“ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ได้มาหาเรื่องนาย ฉันแค่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนผีรองจะตาย ใครเป็นคนฆ่าเขา”
คนในผ้าคลุมเอ่ยขึ้น
“ครับ ผมจะเล่าให้คุณฟัง ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรครับ”
หลินเจิ้งหนานพูดอย่างเป็นมิตร
“เหอะๆ เรียกฉันว่าเสือผีก็ได้”
“สวัสดีครับท่านเสือผี ผมคือหลินเจิ้งหนาน ก่อนหน้านี้จางเต๋ออู่บอกให้ผีรองมาแนะนำผมเรื่องจัดการหลี่โม่ ผีรองหาเพื่อนฝีมือดีมาช่วย มีหลงหานกวาง หานหัวแข็งและคนอื่น ตอนนั้นลูกน้องของหลงหานกวางโดนนักเลงในพื้นที่จับตัวไป หลี่โม่ไปสอบสวนลูกน้องของหลงหานกวาง ผีรองคิดว่านี่คือโอกาส……”
หลินเจิ้งหนานเล่าเหตุการณ์อย่างละเอียด เขาเล่ามาจนถึงเรื่องที่ตัวเองโดนพาตัวหนีมา
“พวกเราหนีออกมา ส่วนเรื่องหลังจากนี้ ผมไม่รู้ ผมไม่รู้ว่าผีรองตายยังไง แต่น่าจะไม่พ้นหลี่โม่ ถึงหลี่โม่ไม่ใช่คนฆ่าเอง เขาก็เป็นคนสั่งคนไปฆ่า”
ถึงหลินเจิ้งหนานไม่เห็นว่าผีรองตายยังไง แต่สถานการณ์ในตอนนี้ ไม่ต้องคิดก็สามารถเดาคร่าวๆ ได้
เสือผีหรี่ตาลง ความอาฆาตฉายออกมาทางแววตาของเขา “คิดไม่ถึงว่าจะกล้าฆ่าผีใหญ่กับผีรอง คิดว่ากองทัพก่วยเสินของพวกเราตายไปแล้วหรือไง!”
หลินเจิ้งหนานมองเสือผีอย่างหวาดกลัว ถึงแม้ชื่อเสียงของกองทัพก่วยเสินจะไม่ได้โด่งดัง แต่ทว่าหลินเจิ้งหนานเคยได้ยินชื่อเสียงของพวกเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้กองทัพก่วยเสินโรยราลงทุกวัน พวกผีใหญ่คงไม่ต้องไปเป็นบอดี้การ์ดของจางเต๋ออู่
“นายน่าจะมีข้อมูลของหลี่โม่อย่างละเอียดใช่ไหม ฉันต้องการข้อมูลทั้งหมด”
เสือผีพูดอย่างเย็นชา
“มีครับๆ ในมือถือของผม”
หลินเจิ้งหนานหยิบมือถือออกมา หลังจากที่หาข้อมูลของหลี่โม่ เขาก็ยื่นมือถือให้เสือผี
เสือผีอ่านข้อมูลอย่างละเอียด
“ท่านเสือผี อันที่จริง ถ้าคุณต้องการแก้แค้นหลี่โม่ เราสามารถร่วมมือกันได้ อีกอย่างหลี่โม่ยังล่วงเกินสำนักหลงเหมินและราชินีของสำนักหลงเหมิน พวกเราฆ่าหลี่โม่ก็เป็นการทำเพื่อราชินีของสำนักหลงเหมิน”
หลินเจิ้งหนานคิดจะร่วมมือกับเสือผี ไม่แน่อาจมีโอกาสฆ่าหลี่โม่จริงๆ ก็ได้ ขอแค่ฆ่าหลี่โม่ได้ ก็เหมือนกับสร้างผลงานใหญ่ต่อหน้าราชินีของสำนักหลงเหมิน ต้องได้ผลประโยชน์ไม่น้อย
เสือผีมองหลินเจิ้งหนาน เขายิ้มแล้วพูดว่า “ก็ดีเหมือนกัน แต่ฉันไม่ชอบการผูกมัดกับใคร ฉันสามารถร่วมมือกับพวกนายตอนลงมือได้ แต่ถ้าลงมือไม่ได้ ฉันจะไม่ร่วมมือกับพวกนาย”
“ไม่มีปัญหาครับ งั้นเรากลับเมืองฮ่านกันเถอะครับ งานครั้งนี้ล้มเหลว ผมต้องกลับไปบอกจางเต๋ออู่”
เสือผีพยักหน้าเบาๆ และเข้ามานั่งในรถ
หลินเจิ้งหนานเรียกเหล่าลูกน้องมารวมตัวเพื่อกลับไป จากนั้นจึงโทรหาจางเต๋ออู่ เรื่องงานที่ล้มเหลว
เมื่อจางเต๋ออู่ได้ยินว่างานล้มเหลว เขาก็ปามือถือทิ้งอย่างหงุดหงิด
“ไอ้พวกกากเดน! คนตั้งเยอะ จัดการหลี่โม่แค่คนเดียวยังไม่ได้ ไม่เคยเจอพวกกากเดนแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ !”
