หลี่โม่เดินเข้าไปในสนามมวย ลูกน้องของฉู่จงเทียนคนหนึ่ง ได้พาหลี่โม่เดินเข้าห้องพักผ่อน
“คุณหลี่คุณพักผ่อนก่อน เดี๋ยวจะไปบอกท่านเทียน ตอนนี้เขาโดนไอ่ฝรั่งตามติดตัวตลอด ทำให้เขาเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก”
หลี่โม่พยักหน้า เดินเข้าไปในห้องพักผ่อนและนั่งลง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเริ่มเล่นอย่างสบาย ๆ
ลูกน้องเดินไปที่สนามฝึกเพื่อตามหาฉู่จงเทียน และได้กระซิบสองสามคำข้างๆหูของฉู่จงเทียน
ฉู่จงเทียนเหลือบมองทอมป์สันที่อยู่ข้างๆและพูดด้วยรอยยิ้ม“หลี่โม่เป็นตัวแทนผู้เล่นรอบไวด์การ์ดของเมืองฮ่าน ฉันจะไปพบเขาหน่อย”
“อ่อ นักมวยของเจ้าภาพเรามาแล้ว ก็เชิญเขามานั่งด้วยกัน นู่หลั่งกำลังฝึกซ้อมครั้งสุดท้ายก่อนเข้าแข่งพอดี ช่วงนี้หลี่โม่ก็ไม่ได้เข้าร่วมการฝึกซ้อม เขายังไม่รู้จักคู่แข่งอย่างแน่นอน ให้เขามาดูด้วยกัน เพื่อจะได้รู้จักคู่แข่งได้อย่างดี ”
สิ่งที่ทอมป์สันพูดเหมือนจะหวังดี แต่ที่จริงแล้วไม่ได้มีเจตนาที่ดีเลย ทำเพื่อให้หลี่โม่ได้เห็นความโกรธเกรี้ยวของนู่หลั่งเท่านั้น เพื่อให้หลี่โม่มีเงาด้านจิตใจมากขึ้นเล็กน้อย
ถ้ามีเงาด้านจิตใจแล้ว ตอนขึ้นแข่งขันบนเวทีก็จะกลัวอย่างแน่นอน และสุดท้ายก็มักจะล้มเหลวบนเวทีอย่างแน่นอน
ฉู่จงเทียนยิ้มอย่างไม่เต็มใจ และบอกลูกน้องของเขาว่า “ไปเชิญคุณหลี่มา”
ลูกน้องหันหลังและจากไป ฉู่จงเทียนขมวดคิ้วและถามว่า“การฝึกของนู่หลั่งไม่ใช่จบแล้วเหรอ”
“เมื่อกี้นู่หลั่งเสนอว่าจะทำการฝึกเพิ่ม เขารู้สึกว่ามีผู้เข้าแข่งขันรอบไวด์การ์ดเยอะเกินไป ดังนั้นเขาจึงต้องเล่นหนึ่งต่อสิบ เพื่อปรับปรุงการแข่งขันรอบไวด์การ์ดให้พัฒนาขึ้นเล็กน้อย”
ทอมป์สันพูดจบ คิ้วของฉู่จงเทียนก็กลายเป็นปมแล้ว และหัวใจของเขาก็จมลงโดยไม่รู้ตัว
แม้ว่าคำพูดของทอมป์สันจะเรียบง่าย แต่ฉู่จงเทียนก็ได้กลิ่นเลือดในคำพูดของทอมป์สัน นู่หลั่งไม่ใช่ว่าจะหนึ่งต่อยสิบ คือหนึ่งกำจัดสิบ เพื่อจะเชือกไก่ให้ลิงดู ให้หลี่โม่ได้เห็น!
