เฉินเสี่ยวถงอยู่ในชุดที่หรูหราและเป็นทางการ เธอนั่งอยู่ในรถโรลส์-รอยซ์และมองไปยังโรงเหล้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ในใจของเธอไม่ยินดียินร้าย เธอยอมรับว่าชีวิตตัวเองจะเป็นเพียงของเล่นได้ตั้งนานแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นของเล่นของจางเต๋ออู่หรือจะโดนราชินีของสำนักหลงเหมินเฉดหัวทิ้ง และให้เธอไปยั่วหลี่โม่ สำหรับเฉินเสี่ยวถงมันก็เหมือนกันทั้งนั้น
ก็แค่ปรนนิบัติผู้ชายเท่านั้น ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร จะน่าเกลียดหรือหน้าตาดี
เฉินเสี่ยวถงแค่อยากมีชีวิตอยู่ แค่มีชีวิตอยู่ก็มีคุณค่ามากที่สุดแล้ว เธอไม่กล้าโหยหาความฝันหรือความคิดอื่นๆ เลย
ชายวัยกลางคนในชุดพ่อบ้านนั่งอยู่ข้างเฉินเสี่ยวถง เขามองใบหน้าอันอ่อนหวานของเธอ ในใจของเขาเต็มไปด้วยความเศร้า
“เสี่ยวถง ราชินีของสำนักหลงเหมินบอกว่าเธอต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ แล้วจะปล่อยคนในครอบครัวของเธอ และจะมอบอิสระให้เธอ”
แววตาของเสี่ยวถงเป็นประกายแว๊บหนึ่ง จากนั้นก็เฉยชาเหมือนเดิม
“ขอบคุณพระคุณของราชินีของสำนักหลงเหมิน ฉันจะทำให้เต็มที่”
“คิดได้อย่างนี้ก็ดี หลี่โม่ไม่ใช่คนมีความสามารถอะไร ฉันเชื่อว่าความสวยของเธอจะสามารถมัดใจเขาได้อย่างรวดเร็ว”
“ขอบคุณที่ชมค่ะลุงฝู”
เฉินเสี่ยวถงก้มหัวลงเล็กน้อยและพูดออกมา
“อืม อีกเดี๋ยวเธอก็จัดการได้ตามสบาย ฉันไม่เข้าไปก้าวก่าย”
รถโรลส์-รอยซ์ขับเข้าไปในโรงเหล้า เรียกสายตาของเหล่าคุณหนูคุณชายไม่น้อย รถของเหล่าคุณหนูคุณชายไม่สามารถขับเข้าไปข้างในโรงเหล้าได้ พวกเขาต้องจอดไว้ที่ลานจอดรถข้างนอก
การเข้าไปของรถโรลส์-รอยซ์คันนี้ ทำให้เหล่าคุณหนูคุณชายได้กลิ่นแปลกๆ เดาว่าน่าจะเป็นคนใหญ่คนโตสักคนหนึ่ง
รถโรลส์-รอยซ์ค่อยๆ จอดลง ลุงฝูลงมาจากรถก่อน จากนั้นก็เดินมาทางที่นั่งของเฉินเสี่ยวถง เขาเปิดประตูและใช้มือขวากันตรงขอบประตูบนศีรษะเอาไว้ เขาเป็นพ่อบ้านตามแบบมาตรฐาน
เรียวขาเนียนสวยยื่นออกมาจากประตูรถ รองเท้าส้นสูงที่ทำจากคริสตัลนับไม่ถ้วนส่องประกายระยิบระยับ
เมื่อผู้ชายเห็นเรียวขานั้น เลือดในตัวก็พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที ส่วนผู้หญิงเห็นรองเท้าส้นสูงที่ทำจากคริสตัลก็มีแววตาแห่งความอิจฉา
แค่ยื่นขาออกมาข้างเดียว ก็สามารถดึงดูดอารมณ์ของใครหลายต่อหลายคน
เฉินเสี่ยวถงเดินลงจากรถ เธอยืนโพสต์อยู่ข้างประตูรถ ชุดราตรีสีดำขับผิวของเธอให้โดดเด่นขึ้นอีก รูปร่างที่อวบอิ่ม มีส่วนเว้าส่วนโค้งทำให้ผู้ชายต้องกลืนน้ำลาย
เมื่อเห็นใบหน้าหวานของเฉินเสี่ยวถง ผู้ชายจำนวนไม่น้อยเหมือนโดนกระชากวิญญาณออกไป
ไม่ต้องพูดถึงใบหน้าหวานอันงดงาม แต่สิ่งสำคัญไปกว่านั้นคือหูของเธอแตกต่างจากคนอื่น ส่วนบนของใบหูสูงขึ้นมา เหมือนหูของเอลฟ์ ที่สำคัญตรงส่วนบนของใบหูเป็นสีฟ้าอ่อน ยิ่งทำให้เธอดูเหมือนเอลฟ์มาก
“พระเจ้า อย่าบอกนะว่าเอลฟ์มีจริง เธอเป็นสาวงามตระกูลใด ฉันจะไปขอเธอแต่งงาน!”