ราชินีของสำนักหลงเหมินหมุนแก้วไวน์ในมือ เธอพูดอย่างสบายๆ ว่า “พละกำลังของหลี่โม่ อยู่เหนือกว่าที่นายจินตนาการไว้ ดังนั้นนายไม่ต้องหงุดหงิด รอการแข่งมวยดำเถอะ”
“เสือผีอาจารย์อาของผีรองไปถึงแล้ว บางทีเสือผีอาจจะช่วยได้” จางเต๋ออู่พูดอย่างไม่สบอารมณ์
“เหอะๆ เสือผีอะไรนั่น ไม่ต้องรีบหรอก ติดต่อเฉินเสี่ยวถง ให้เธอรีบหากุญแจลับ!”
ราชินีของสำนักหลงเหมินหลับตาลงหลังพูดจบ
จางเต๋ออู่กำหมัดด้วยความแค้น เมื่อคิดว่าเฉินเสี่ยวถงอยู่ในบ้านของหลี่โม่ เขารู้สึกหงุดหงิด นั่นคือสาวงามที่เขาเลี้ยงดูมาเพื่อปรนนิบัติตัวเอง! กลับเสียเปรียบให้ไอ้เวรหลี่โม่!
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าราชินีของสำนักหลงเหมิน จางเต๋ออู่ไม่กล้าแสดงท่าทีอะไรออกมา เขาเปลี่ยนมือถืออย่างเงียบๆ จากนั้นจึงโทรหาเฉินเสี่ยวถง
ตอนนี้รถเบนซ์ของคางเหวินซิงจอดอยู่หน้าตึกบริษัท กู้ชิงหลินเดินเข้าไปข้างในกับหลี่โม่ ส่วนเฉินเสี่ยวถงเดินตามหลัง
เมื่อได้ยินเสียงมือถือ เฉินเสี่ยวถงมองแผ่นหลังของหลี่โม่ เธอชะงักฝีเท้าและหยิบมือถือขึ้นมา
เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ เธอถึงกับชาไปทั้งตัว
จางเต๋ออู่! ชื่อที่ทำให้เฉินเสี่ยวถงฝันร้าย
สองวันนี้เฉินเสี่ยวถงคิดว่าตัวเองตื่นจากฝันร้ายได้แล้ว หลุดจากกรงของจางเต๋ออู่ได้สำเร็จ แต่ทว่าเสียงมือถือในตอนนี้ ทำให้ความเพ้อฝันในใจของเธอแหลกสลาย
เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งและกดปุ่มรับสาย
“ฮัลโหล โทรหาฉันทำไม นี่จะทำให้ตัวตนของฉันถูกเปิดโปงนะ”
เฉินเสี่ยวถงพูดเสียงเบา
“หึ! อย่ามาตอแหล จะปิดบังตัวตนยังไง นั่นเป็นเรื่องของเธอ ฉันแค่อยากมาแจ้งเธอ ถ้าเธอยังหากุญแจลับไม่เจอ คนในบ้านเธอซวยแน่”
จางเต๋ออู่พูดอย่างร้ายกาจ
“นายมีเหตุผลหน่อยสิ! นายไม่ให้เบาะแสอะไรฉันเลย ตอนนี้ฉันเพิ่งได้เข้าใกล้หลี่โม่ ยังไม่ได้รับความเชื่อใจจากเขาเลย นายจะให้ฉันหากุญแจลับยังไง!”
