“ตรวจสอบดูว่าพวกเขาไปที่ไหน เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่!”
หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา
เรื่องเดิมพันบวกกับเรื่องเก็บตัวอย่างเลือดของเขา ทำให้หลี่โม่รู้สึกว่าเรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออีกฝ่ายจะเก็บตัวอย่างเลือดของตัวเองไปทำไม?
สมัยนี้เทคโนโลยีล้ำหน้ามาก บางทีอาจจะมีเทคโนโลยีสีดำระดับไฮเอนด์ปรากฏขึ้นมาก็เป็นได้ ถ้าหากชาวต่างชาติเหล่านั้นโคลนนิ่งตัวเองออกมาอีกคนจะเกิดอะไรขึ้นนะ?
เพราะฉะนั้นเข้าจะต้องจับพวกแคลตี้มาถามให้รู้เรื่องว่าพวกเขาคิดจะทำอะไรให้ได้
ฉู่จงเทียนเหลือบมองที่โทรศัพท์มือถือของเขา: “ฉันได้ติดต่อไปแล้ว ฉันส่งคนไปเฝ้าดูกล้องวงจรปิดของถนนในเมืองที่สำนักงานการจราจรแล้ว คนของฉันจะรายงานการเคลื่อนไหวของพวกเขาให้ฉันทราบทุกเมื่อ กองรถของพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังสนามบินทั่วไปที่อยู่ในเขตชานเมือง”
สนามบินทั่วไปคือสนามบินขนาดเล็ก ซึ่งมักจะเป็นเครื่องบินขนส่งสินค้าขนาดเล็กและขนาดกลาง หรือให้เฮลิคอปเตอร์บินขึ้นและลงจอดที่นี่ ซึ่งแตกต่างจากสนามบินผู้โดยสารทั่วไปอย่างมาก
ในบางครั้งก็มีเครื่องบินส่วนตัวบินขึ้นและลงจอดที่สนามบินทั่วไปแห่งนี้เป็นบางครั้ง ดังนั้น ความเป็นส่วนตัวจึงสูงกว่าสนามบินผู้โดยสารทั่วไปมาก
“พวกเขาจะออกเดินทางโดยเครื่องบินงั้นเหรอ!”
คางเหวินซิงพูดเสียงดัง
“ไอ้ฉู่ ตามฉันมา เราลองตามไปดูสิ”
หลี่โม่พาฉู่จงเทียนเดินออกไปด้านนอก และคางเหวินซิงกับเฉินเสี่ยวถงก็เดินตามไปอย่างรวดเร็ว
ในระหว่างที่เดินอยู่บนถนน ฉู่จงเทียนสั่งให้คนของเขานำปืนสี่กระบอกและกระเป๋าใส่กระสุนปืนหลายใบมาให้เขา
ภายในรถ Mercedes-Benz ของคางเหวินซิง หลี่โม่นั่งลงที่เบาะคนขับโดยตรง ฉู่จงเทียนนั่งเบาะข้างคนขับ ส่วนคางเหวินซิงกับเฉินเสี่ยวถงก็ไปนั่งที่เบาะหลัง
หลี่โม่สตาร์ทรถ รถยนต์ก็พุ่งออกโดยตรง และ Mercedes Benz ก็ซิ่งอย่างบ้าคลั่งบนท้องถนน
อะดรีนาลีนของคางเหวินซิงหลั่งอย่างบ้าคลั่ง เขามองดูการขับรถของหลี่โม่ด้วยความตื่นเต้นสุดขีด
“ท่านอาจารย์ครับ ท่านขับเร็วเกินไปแล้วมั้ง! เกรงว่าความเร็วจะเกินร้อยภายในเวลาไม่ถึงสามวินาที!”
คางเหวินซิงสะบัดกำปั้นมืออย่างแรง
“ทุกคนคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย!”
หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“โอเค”
คางเหวินซิงและเฉินเสี่ยวถงเริ่มคาดเข็มขัดนิรภัย ส่วนฉู่จงเทียนก็หยิบปืนพกสองกระบอกส่งให้คางเหวินซิงกับเฉินเสี่ยวถง
คางเหวินซิงผงะไปครู่หนึ่ง ยื่นมือที่สั่นเล็กน้อยออกมาหยิบปืนพกที่ฉู่จงเทียนมอบให้
แม้ว่าเขาจะเคยเห็นปืนจากภาพยนตร์และโทรทัศน์มามากแล้ว แต่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้ถือมันไว้ในมือ
“จำ…จำเป็นต้องใช้ปืนด้วยเหรอ? แต่ฉันใช้ไม่เป็นน่ะ!”
