ผีรองกับหลงหานกวางนั่งอยู่ในรถที่หน่วยสืบราชการลับใช้สั่งการ หลงหานกวางรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งกับระบบคำสั่งขั้นสูงภายในรถสั่งการ
“ไอผีรอง นายนี่ประจบถูกคนจริงๆ นี่สำนักหลงเหมินแทบจะเหมือนพวกทหารแล้วนะ มีรถที่ใช้สั่งการด้วยแทบไม่อยากจะเชื่อเลย”
หลงหานกวางพูดอย่างประหลาดใจ เหมือนพวกตาแก่บ้านนอกเพิ่งเข้ามาในเมือง อะไรก็ดูแปลกใหม่ไปหมด
“นี่คือที่รังสีอินฟราเรดที่ใช้ตรวจจับใช่ไหม นี่ใช่รังสีความร้อนหรือเปล่า หรูมาก หรูจริงๆ”
ผีรองเบะปากอย่างไม่สบอารมณ์ เขารู้สึกว่าหลงหานกวางเหมือนพวกล้าสมัย
“ต่อไปเราจะใช้กำลังจากทีม กำลังจากคนๆ เดียวน่าจะไม่ไหวแล้ว อีกอย่างอาวุธก็เตรียมพร้อมมาก ขอแค่มีอาวุธพร้อม ถึงจะเป็นเทพเซียนในตำนานก็ต้องลงไปกอง”
“ฉันเข้าใจที่นายพูด แต่การที่มีวิชาป้องกันตัวสามารถทำให้ตนเองแข็งแรง อยู่ได้อีกสักสองปีก็ถือเป็นเรื่องดี คนของนายเข้าประจำที่แล้วหรือยัง น่าจะเริ่มลงมือได้แล้ว ช่วยลูกน้องของฉันออกมาก่อน”
หลงหานกวางคิดถึงแต่ลูกน้องของตัวเอง ถึงจะเป็นพวกกากเดน แต่ยังไงก็เป็นลูกน้องของเขา ต่อไปยังต้องพึ่งพาเงินจากพวกมัน
ผีรองหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมา เขาพูดด้วยเสียงทุ้มว่า “ฉันคือผีรอง เป็นผู้บัญชาการเคลื่อนไหว หน่วยสืบราชการลับเริ่มรายงานสถานการณ์ได้”
“ทีมหนึ่งเข้าประจำที่”
“ทีมสองเข้าประจำที่”
“ทีมสามเข้าประจำที่……”
“ทีมหนึ่งสังเกตการณ์ที่ฟาร์มป่าเป็นยังไงบ้าง สามารถบุกเข้าไปโจมตีได้ไหม” ผีรองถามอย่างละเอียด
“ทีมสังเกตการณ์รายงานว่าสามารถเข้าโจมตีได้ แต่จากที่ผมสังเกต เหมือนอีกฝ่ายปล่อยตัวคนที่ถูกจับออกมาแล้ว รบกวนผู้บัญชาการเคลื่อนไหวดูสัญญาณวิดีโอด้วย เพื่อสังเกตสถานการณ์ในพื้นที่”
ผู้ปฏิบัติงานอีกด้านกดปุ่มเริ่ม บนหน้าจอเป็นภาพในพื้นที่ที่ทีมสังเกตการณ์ส่งกลับมา
ซ่างเปียวกับอากวางพูดคุยกันอย่างสนิทสนม จากนั้นอากวางจึงโบกมือ ซ่างเปียวและพวกออกมาจากฟาร์มป่า กระบวนการทั้งหมดเหมือนซ่างเปียวกำลังทำข้อตกลงอะไรกับอากวาง
“ไอ้พวกอันธพาลนี่ต้องเปิดโปงฉันแน่นอน!”
หลงหานกวางพูดอย่างเคียดแค้น
ผีรองหัวเราะ “เหอะๆ นี่มันเรื่องปกติ สู้ไม่ได้ก็ยอมแพ้แล้วขายเพื่อน เป็นวิธีเอาตัวรอดที่ได้ผล อย่าเก็บพวกอันธพาลนั่นไว้ ยิงให้หมดไม่ดีกว่าเหรอ”
หลงหานกวางคิดหนัก เพราะเขาไม่ได้มีลูกน้องเยอะ ถ้าไอ้พวกนี้ตายไปอีก คงจะเหลือแค่ตัวเขาเพียงคนเดียว
“ทำไม อาลัยอาวรณ์เหรอ คนมีฝีมืออย่างนาย จำเป็นต้องอาลัยอาวรณ์พวกกระจอกนั่นด้วยเหรอ”
ผีรองพูดแดกดันหลงหานกวาง
หลงหานกวางกัดฟันกรอด “ใครอาลัยอาวรณ์ ยิงก็ยิงสิ ฆ่าไอ้พวกอันธพาลนั่นให้ตายซะ!”
ผีรองแสยะยิ้ม เขาหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมา “ฉันผีรอง ผู้บังคับบัญชาการเคลื่อนไหว ทุกคนฟังคำสั่งของฉัน หน่วยสืบราชการลับเข้าไปลอบโจมตี คนของตระกูลหลินรอก่อนห้านาที จากนั้นค่อยเข้าไปโจมตีอีกครั้ง ฆ่าคนที่ไม่ได้เป็นพวกเดียวกับเราให้หมด!”