เฉินเสี่ยวถงเริ่มคลั่ง สำหรับเฉินเสี่ยวถง การหากุญแจลับเป็นเรื่องยากเหมือนปีนขึ้นยอดเขา อย่างน้อยก็ต้องสนิทกับหลี่โม่ ถึงจะสามารถเริ่มหากุญแจลับได้
“ฉันไม่สนเรื่องนั้น ฉันแค่ต้องการให้เธอรีบหากุญแจลับ ให้เวลาเธออีกสามวัน ถ้ายังไม่มีข่าวดี คนในบ้านเธอซวยแน่”
“นาย!”
เฉินเสี่ยวถงกระทืบเท้าอย่างแรง “ฉันจะรีบหา แต่เวลาสามวันทำไม่ได้หรอก ไม่งั้นนายก็ต้องให้เบาะแสฉัน ให้ฉันรู้ว่ากุญแจลับหน้าตาเป็นยังไง”
“ฉันก็ไม่รู้ ต้องดูจากความสามารถของเธอ ใช้ความรู้ที่เธอเคยเรียนมาสิ”
จางเต๋ออู่พูดจบก็ตัดสายทันที
เฉินเสี่ยวถงเก็บมือถืออย่างหงุดหงิด
คางเหวินซิงลงจากรถ หลังจากจอดรถเรียบร้อย เมื่อเห็นเฉินเสี่ยวถงยืนสีหน้าไม่สู้ดี เขาจึงถามอย่างสงสัย “คุณเป็นอะไร ทำไมดูสีหน้าผิดปกติ”
“หงุดหงิด ลุงฝูยังไม่ฟื้น ฉันเลยไม่มีความสุข”
เฉินเสี่ยวถงหาเหตุผลมาอ้าง และขึ้นไปข้างบนพร้อมคางเหวินซิง
ภายในห้องทำงานของกู้หยุนหลัน หลี่โม่นั่งบนเก้าอี้ กู้ชิงหลินล้อมกู้หยุนหลันเอาไว้และเราเรื่องเมื่อครู่ให้เธอฟัง เธอเน้นหนักไปที่เรื่องเฉินเสี่ยวถงคิดอะไรกับหลี่โม่
“เธอต้องระวังเฉินเสี่ยวถงเอาไว้ให้ดี ทางที่ดีรีบไล่มันออกไป มันคือนังจิ้งจอก มันเอาเอาแต่วอแวหลี่โม่ตลอดทาง เหมือนเห็นหลี่โม่เป็นของล้ำค่า”
เฉินเสี่ยวถงที่เพิ่งเข้ามา ถลึงตาใส่กู้ชิงหลินและพูดออกมาว่า “เธอยังเตรียมฉกผลประโยชน์ด้วย ทำไมไม่พูดออกมาล่ะ อย่าคิดว่าฉันดูไม่ออกว่าเธอคิดอะไร”
“ฉันจะฉกผลประโยชน์ได้ยังไง ความสัมพันธ์ของฉันกับหลี่โม่แย่มาก หยุนหลันก็รู้ดี” กู้ชิงหลินรีบพูดปิดบังอย่างลุกลี้ลุกลน
หลี่โม่นวดขมับแล้วพูดอย่างปวดหัวว่า “กู้ชิงหลิน เธอควรกลับไปที่ห้องทำงาน ฉันรู้สึกว่าเธอน่ารำคาญมาก”
“นายคิดว่าฉันน่ารำคาญเหรอ”
กู้ชิงหลินยกนิ้วชี้เข้าหาตัวเอง จากนั้นจึงพูดอย่างหงุดหงิดว่า “ฉันว่านายชอบนังจิ้งจอกนี่แล้วแน่ๆ กำลังปกป้องนังจิ้งจอกนี่อยู่ล่ะสิ!”