ในไม่ช้าหลี่โม่ก็เดินไปที่ข้างๆฉู่จงเทียนและนั่งลง แล้วมองไปที่ทอมป์สันที่อยู่ข้างๆ
ทอมป์สันได้เลิกคิ้วและพยักหน้าเล็กน้อยให้หลี่โม่“คุณก็คือหลี่โม่ใช่ไหม ยินดีที่ได้รู้จักคุณ ฉันคือสมาชิกคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ฉันชื่อทอมป์สัน คู่แข่งของคุณจะเริ่มเกมการฝึกซ้อมในไม่ช้า คุณสามารถสังเกตคู่แข่งของคุณให้ดีๆ”
“โอเค ขอบใจที่ให้ความสนใจ ฉันจะลองสังเกตดูดีๆ”
หลี่โม่พูดจบอย่างสุภาพ และมองดูเวทีประลอง ที่อยู่ไม่ไกล
เวทีประลองนี้ใหญ่กว่าเวทีประลอง
ทั่วไป และไม่มีรั้วรอบขอบชิด
ฉู่จงเทียนเอนศีรษะไปที่หลี่โม่ และกระซิบด้วยเสียงเบาๆ“พวกเขาไม่มีเจตนาดีแน่นอน นู่หลั่งน่าจะหนึ่งกำจัดสิบ คุณดูแล้ว ต้องไม่มีภาระทางจิตใจน่ะ”
“หนึ่งกำจัดสิบเองเหรอ ไม่ได้เก่งเท่าไหร่หรอก ฉันสามารถกำจัดแมลงขนาดเล็กหลายร้อยหลายพันตัวได้ด้วยตัวคนเดียว ”หลี่โม่พูดติดตลก
แต่ฉู่จงเทียนหัวเราะไม่ออก รู้สึกอยากร้องไห้ด้วยซ้ำ
ไม่นานนักมวยที่มีกล้ามใหญ่นับสิบคนขึ้นไปบนเวที และมีคนสิบคนยืนอยู่ตรงมุมรอบๆเวที มองไปทางที่นู่หลั่งกำลังเดินขึ้นมา
นู่หลั่งที่มีร่างสูงประมาณ180เซ็นติเมตร ร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นๆ และรอยแผลตามร่างที่นับไม่ถ้วน จะเห็นได้ว่าเขาได้ผ่านสมรภูมิเลือดและความตายมาจนนับครั้งไม่ถ้วน
ด้วยรูปลักษณ์ที่ดุร้ายของนู่หลั่ง เขาอ้าปากด้วยฟันที่แหลมคม และสะบัดหมัดของเขาแล้วทำท่าพร้อมต่อยอย่างเต็มที่
หมัดนั้นเร็วราวกับสายฟ้าแลบ และออกหมัดอันน่าทึ่งนั้น เกินความเร็วที่ตาเปล่าไม่สามารถจับตาได้โดยทั่วไป แล้วหลังออกหมัด แขนของนู่หลั่งก็จะกลับสู่ตำแหน่งก่อนหน้า ดูจะเร็วเหมือนกับว่ายังไม่ได้ชกเลย
สีหน้าของฉู่จงเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อยแสดงออกเคร่งขรึมและกล่าวว่า“ออกหมัดเร็วมากๆ แค่ความเร็วในการต่อยที่รวดเร็วนี้พิสูจน์แล้วว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ”
“ศิลปะการต่อสู้ของโลก ความเร็วเท่านั้นถึงเอาชนะได้ไม่ใช่หรือ? ความเร็วของเขาช่างมีที่มาจริงๆ”
หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา
นักมวยทั้งสิบคนบนเวทีได้ตั้งตาจ้องไปที่หน้าของนู่หลั่ง แต่ไม่มีใครเลยที่จะกล้าขึ้นก่อน
ช่วงนี้นู่หลั่งฝึกแบบโหดเหี้ยม ทำให้พวกเขามีความทรงจำที่ล้ำลึก ฝังอยู่ในใจของพวกเขา
แม้จะรู้ดีว่าสิบคนจะต่อสู้ด้วยกันมีโอกาสเอาชนะนู่หลั่งได้ แต่คนที่รีบร้อนก่อนนั้นต้องถูกผูกมัดให้ตายแน่นอน
ใครจะยอมตายก่อนกัน?