“ใครก็อย่ามาแย่ง ฉันจองสาวงามคนนี้ไว้แล้ว ถ้าใครมาแย่งก็อย่ามาหาว่าฉันไม่เห็นแก่ที่รู้จักกัน”
“โอ้โห แต่ก่อนฉันเคยเห็นแต่ผู้หญิงแต่งหน้าหนาๆ นอกจากกู้หยุนหลันก็ไม่มีใครสวยเท่าสาวงามตรงหน้าแล้วล่ะ”
เหล่าคุณชายตื่นเต้นจนเลือดในตัวพลุ่งพล่าน พวกเขาต่างพากันลุกขึ้นเพื่อจะเข้าไปจีบเฉินเสี่ยวถง
ลุงฝูกวาดตามองด้วยสายตาดุดัน เหล่าคุณชายเลือดร้อนต่างพากันชะงักไป พวกเขาต้องชะงักฝีเท้าลงเพราะสายตาอันน่ากลัวของลุงฝู
“หลี่โม่อยู่ตรงนู้น เราจะไปหรือจะทำยังไงดีครับ”
ลุงฝูมองเฉินเสี่ยวถงแล้วถามขึ้น
“ฉันเห็นโต๊ะข้างๆ เขาว่าง เรานั่งโต๊ะนั้นละกัน ฉันอยากสังเกตเขาดูสักหน่อย”
เฉินเสี่ยวถงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ลุงฝูพยักหน้า จากนั้นจึงโค้งตัวให้และเดินนำทางไป
ทั้งสองเดินตามกันไปจนถึงโต๊ะของหลี่โม่ เหล่าคุณชายเห็นเฉินเสี่ยวถงเดินผ่านต่างพากันเบิกตาโต
หลี่โม่กับกู้หยุนหลันนั่งคุยกันเบาๆ ฉิงจี้เย่นั่งอยู่ตรงข้ามทั้งสองคน เขาโดนเมินเหมือนเป็นอากาศ
แต่ฉิงจี้เย่ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ การที่ได้นั่งโต๊ะเดียวกับหลี่โม่ก็ถือว่าเป็นก้าวแรกที่สำคัญแล้ว
ขณะที่ฉิงจี้เย่พยายามทำให้ตัวเองเหมือนคนล่องหน เฉินเสี่ยวถงก็เข้ามาอยู่ในสายตาของเขา
จู่ๆ ลมหายใจของเขาก็แรงขึ้น เขามองผู้หญิงที่เหมือนหลุดออกมาจากภาพวาดอย่างเฉินเสี่ยวถง เขารู้สึกว่าตัวเองโดนคิวปิดยิงศรรักเข้าให้แล้ว
นี่คือรักแรกพบ รักแรกพบชัดๆ!
