกชายของนายต้องไม่เป็นอะไร”
หลี่โม่พูดปลอบใจฉู่จงเทียน จากนั้นจึงเดินไปข้างทอมป์สัน เขาขย้ำผมของทอมป์สัน
“ทอมป์สัน สิ่งที่แกทำเมื่อกี้ทำให้ฉันผิดหวังมาก”
“อย่า อย่านะ ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันพูดไม่ได้จริงๆ ถ้าพูดออกไป ฉันตายทั้งบ้านแน่”
ทอมป์สันพูดน้ำหูน้ำตาไหล
“แกเชื่อไหมว่าฉันก็สามารถทำให้แกตายได้ทั้งครอบครัวเหมือนกัน”
หลี่โม่มองทอมป์สันด้วยสายตาเย็นชา
ทอมป์สันรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว เขาเชื่อว่าหลี่โม่สามารถทำได้อย่างที่พูด
เมื่อคิดว่าครอบครัวของตัวเองต้องตาย ทอมป์สันรู้สึกทุกข์ใจมาก
“ฉัน ฉันใบ้ได้แค่ว่า มันเกี่ยวกับจางเฉิงต้อง ที่เคยโดนนายทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส บอสใหญ่ที่ต้องการดัดแปลงจางเฉิงต้องให้พวกเรามาจัดการนาย”
ถึงแม้ทอมป์สันจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ว่าเป็นใคร แต่เบาะแสที่เขาพูดออกมา มันชัดเจนพอที่จะทำให้หลี่โม่สืบหาได้
“งั้นทำไมถึงมีคนมาเก็บเลือดของฉัน”
“เพราะ เพราะว่านายแข็งแกร่งเกินไป นายสามารถทำร้ายคนที่ได้รับการดัดแปลงอย่างจางเฉิงต้องได้ นี่ทำให้บอสใหญ่ของเราตกใจมาก เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องการเก็บเลือดของนาย เพื่อนำไปวิจัยยีนดูว่าเขาสามารถชดเชยข้อบกพร่องทางเทคนิค ในการดัดแปลงยีนได้หรือไม่”
“บอสใหญ่คิดว่าเทคนิคของเขาสมบูรณ์แบบมาตลอด แต่มันน่าจะขาดชิ้นส่วนบางอย่างของยีนที่ใช้เหนี่ยวนำ นั่นคือชิ้นส่วนของยีนที่ใช้เหนี่ยวนำให้ร่างกายของมนุษย์แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เขาคิดว่าบางทีในร่างกายของนายอาจจะมีชิ้นส่วนยีนนี้”
“ฉันพูดสิ่งที่ฉันรู้ไปหมดแล้ว นายปล่อยฉันไปเถอะ ฉันจะไม่กลับมาที่นี่อีกตลอดไป ฉันจะใช้ชีวิตอย่างปกปิดตัวตน และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอะไรอีกเลย”
ทอมป์สันพูดอ้อนวอน เขากลัวหลี่โม่จริงๆ
เฉินเสี่ยวถงกับคางเหวินซิงตามมา เมื่อเห็นศพบนพื้น คางเหวินซิงรีบเอามือปิดหน้าทันที
เฉินเสี่ยวถงพูดสบประมาทคางเหวินซิง “แมนๆ หน่อยได้ไหม นายเป็นอย่างนี้จะขับรถได้ยังไง ต้องสู้สุดชีวิตในช่วงเวลาคับขัน ฉันว่านายคงไม่กล้าเหยียบคันเร่ง”
“ใครว่าผมไม่กล้าเหยียบคันเร่ง ผมสามารถเหยียบได้ถึงสามร้อยไมล์เชียวนะ!”
เมื่อพูดถึงเรื่องขับรถ ราวกับคางเหวินซิงเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาไม่กลัวแม้แต่น้อย
หลี่โม่ยืนขึ้นและส่งสายตาให้ฉู่จงเทียน “ไอ้ฉู่ ฉันจะพาเขากลับไปก่อน นายให้คนของสนามบินมาจัดการที่เกิดเหตุให้เรียบร้อย”
“วางใจได้เลยครับคุณหลี่ ผมจะจัดการที่นี่ให้เรียบร้อย”
ฉู่จงเทียนพูดอย่างนอบน้อม
หลี่โม่พยักหน้า เขาดึงผมทอมป์สันและลากมายังประตูหลัง
“ทั้งสองคนดื้อจริงๆ ฉันบอกให้รออยู่บนรถ วิ่งออกมาทำไม ไม่ได้ยินเสียงปืนเมื่อกี้หรือไง ถ้าขืนโดนยิงขึ้นมา มันอาจจะถึงชีวิตเลยนะ”
หลี่โม่พูดกับเฉินเสี่ยวถงและคางเหวินซิงด้วยสีหน้าเย็นชา