ในห้องดูแลพิเศษของโรงพยาบาล พวกคางหย่งเฉียนนั่งล้อมหน้าเตียง มองดูศิษย์พี่เกิ่งที่ค่อยๆฟื้นขึ้นมา
ขาที่หักของศิษย์พี่เกิ่งกำลังจะได้รับการผ่าตัด เพียงแต่ว่าหลังการผ่าตัดแล้วศิษย์พี่เกิ่งจะได้แต่นั่งเก้าอี้รถเข็นก็เท่านั้น
“ซี๊ด ขากู หัวเข่ากูเป็นไงบ้าง”
ศิษย์พี่เกิ่งถามอย่างร้อนใจ
“ศิษย์พี่อย่าร้อนใจไป ผ่าตัดแล้ว เพียงแต่การรักษาที่นี่แย่หน่อย รอฟื้นตัวแล้วค่อยนั่งเก้าอี้รถเข็น”คางหย่งเฉียนพูดเสียงค่อย
“ไอ้บ้า!กูไม่เอารถเข็นว้อย!ทำไมเป็นแบบนี้วะ!”
ศิษย์พี่เกิ่งคำรามเกรี้ยวกราด รู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว
ชีวิตที่ต้องอยู่บนรถเข็น ไม่ใช่ชีวิตของศิษย์พี่เกิ่งเลยแม้แต่น้อย
พอนั่งรถเข็น ต่อไปจะฝึกอย่างไร จะออกไปเกเรคนอย่างไร แล้วจะไปจีบสาวอย่างไร!
“กูจะย้ายโรงพยาบาล จะไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลที่ดีที่สุด!”
“ศิษย์พี่เกิ่งอย่าโมโหสิ หมอบอกแล้ว รอให้ฟื้นตัวก่อนแล้วจะหามาที่ดีกว่าผ่าตัดครั้งที่สองให้ จะเปลี่ยนคนให้”
คางหย่งเฉียนปลอบประโลมศิษย์พี่เกิ่ง แล้วก็ส่งสายตาให้คนอื่นๆ แสดงว่าให้พวกเขาช่วยพูดด้วย
คนอื่นๆมองศิษย์พี่เกิ่งด้วยความสมเพช ในใจแอบสะใจ ตอนที่แย่งชิงความสำคัญจากอาจารย์ พวกเขาจะได้ตัดคู่ต่อสู้ออกไปอีกคนหนึ่ง
“ศิษย์พี่ ไม่ต้องกังวลไปนะ พวกเราต้องแก้แค้นให้แน่ ศิษย์พี่ก็รักษาตัวที่โรงพยาบาลเถอะ อาจารย์รู้จักคนมากขนาดนี้ จะต้องจัดหมอที่ดีให้แน่นอน”
“คนที่ช่ำชองผ่าตัดเข่ามีมากมาย ก็แค่เปลี่ยนคนผ่าตัด ก็ฟื้นตัวได้ไวแล้ว ต่อไปไม่ต้องนั่งรถเข็นหรอก”
ศิษย์พี่เกิ่งกำหมัดอย่างเซ็ง หลับตาพูดอย่างเกลียดชัง“กูสู้มันไม่ได้ พวกมึงจะแก้แค้นเหี้ยไรล่ะ!”
“อ่ะฮ่าๆๆ ศิษย์พี่พูดแบบนี้ไม่ถูกนะ พวกเราอ่ะเลือดร้อน ต่างก็อยากแก้แค้นให้ศิษย์พี่ทั้งนั้นแหละ”
“โทรศัพท์ โทรหาอาจารย์!”