ใครจะยอมสละชีวิตของตนเพื่อความอยู่รอดของผู้อื่น? ในนักมวยทั้งสิบคนนี้ไม่มีบุคคลแบบนี้หรอก
นักมวยทั้งสิบคนเฝ้ามอง รอว่านู่หลั่งจะเลือกผู้เคราะห์ร้ายคนไหนออกก่อน
นู่หลั่งยิ้มอย่างโกรธจัด แลบลิ้นสีแดงออกมาแล้วเลียตรงมุมปากล่าง มองนักมวยทั้งสิบคนไม่เหมือนคนมีชีวิต เหมือนเป็นอาหารที่น่ากินมากกว่า
“โฮ้ง!”เสียงตะโกน
นู่หลั่งออกเสียงคำรามโกรธเหมือนสัตว์ร้าย และขาของเขากระแทกลงบนพื้นอย่างแรง และคนทั้งตัวก็กระโดดออกมาเหมือนลูกกระสุนปืนใหญ่
ชายที่ผิวขาวแข็งแกร่งราวกับหมี กลายเป็นเป้าหมายแรกของนู่หลั่ง ดวงตาของชายผิวขาวที่แข็งแกร่งเบิกกว้าง มือของเขาทั้งสองก็กลางออกพร้อมชกไปทางนู่หลั่งทันที
ตามการเคลื่อนไหวของนู่หลั่ง นักมวยอีกเก้าคนเหมือนกับหมาป่าที่ได้โอกาสนั้น พวกเขาเข้าสู้กับนู่หลั่งพร้อมๆกัน เตรียมที่จะหาโอกาสที่จะล้อมนู่หลั่ง
เมื่อทุกคนถูกระดมกำลัง นู่หลั่งที่อยู่ข้างหน้าก็หันกลับมาอย่างกะทันหัน ร่างกายของเขาดึงส่วนโค้งลึกลับขึ้นไปในอากาศ และไหล่ของเขาก็กระแทกชายผิวดำผอมบางที่วิ่งไปทางขวา
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ได้ขัดขวางแผนการของนักสู้ทั้งหมด และนักสู้ที่อยู่รายล้อมของนู่หลั่ง พวกเขาก็เกิดความตื่นตระหนกชั่วขณะ
ในขนาดนี้ นู่หลั่งได้พุ่งเข้าใส่อกของชายผิวสีดำและผอมบางไปแล้ว ชายผิวสีดำผอมเพรียวกรีดร้องและบินออกไป และพ่นเลือดอย่างบ้าคลั่งในอากาศ หลังจากที่ตกลงจากเวทีประลองก็ไม่มีลมหายใจแล้ว
หลังจากการสังหารในนัดเดียว นู่หลั่งยังคงดำเนินการต่อไป โดยเหยียดแขนออกไปจับชายผิวขาวผมบลอนด์ที่อยู่ข้างๆ
ชายผิวขาวผมบลอนด์ก้าวถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก และเห็นว่าเขากำลังหลบตัวออกจากบริเวณปลอกแขนของนู่หลั่ง จากนั้นเขาก็หยุดและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แต่วินาทีต่อมา ชายผิวขาวผมบลอนด์ก้มหน้าด้วยความสยดสยอง และมองดูลำคอของเขาที่ถูกบีบด้วยฝ่ามือของนู่หลั่ง เขาคิดไม่ออกว่าทำไมจู่ๆ แขนของนู่หลั่งก็ยาวขึ้นได้อย่างไร
สายตาของนักสู้คนอื่นๆ มีแววตาที่เหลือเชื่อปรากฏขึ้น เมื่อกี้ทุกคนต่างก็ได้แต่มองดูแขนของนู่หลั่งที่ยาวขึ้น ซึ่งเกินขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์
“พระเจ้า นี่มันเวทมนตร์เหรอ? ฉันเคยได้ยินแค่ทักษะการหดตัวของกระดูก ซึ่งสามารถทำให้แขนยาวกว่าสิบเซนติเมตรและมีประสิทธิภาพในการต่อสู้ ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน”
ฉู่จงเทียนรู้สึกประหลาดใจมาก
หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ก็ไม่ได้มีอะไรมาก ในเมืองโบราณของอินเดียก็เคยมีทักษะแบบนี้แพร่กระจาย ในประเทศเราก็คงจะมีคนเป็นเหมือนกัน แต่ส่วนมากจะเอามาใช้เป็นขอทานมากกว่า”
“ไม่ใช่มั้ง พวกขอทานยังมีเทคนิคอยู่งั้นหรือ? ในปีก่อนๆ พวกขอทานถูกตัดเอ็นมือเท้า หรือไม่ก็ใช้ภาพหลอกตา ทักษะที่แท้จริงนั้นไม่เคยมีมาก่อน”
ฉู่จงเทียนยังไงก็เชื่อว่าคนที่มีทักษะแบบนั้น ยังต้องไปขอทาน ทำอะไรไม่ดีเท่าขอทานละ