เขาจับด้ามปืนไว้ในมือ ความเย็นของด้ามปืนกระตุ้นเส้นประสาทของคางเหวินซิง คางเหวินซิงตื่นเต้นจนมือไม้สั่นและเกือบจะโยนปืนพกออกไป
เฉินเสี่ยวถงกลอกตาใส่เขา และพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกเหยียดหยาม: “คุณเป็นผู้ชายหรือเปล่า? มันก็แค่ปืนกระบอกเดียวเท่านั้น เดี๋ยวฉันจะสอนวิธีบรรจุกระสุนและวิธีเปิดระบบนิรภัยให้ ส่วนวิธีการลั่นไกคงไม่ต้องให้ฉันสอนแล้วมั้ง?”
เฉินเสี่ยวถงที่เคยถือปืนมาก่อนแล้ว สามารถบรรจุกระสุนและเปิดระบบนิรภัยได้อย่างคล่องแคล่ว เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนที่ใช้ปืนเป็นจริงๆ
คางเหวินซิงเบิกตากว้างด้วยความอึ้ง เขาถามด้วยริมฝีปากที่สั่นเทาว่า: “ทำ…ทำไมคุณถึงใช้ปืนเป็น?”
“ก็เพราะฉันฝึกฝนมาน่ะสิ ฉันว่าคุณยังไม่เคยผ่านการฝึกฝนขั้นพื้นฐานเลยด้วยซ้ำ ฉันสงสัยจริงๆ ว่าคุณเป็นทายาทคนรวยได้อย่างไร อีกอย่าง พวกผู้ชายมักจะตื่นเต้นในเวลาที่ได้เห็นปืนไม่ใช่เหรอ?”
คางเหวินซิงผงะไปครู่หนึ่งและพูดด้วยความเขินอายว่า: ”ฉันไม่ค่อยชอบการต่อสู้หรือการฆ่าสักเท่าไหร่ อีกอย่างปกติฉันก็มีบอดี้การ์ดส่วนตัวคอยคุ้มกันอยู่แล้ว ดังนั้นฉันจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยเลย”
“เชอะ! หากบอดี้การ์ดสามารถเชื่อถือได้ หมูก็สามารถปีนต้นไม้ได้ ยิ่งในช่วงเวลาวิกฤติบอดี้การ์ดยิ่งเชื่อถือไม่ได้ ฉันแนะนำให้คุณกลับไปดูหนังบู๊เยอะๆ” เฉินเสี่ยวถงส่ายหัวอย่างแรง
หลี่โม่เหลือบมองคางเหวินซิงผ่านกระจกมองหลัง: “เหวินซิงอย่ากังวล มันยังไม่ถึงขั้นที่ต้องให้นายใช้ปืนจริงๆ หรอก เราแค่อยากให้นายมีปืนไว้เพื่อป้องกันตัวเท่านั้น”
“อ๋อ เข้าใจแล้วครับอาจารย์”
ฉู่จงเทียนจ้องมองโทรศัพท์มือถือตลอดทาง และรายงานข้อมูลการเคลื่อนไหวของพวกแคลตี้ให้กับหลี่โม่
“พวกเขายังห่างจากสนามบินประมาณสิบกิโลเมตร คาดว่าพวกเขากำลังจะไปสนามบินจริงๆ ฉันจะโทรถามเพื่อนที่สนามบินว่ามีเส้นทางการบินชั่วคราวหรือไม่”
หลี่โม่พยักหน้าเบาๆ จากนั้นเหยียบคันเร่งอย่างสุดแรง รถ Mercedes-Benz คำรามและวิ่งด้วยความเร็วเหนือเสียงทันที
ด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าแลบทำให้ทุกคนในรถรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก โดยเฉพาะคางเหวินซิง เขาลืมความกังวลใจในเมื่อสักครู่นี้ไปหมดเลย
ฉู่จงเทียนค้นหาหมายเลขโทรศัพท์และโทรออก หลังจากที่คุยกับอีกฝ่ายสักพัก ฉู่จงเทียนก็วางโทรศัพท์ลง
“เมื่อสิบห้านาทีที่แล้วมีคนติดต่อไปยังเส้นทางฉุกเฉิน มันเป็นเครื่องบินกัลฟ์สตรีมส่วนตัว จุดหมายปลายทางของสายการบินคือเมืองหลิงไห่ เกรงว่าพวกเขาจะบินไปที่นั่นแล้วนั่งเรือเดินทางไปต่างประเทศ”
หลี่โม่ขับรถอย่างตั้งใจโดยไม่พูดอะไร ภายในรถตกอยู่ในความเงียบทันที มีเพียงเสียงคำรามของเครื่องยนต์เท่านั้นที่ดังเข้ามาในรถ
…
ภายในรถ Lincoln Navigator อันกว้างขวาง ใบหน้าของทอมป์สันมืดมนมาก
“เกิดอะไรขึ้น แผนของเราล้มเหลวแล้วเหรอ?”