ศิษย์พี่เกิ่งคำรามเดือดดาล
“ได้ๆ ต่อสายอยู่ ศิษย์พี่พูดกับอาจารย์เองแล้วกัน”
พอต่อสายติดก็รีบส่งให้ศิษย์พี่เกิ่ง,ศิษย์พี่เกิ่งหยิบโทรศัพท์นาบหู“อาจารย์ครับ ผมทำอาจารย์ขายหน้า ฮือๆๆๆ”
ศิษย์พี่เกิ่งพูดพลางปาดน้ำตา ศิษย์พี่น้องที่ยืนข้างๆเซ่อไปเลย ไม่รู้ว่าศิษย์พี่เกิ่งเรียกน้ำตาได้ด้วย
“เกิดอะไรขึ้น ค่อยๆพูด อย่าร้องไห้”
“ผมถูกซ้อมขาหักครับ ต่อไปต้องนั่งรถเข็น อาจารย์ต้องแก้แค้นให้ผมนะครับ!”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วย!อีกสองวันอาจารย์จะบินกลับเมืองฮ่าน ถึงเวลาจะต้องแก้แค้นให้เจ้าแน่ เจ้าค่อยๆรักษาตัวไปก่อน ข้าโอวหยางจื้อจะไม่ให้ใครมารังแกลูกศิษย์เป็นอันขาด”
โอวหยางจื้อโกรธควันออกหู ควันแทบพุ่งอยู่แล้ว
โอวหยางจื้อผู้ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือด้านกังฟูในต่างแดน ครานี้จะนำเกียรติยศกลับมายังเมืองฮ่าน ก็เพื่อที่จะขยายธุรกิจ แล้วเปิดแฟรนไชส์ในเมืองฮ่าน
อย่างไรเสียบ้านเกิดเมืองนอนหาเงินง่ายกว่า และถ้ามีคอนเนคชั่นกับพวกคนรวยนะ ยิ่งหาเงินง่ายใหญ่
เช่นสอนกังฟูรักษาตัวให้พวกคนรวย แล้วก็สอนปรัชญาการดำเนินชีวิตลงไปด้วย ปลดปล่อยจิตวิญญาณอะไรทำนองนี้ โอวหยางจื้ออาศัยความสามารถของตัวเอง จะต้องสำเร็จเป็นแน่
แต่ตอนนี้ลูกศิษย์กลับมาเกิดเรื่องเสียก่อน ทำไมมันช่างเป็นลางไม่ดีเสียอย่างนี้เนี่ย
“สมควรตายจริงๆ กล้าต่อกรกับคนของข้าโอวหยางจื้อ สมควรตายให้หมด!”
โอวหยางจื้อบ่นกระปอดกระแปด สั่งให้ลูกศิษย์ไปจองตั๋วเครื่องบิน
……
คางเหวินซิงส่งพวกหลี่โม่สามคนกลับบ้าน พอส่งสายตาจนพวกเขาขึ้นบ้านหมดแล้ว จึงค่อยๆขับรถออกไป
“คุณอาโดนทำจนเสียหน้า ควรจะบอกคุณพ่อสักคำมั้ย เผื่อคุณอาจะได้ไม่ไปตีไข่ใส่สี”
ครุ่นคิดอยู่ครึ่งนาที คางเหวินซิงหยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาคางหย่งอานผู้เป็นบิดา
“ฮัลโหล พ่อครับ เมื่อกี้ผมขายคฤหาสน์ยอดเขาที่ชุมชนหนานชุ่ยให้เพื่อนผมไป ด้วยราคาต้นทุน”
คางหย่งอานยักคิ้ว“นั่นอาของลูกจะเอาไม่ใช่เหรอ ทำไมลูกไปขายให้เพื่อนเสียล่ะ แล้วผู้จัดการฝ่ายขายว่าไง”
คางเหวินซิงตะลึง ฟังเสียงคางหย่งอานแปลกๆ“พ่อครับ พ่อรู้ได้ยังไงว่าคุณอาจะเอา”
