ต้องไปสอบถามแน่นอน หลี่โม่ก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ เหมือนกัน เขาต้องไปถามด้วยตัวเอง
“ได้ เดี๋ยวฉันจะไปถาม นายบอกพวกลูกน้องไว้ก็พอ”
“ผมบอกพวกมันแล้วครับ ผมจะส่งโลเคชั่นให้คุณ คุณไปตามโลเคชั่นได้เลยครับ”
ฉู่จงเทียนวางสายและรีบส่งโลเคชั่นฟาร์มป่าให้หลี่โม่
หลี่โม่ดูโลเคชั่นฟาร์มป่าคร่าวๆ เขาหัวเราะแล้วดีดนิ้ว “โอเค จัดการเรื่องสถานที่ก่อสร้างเรียบร้อย พวกก่อกวนโดนจับแล้ว ฉันจะไปถามพวกมันสักหน่อยว่ามีคนบงการเรื่องนี้หรือเปล่า”
“อาจารย์ เดี๋ยวผมขับรถไปส่ง”
คางเหวินซิงยิ้มประจบประแจง
“ฉันไปด้วย ฉันยังไม่เคยเห็นการสอบสวนเลย มันระทึกเหมือนในหนังไหม ฉันอยากไปดูด้วย” เฉินเสี่ยวถงเอ่ยขึ้น
กู้หยุนหลันมองเฉินเสี่ยวถง จากนั้นก็หันไปมองหลี่โม่
ถ้าตอนสอบสวนแล้วเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด กู้หยุนหลันรับไม่ได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าให้เฉินเสี่ยวถงไปกับหลี่โม่ เธอรู้สึกหึงนิดหน่อย เธอเอาแต่กังวลว่าหลี่โม่กับเฉินเสี่ยวถงจะสานสัมพันธ์กัน
ขณะที่กู้หยุนหลันกำลังลังเล ประตูห้องทำงานถูกผลักเข้ามา
กู้ชิงหลินเดินเข้ามาพร้อมกับการแต่งตัวที่ดูเท่
เมื่อเห็นว่ามีคนอยู่ในห้องทำงานเยอะ กู้ชิงหลินอึ้งเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเฉินเสี่ยวถงอยู่ด้วย สีหน้าของเธอดูไม่สู้ดี
หลังจากคืนนั้น ความคิดของกู้ชิงหลินเปลี่ยนไป เธอวางแผนจะแย่งหลี่โม่จากกู้หยุนหลัน หลายปีมานี้เธอมีตาหามีแววไม่ ดูไม่ออกว่าหลี่โม่แข็งแกร่ง นี่ทำให้กู้ชิงหลินเสียใจมาก
“คนเยอะจัง ฉัน ฉันมาขอโทษหลี่โม่ หลายปีมานี้ฉันทำเรื่องไม่ดีกับนาย ฉันหวังว่านายจะให้อภัย ต่อไปฉันจะกลับตัวกลับใจ”
กู้ชิงหลินก้มหน้าพูดเบาๆ
กู้หยุนหลัน หลี่โม่มองกู้ชิงหลินอย่างตกตะลึง ไม่เข้าใจว่ากู้ชิงหลินมาไม้ไหน
“เธอไม่ได้ป่วยใช่ไหม หรือว่าคืนนั้นตกใจจนเสียสติไปแล้ว”
หลี่โม่ถามอย่างสงสัย
“ฉันสำนึกผิดจริงๆ ฉันจะแก้ไข ต่อไปฉันจะปฏิบัติกับนายอย่างนอบน้อม ไม่งั้นนายนั่งลงสิ ฉันจะนวดไหล่ให้”
กู้ชิงหลินพูดประจบ
กู้หยุนหลันกุมขมับ เธอรู้สึกเหมือนจู่ๆ โลกก็เปลี่ยนไป ทำไมกู้ชิงหลินถึงเปลี่ยนท่าทีกะทันหันแบบนี้