“แน่นอนว่ามันล้มเหลวแล้ว ตอนแรกมันมีโอกาสมากที่จะประสบความสำเร็จ แต่ดันถูกผู้หญิงคนนั้นทำลายซะก่อน บ้าชะมัด ทำไมเราถึงได้ซวยขนาดนี้! บางทีเราควรไปที่โบสถ์และอธิษฐานต่อพระเจ้าขอให้ท่านอวยพรและคุ้มครองเรา!”
แคลตี้คิดว่าสาเหตุที่ทำให้เขาล้มเหลวในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ต้องเป็นเพราะเขาไม่ได้อธิษฐานต่อพระเจ้าในช่วงสองสามวันนี้แน่เลย
“บ้าเอ๊ย!!”
ทอมป์สันตวาดด้วยเสียงต่ำ จากนั้นก็ถูแก้มของเขาด้วยมือทั้งสองข้าง: “เรื่องเส้นทางจัดการเรียบร้อยหรือยัง?”
“เรียบร้อยแล้วครับ เส้นทางฉุกเฉินอนุญาตให้ใช้เฉพาะเส้นทางเมืองหลิงไห่เท่านั้น ดังนั้นเราจึงมีเพียงทางเลือกเดียวก็คือลงทะเล”
“ใครบอกว่าเราจะไปที่ทะเล? สั่งให้ใครก็ได้ไปขึ้นเครื่องบินแทนเราก็พอ ส่วนสิ่งที่เราต้องทำคือซ่อนตัวให้ดี!”ทอมป์สันพูดอย่างโกรธเคือง
“ซ่อนตัวงั้นเหรอ? เราจะไปซ่อนตัวที่ไหน?”
“โกดังสินค้าของสนามการบินทั่วไปมีเซฟเฮาส์ชั่วคราวที่ฉันจัดเตรียมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เราแค่ต้องซ่อนตัวสักพัก พรุ่งนี้สถานการณ์จะดีขึ้นเอง”
“โอ้แม่เจ้า! นี่คุณยังไม่ได้รายงานขึ้นไปอีกเหรอ? ถ้าขืนคุณยังไม่หาคนมาช่วยเราอีก เราทุกคนจะต้องตายที่นี่แน่ๆ คุณก็รู้ว่าหลี่โม่นั้นแข็งแกร่งขนาดไหน ฉันเชื่อว่าเขาจะกลายเป็นฝ่ามือพิชิตมังกรด้วยซ้ำไป ฮือฮาเฮฮา! เขาแข็งแกร่งมากจริงๆนะ!”
แคลตี้ตั้งท่ากังฟู่หลายท่า สองสามวันที่ผ่านมานี้เขาได้ศึกษาวิชากังฟูมาไม่น้อยเลย แต่ส่วนใหญ่จะเห็นเป็นคลิปสั้นจากภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้
บุคคลระดับสูงเหล่านั้น และเอฟเฟกต์พิเศษที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทำให้แคลตี้หลงหลายจนถอนตัวไม่ขึ้น
ทอมป์สันเกิดความคิดขึ้นมาอย่างเฉียบไว เขานึกถึงสิ่งที่หลี่โม่เคยพูดครั้งล่าสุดเกี่ยวกับผู้บำเพ็ญที่ปลีกตัวจากสังคมที่จงหนาน
“ฉันสั่งให้คนของคุณไปสืบทางลัดจงหนาน เจออะไรไหม?”
ทอมป์สันความขมวดคิ้วและถาม
“พบว่ามีคนจำนวนมากอาศัยอยู่อย่างสันโดษที่นั่น ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ฝึกหัดกำลังภายใน แต่คนของฉันคิดว่าพวกเขาไม่มีพลังอะไรเลย คนของฉันถึงกับยั่วยุคนไม่กี่คนในนั้น และพบว่าการเอาชนะพวกเขานั้นเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว พูดง่ายๆก็คือไม่มีใครสามารถต่อสู้ได้เลยสักคน”
แคลตี้ยักไหล่แล้วพูดว่า: “พวกเขาคิดว่าทางลัดจงหนานเป็นเพียงนิทานเท่านั้น ส่วนผู้ฝึกหัดกำลังภายในเหล่านั้นฉันไม่รู้ควรใช้คำบรรยายใดกับพวกเขาด้วยซ้ำไป”
“คนเหล่านี้มักจะพูดถึงสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่เสมอ แต่บางทีมันอาจเป็นแค่รูปลักษณ์ก็เท่านั้น”