“อาของลูกบอกพ่อแล้วล่ะ คฤหาสน์นั่นเขาจะเก็บไว้ให้ปรมาจารย์กังฟูที่กลับมาจากต่างประเทศโอวหยางจื้อ โอวหยางจื้อลูกน่าจะเคยได้ยินชื่อนะ คนเล่นกังฟูในฮอลลีวู้ดไง เขาเป็นถึงผู้กำกับเชียวนะ”
“เคย เคยได้ยินครับ คุณอาพาคนไป เพื่อนผมยังปะทะฝีมือกับคุณอา แล้วซ้อมจนเพื่อนคุณอาบาดเจ็บ”
คางเหวินซิงพูดอ่อยๆ
“ว่าไงนะ”
คางหย่งอานขยี้ตา รู้สึกปวดหัว“แก เจ้าเด็กนี่ ทำไมต้องให้คนเป็นกังวลนะ”
“พ่อครับ ผมไม่รู้ว่าจะเก็บให้โอวหยางจื้อ อีกอย่างโอวหยางจื้อก็แค่คนเปิดโรงกังฟู เทียบกับเพื่อนผมไม่ได้หรอก”
คางเหวินซิงรู้สึกจากใจว่าหลี่โม่เป็นผู้แข็งแกร่ง ขนาดนักเทควันโดระดับสากลก็ยังสู้ไม่ได้ สำหรับโอวหยางจื้ออะไรนั่น คงห่างจากหลี่โม่ไปสิบถนน
“เพื่อนแกแน่ขนาดนั้นเชียว”
คางหย่งอานถามอย่างประหลาดใจ
“ไม่ใช่แค่เก่งกาจครับ แต่เก่งกาจสุดยอด พรุ่งนี้ก็จะไปแข่งเทควันโดนานาชาติ ผมว่าสุดท้ายได้เหรียญทองแน่นอน”
การแสดงสีหน้าของคางหย่งอานดูสนใจ ลังเลชั่วครู่พูดขึ้น“ความหมายของพ่อคือ ถ้าโอวหยางจื้อเกิดการขัดแย้งกับเพื่อนของลูก ทางที่ดีลูกอย่าแทรกแซง เข้าใจมั้ย”
“ครับ เข้าใจ พ่อวางใจครับ ผมแค่กลัวคุณอาฟ้องเรื่องผม”
“อาเขายังไม่ได้โทรหาพ่อหรอก เรื่องมาถึงขนาดนี้ งั้นก็ให้เพื่อนลูกเข้าพักคฤหาสน์ยอดเขาแบบสบายใจแล้วกัน เรื่องอาพ่อจัดการให้ อย่างมากก็ชดเชยคฤหาสน์หลังใหม่ เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”
คางหย่งอานไม่เคยให้ความสำคัญกับเงินทอง อย่างไรเสียตระกูลคางไม่ขาดแคลนเงินทอง แต่เขาห่วงความปลอดภัยของคางเหวินซิงมากกว่า
พอคิดถึงว่าเพื่อนของคางเหวินซิงเป็นนักเทควันโดระดับสากล คางหย่งอานก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“จริงสิ เรื่องเทควันโดแกก็อย่าเข้าไปยุ่งล่ะ แกต้องคอยจำไว้ แกเป็นทายาทสกุลคาง!ถ้าแกเป็นอะไรไป น้องแกจะได้เปรียบ!”
“ครับ ไม่เป็นอะไรหรอก พ่อสบายใจได้ ผมขับรถก่อน วางสายก่อนนะครับ”
คางเหวินซิงขี้เกียจฟังพ่อบ่นจึงวางสาย
คางหย่งอานถอนหายใจ บ่นพึมพำ“ลูกนี่เลี้ยงได้แต่ตัวเลี้ยงใจไม่ได้จริงๆ พูดสองคำหาข้ออ้างวางสายแล้ว แต่ยังไงก็ห่วงอยู่ดี รู้สึกว่าจะเกิดเรื่องยังไงไม่รู้”
คางหย่งอานทำใจให้สงบ หลังจากครุ่นคิด รู้สึกว่าต้องติดต่อคางหย่งเฉียนสักหน่อย