“รับทราบ หน่วยสืบราชการลับเตรียมโจมตีหลังจากสิบวินาที”
หน่วยสืบราชการลับห้าหน่วยเตรียมพร้อม จะเข้าโจมตีฟาร์มป่าพร้อมกันหลังจากสิบวินาที
ปังๆๆๆๆ
จู่ๆ เสียงปืนก็ดังขึ้น ซ่างเปียวและพวกโดนเป็นอันดับแรก พวกเขาไม่ทันได้ตั้งตัวก็กลายเป็นผีใต้กระบอกปืน
เมื่อเห็นซ่างเปียวและพวกโดนยิงจนตัวกระตุก เลือดสาดออกมาไม่หยุด คางเหวินซิงถึงกับทรุดลงบนพื้น
“อาจารย์ คุณ คุณบอกว่าไม่มีการซุ่มโจมตีไม่ใช่เหรอ ทำไม ทำไมจู่ๆ ถึงมีมือปืนเยอะขนาดนั้น นี่มันโหดเหี้ยมมาก” คางเหวินซิงหน้าซีดและพูดออกมา เขาตัวสั่นเหมือนกล้ามเนื้อหดเกร็ง
กู้ชิงหลินหน้าซีดเผือด เสียงปืนอันดุเดือดทำให้เธอสยอง เธอจะหลบหลังหลี่โม่ตามสัญชาตญาณ
เฉินเสี่ยวถงดึงเธอเอาไว้และพูดด้วยสีหน้าปกติ “ถ้าไม่อยากตายก็อย่าวุ่นวาย ถ้าเธอจับพี่หลี่โม่ตอนนี้ พี่หลี่โม่จะจัดการยังไง”
“เธอ เธอพูดอะไร ทำไมตอนเธอกลัวยังจับเขาได้เลย ฉันทำไม่ได้เหรอ”
กู้ชิงหลินพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ฉันแค่อยากพูดว่าเธอมันควายจริงๆ”
เฉินเสี่ยวถงพูดจบ ก็ใช้มือขวากดลงไปบนเส้นเลือดของกู้ชิงหลินอย่างแรง จนเธอสลบไป
หลี่โม่มองเฉินเสี่ยวถงอย่างแปลกใจ เขาตกใจกับการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของเฉินเสี่ยวถง
แต่เมื่อนึกถึงความเก่งกาจของลุงฝูที่ติดตามเฉินเสี่ยวถง หลี่โม่พอเข้าใจได้ เขาคิดว่าเธอน่าจะเคยฝึกวิชา เพื่อใช้ป้องกันตัว
เฉินเสี่ยวถงยัดกู้ชิงหลินที่ไร้สติใส่คางเหวินซิง “เอาไป ฉันให้สาวสวยเอาไปกอด นายต้องดูแลเธอให้ดี”
“หา? ผม ผมกลัว”
คางเหวินซิงตื่นตระหนก เขาตอบออกมาแบบไม่ตรงคำถาม
“ฉันรู้ว่านายกลัว เลยให้สาวสวยไปกอดไว้ เพื่อทำให้นายคลายความกดดัน”
คางเหวินซิงเบะปากเหมือนจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อ เขากอดกู้ชิงหลินแน่นโดยไม่รู้ตัว
อากวางก้มตัวเดินเข้ามา เขายกปืนในมือขึ้นมา “คุณหลี่ ที่นี่โดนคนล้อมไว้หมดแล้ว พวกเราไม่ได้พกอาวุธอะไรออกมา สู้อาวุธของอีกฝ่ายไม่ได้อย่างแน่นอน ผมจะคุ้มกันพวกคุณให้ถอยไป”
“โดนล้อมไว้หมด จะถอยไปไหนได้อีก เอาปืนของนายมาให้ฉัน”
อากวางลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นจึงส่งปืนให้หลี่โม่ ขณะเดียวกันก็หยิบแม็กกระสุนให้หลี่โม่สองแม็ก
“ไม่รู้เป็นพวกนักเลงจากไหน อาวุธของพวกมันน่ากลัวมาก พวกซ่างเปียวตายหมดแล้ว ผมให้พวกลูกน้องหลบอยู่ที่ห้องใต้ดินของฟาร์มป่า แต่อีกไม่นานพวกมันต้องโดนเจอตัวแน่นอน จะทะลวงวงล้อมออกไปก็เป็นเรื่องยาก”
อากวางพึมพำออกมา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าอีกเดี๋ยวเขาจะไปพลีชีพอย่างไรอย่างนั้น
หลี่โม่ตรวจสอบปืนและมองออกไปนอกหน้าต่าง เขาเห็นหน่วยสืบราชการลับบุกเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“พวกนายอยู่ที่นี่อย่าไปไหน ฉันจะออกไปจัดการพวกมัน”
หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“พี่หลี่โม่ระวังตัวด้วย” เฉินเสี่ยวถงดึงแขนหลี่โม่ เธอมองหลี่โม่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเหมือนจะพูดออกมาได้
หลี่โม่ยิ้มแล้วตบแขนเขาเฉินเสี่ยวถงเบาๆ จากนั้นเขาจึงก้มตัวออกไปข้างนอก
เมื่อออกมาข้างนอก ก็มีลูกกระสุนพุ่งเข้ามาหาเขา หลี่โม่กลิ้งหลบบนพื้น เขาคุกเข่าอยู่ข้างหลังเสาหิน
เขาดูลาดเลาซ้ายขวา หลี่โม่หลับตาฟังเสียงปืนข้างหน้า ในหัวของเขามีภาพตำแหน่งและอาวุธของอีกฝ่าย
เขาลั่นไกปืน
ปังๆๆๆ
กระสุนปืนสิบสองนัดถูกยิงจนหมดแม็ก ภายในระยะเวลาเพียงอึดใจ หน่วยสืบราชการลับที่อยู่ฝั่งตรงข้ามล้มลงไปสิบสองคน
หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับทีมหนึ่งที่กำลังจะเข้ามา เขาเห็นลูกน้องล้มลง เขาตกใจและตะโกนด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ทีมหนึ่งถูกลอบโจมตี ขอกำลังเสริม! ขอกำลังเสริม!”