“ชิงหลิน อย่ามากวน หลี่โม่ยังมีธุระต้องออกไปทำ เธอกลับไปทำงานเถอะ ฉันรับคำขอโทษของเธอแทนหลี่โม่แล้วกัน”
กู้หยุนหลันช่วยหลี่โม่พูดหาทางออก
หลี่โม่พยักหน้า “ฉันมีธุระต้องออกไปจัดการ สำนึกผิดและแก้ไขนับว่าเป็นเด็กดี กลับไปทำตัวดีดีเถอะ”
กู้ชิงหลินกลอกตาไปมา เธอคิดว่าหลี่โม่ออกไปทำธุระข้างนอก ถือเป็นโอกาสดีที่จะเพิ่มความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น
กู้ชิงหลินเอียงคอมองเฉินเสี่ยวถง เธอหรี่ตาแล้วพูดว่า “เธอไม่ได้จะตามหลี่โม่ออกไปทำธุระใช่ไหม”
“ทำไมฉันจะตามเขาออกไปทำธุระไม่ได้ ฉันจะออกไปกับเขา เธออิจฉาริษยาเหรอ ถ้าอิจฉาริษยาก็ไปหาคุณชายสามหลินสิ”
เฉินเสี่ยวถงพูดอย่างไม่เกรงใจ
ชื่อของคุณชายสามหลินกลายเป็นรอยแผลในใจของกู้ชิงหลิน เมื่อโดนเฉินเสี่ยวถงพูดแดกดันอย่างไร้เยื่อใย ทำให้กู้ชิงหลินแค้นจนกัดฟันกรอด
“หึ นางจิ้งจอกอย่างเธอชอบหลี่โม่ล่ะสิ ฉันเตือนไว้ก่อน หลี่โม่เป็นคนของตระกูลกู้ ไม่อนุญาตให้เธอหวั่นไหวกับหลี่โม่ หยุนหลันเธอต้องระวังนังจิ้งจอกนี่ด้วย ให้ฉันช่วยตามไปดูหลี่โม่ไหม”
เมื่อกู้ชิงหลินพูดจบ จึงหันไปมองเฉินเสี่ยวถงอย่างได้ใจ เธอคิดว่าตัวเองหาข้ออ้างสุดเพอร์เฟกต์ได้แล้ว
เฉินเสี่ยวถงโมโหจนขบกรามแน่น เธอแทบอยากกระโจนเข้าไปงับกู้ชิงหลิน
ทั้งสองเบิกตาโตมองหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
คางเหวินซิงแอบอยู่อีกด้าน เขารู้สึกเหมือนกำลังดูหนังสงครามนางในวัง อาจารย์ของเขาสุดยอดไปเลย
ถ้าเป็นคนทั่วไป คงไม่มีผู้หญิงมาสนใจแบบนี้หรอก!
อย่าว่าแต่แก่งแย่งซึ่งกันและกันเลย ผู้ชายที่ถูกผู้หญิงแก่งแย่ง ในอีกแง่หนึ่งก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาแสนเลิศเลอ
หลี่โม่สบถออกมาในใจ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ ก็กลายเป็นคนเนื้อหอม ภาพตรงหน้าทำให้หลี่โม่รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในความฝัน
“หยุนหลัน คุณไปกับผมเถอะ”
หลี่โม่พูดลอยๆ ขึ้นมา
พาเมียหลวงออกไปด้วย จะต้องกำจัดความชั่วร้ายได้แน่นอน สิ่งไม่ดีต่างๆ จะต้องหลีกทาง ขณะเดียวกันหลี่โม่จะได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์และไร้มลทินของตัวเองด้วย
“ฉันไม่ไป ในเมื่อชิงหลินอยากไป ให้เธอตามไปก็ได้ พวกนายรีบไปรีบกลับ ถ้ามีเรื่องด่วนอะไร รีบโทรหาฉัน”