ฉิงจี้เย่ลุกขึ้นมาอย่างตื่นตระหนกจนเข่ากระแทกกับโต๊ะ
ปึง
โต๊ะโงนเงนไปมาจนแก้วเหล้าและจานผลไม้เกือบจะหล่นลงมา
หลี่โม่ประคองแก้วเหล้าเอาไว้ จากนั้นจึงพูดกับฉิงจี้เย่อย่างไม่พอใจว่า “นายเป็นอะไร โรคอะไรกำเริบ”
“ขะ ขอโทษ คือผมเห็น เอ่อ สวยจริงๆ ครับ”
ฉิงจี้เย่พูดหลายรอบและก้มหัวขอโทษหลี่โม่ แต่สายตาของเขากลับมองไปยังเฉินเสี่ยวถงอย่างอดไม่ได้ ท่าทางของเขาดูประหลาดมาก
หลี่โม่กับกู้หยุนหลันสงสัยและมองไปทางที่ฉิงจี้เย่มอง เมื่อเห็นเฉินเสี่ยวถง กู้หยุนหลันอึ้งไปเล็กน้อย
“หูของเด็กสาวคนนั้นแปลกมาก เป็นมาตั้งแต่เกิดหรือไปศัลยกรรมมาเนี่ย”
กู้หยุนหลันพูดพึมพำ
หลี่โม่เหลือบมองเฉินเสี่ยวถง จากนั้นจึงยักไหล่แล้วพูดว่า “ไม่รู้สิ แต่ดูเหมือนเอลฟ์เลย”
“ได้ยินว่าหนุ่มโสดชอบเอลฟ์นิ นายชอบไหม”
กู้หยุนหลันเอียงคอมองหลี่โม่แล้วถามคำถามที่อยู่ในใจ
หลี่โม่ตอบอย่างจริงจังว่า “ผมไม่ใช่หนุ่มโสด อีกอย่างภรรยาสวยที่สุดในใจของผม สวยกว่าพวกเทพธิดาอะไรทำนองนั้นด้วยนะ”
เฉินเสี่ยวถงเดินเข้ามาช้าๆ เขาปรายตามองกู้หยุนหลันกับหลี่โม่อย่างมีเลศนัย เธอตกใจกับความสวยของกู้หยุนหลัน
เมื่อก่อนเฉินเสี่ยวถงคิดว่าตัวเองสวยที่สุด แต่หลังจากที่เจอกู้หยุนหลัน ก็พบว่ามีคนที่สวยเหมือนเธอ
เมื่อเห็นท่าทางกะหนุงกะหนิงของหลี่โม่กับกู้หยุนหลัน ใจของเฉินเสี่ยวถงวูบไหว เธอรู้สึกอิจฉาตาร้อนขึ้นมา
ภาพที่กะหนุงกะหนิงกับคนรักของตัวเอง เฉินเสี่ยวถงทำได้เพียงคิดในฝันเท่านั้น เมื่อตื่นขึ้นจากฝัน เธอก็ต้องเผชิญกับชีวิตที่ด้านชา
ฉิงจี้เย่อดใจไม่ไหวและเดินเข้าไปหาเฉินเสี่ยวถง เขาอ้าปากเหมือนจะพูด แต่ก็ไม่รู้จะอธิบายความในใจออกมาอย่างไร ราวกับประสบการณ์ที่โดนสาวๆ รุมล้อมมาสิบกว่าปีหายวับไปในพริบตา
เฉินเสี่ยวถงมองฉิงจี้เย่อย่างขยะแขยง ลุงฝูเดินขึ้นมา เขาพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ได้โปรดอย่าขวางทาง”
“เอ่อ ผม ผมอยากทราบชื่อของคุณผู้หญิง”
ฉิงจี้เย่พูดออกไปแบบซื่อๆ
“หลีกไป”
ลุงฝูพูดอย่างจริงจัง
ฉิงจี้เย่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็หลีกทางให้ เพราะเขาไม่อยากทำให้เฉินเสี่ยวถงรู้สึกไม่ดี ลุงฝูพาเฉินเสี่ยวถงมาที่โต๊ะข้างๆ หลี่โม่ เขาเลื่อนเก้าอี้ออกมาให้เธอนั่ง
ฉิงจี้เย่อยากเขาไปจีบ แต่โดนสายตาอันเย็นชาของลุงฝูหยุดเอาไว้ “คุณหนูของบ้านผมชอบความสงบ คุณอย่ามารบกวนคุณหนู”