มีกู้ชิงหลินตามหลี่โม่ไปด้วย กู้หยุนหลันก็สบายใจเป็นปลิดทิ้ง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น อย่างน้อยก็สามารถป้องกันเฉินเสี่ยวถงได้
อีกอย่างเรื่องสอบสวนอะไรนั่น ในใจของกู้หยุนหลันยังมีความขัดแย้ง เธอคิดว่าไม่ไปยุ่งกับเรื่องพวกนั้นจะดีกว่า
หลี่โม่เกาหัวอย่างเหนื่อยใจ เขาทำได้เพียงพากู้ชิงหลินกับเฉินเสี่ยวถงออกไปด้วย
คางเหวินซิงวิ่งออกไปขับรถอย่างมีความสุข ราวกับว่าเขาเสพติดการเป็นคนขับรถให้หลี่โม่
หลี่โม่นั่งอยู่ข้างคนขับ ส่วนกู้ชิงหลินกับเฉินเสี่ยวถงนั่งเบาะหลัง ตั้งแต่ขึ้นรถพวกเธอก็เอาแต่จ้องหน้ากันอย่างเคียดแค้น ราวกับว่าจะใช้สายตาฆ่าอีกฝ่ายให้ได้
เมื่อตั้งพิกัด GPS หลี่โม่เอามือถือวางบนคอนโซลรถ ให้คางเหวินซิงขับตาม GPS ไป
กู้ชิงหลินจ้องเฉินเสี่ยวถงแล้วพูดว่า “เธอเป็นลูกตระกูลไหน ทำไมถึงเอาแต่ตามหลี่โม่ทั้งวัน บอกมานะว่าเธอมีแผนการไม่ดีอะไรหรือเปล่า เธอจะแย่งผู้ชายใช่ไหม”
“ทำไมเธอต้องมายุ่งด้วย ฉันจะแย่งหรือไม่แย่งผู้ชาย มันเกี่ยวอะไรกับเธอ พี่หลี่โม่ไม่ใช่ผู้ชายของเธอสักหน่อย อีกอย่าง พี่หยุนหลันบอกให้ฉันพักที่บ้านด้วยนะ”
เฉินเสี่ยวถงตอกกลับอย่างไม่เกรงกลัว ราวกับเธอกำลังปกป้องอาณาเขตของตัวเอง
กู้ชิงหลินเบิกตาโต คิดไม่ถึงว่ากู้หยุนหลันจะให้เฉินเสี่ยวถงเข้าไปในบ้าน นี่หลี่โม่ก็แอบกินสะดวกน่ะสิ!
หรือว่ากู้หยุนหลันรู้ว่าไม่สามารถครอบครองหลี่โม่ไว้คนเดียว เธอจึงชวนเฉินเสี่ยวถงมาเป็นพันธมิตร
ละครเกี่ยวกับสงครามในวังลอยเข้ามาในหัวของกู้ชิงหลิน เธอเม้มปากแน่น เธอกำลังคิดว่ายังมีวิธีอื่นที่จะทำให้ได้รับการโปรดปรานอีกไหม
เฉินเสี่ยวถงปรายตามองกู้ชิงหลินที่เงียบไป เธอคิดว่าคำพูดของตัวเองเอาชนะได้แล้ว เธอรู้สึกได้ใจขึ้นมา
“พี่หลี่โม่ ดูสิ ทำไมยังมีคนหน้าด้านขนาดนี้ ครั้งที่แล้วนอนกับคุณชายสามหลิน แล้วให้เขามาจัดการพี่ พอมาตอนนี้ เห็นว่าคุณชายสามหลินสู้พี่ไม่ได้ เลยมาประจบประแจงพี่แทน”
“เธอ! เธอพูดอะไรไร้สาระ ใครนอนกับคุณชายสามหลิน ฉันไม่ได้นอนกับเขา!”
กู้ชิงหลินตะโกนออกมาเหมือนแมวโดนเหยียบหาง
“เหอะๆ พูดได้แม้กระทั่งคำพูดที่หลอกตัวเองและคนอื่น เธอคิดว่าทุกคนตาบอดเหรอ ใช่ไหมคะพี่หลี่โม่” เฉินเสี่ยวถงถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อน