คุณชายรองฉิงเร่งความเร็วและเดินไปตรงหน้าหลี่โม่ โบกมืออย่างดุเดือด และกลุ่มบอดี้การ์ดก็ได้ล้อมหลี่โม่และกู้หยุนหลันไว้
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้หมาตอนนี้คุณกลัวแล้วใช่ไหม? เมื่อกี้ที่คุณชกผมคุณดูหยิ่งผยองยิ่งนัก ฮวงจุ้ยหมุนไปมา ถึงเวลาที่ผมจะต้องหยิ่งแล้ว!”
คุณชายสามฉิงเดินไปที่ด้านข้างของคุณชายรองฉิง หรี่ตามองดูกู้หยุนหลันจากหัวจรดเท้าน้ำลายของเขากำลังจะไหลออกมา
“ฮิๆ สาวงามนี้สวยแบบธรรมชาติ เธอไม่ได้ทำศัลยกรรมเลย ดีกว่าเน็ตไอดอลพวกนั้นเป็นพันเท่า คิดไม่ถึงว่าเมืองฮ่านจะมีสาวงามเช่นนี้”
ในใจฉิงจี้เย่ถอนหายใจอย่างเงียบๆ มองไปที่น้องชายสองคนของเขา ราวกับว่าเห็นตัวเองเมื่อไม่นานมานี้ ยั่วยุใครก็ได้ ทำไมต้องมายั่วยุหลี่โม่ด้วย นี่มันหาที่ตายชัดๆ?
ฉิงจี้เย่ยืนอยู่ข้างหลังน้องชายสองคน มองหลี่โม่ด้วยสายตารู้สึกขอโทษ ตอนที่เขากำลังจะจัดการน้องโง่สองคน ฉิงจี้เย่เห็นหลี่โม่ส่ายหัวเล็กน้อย
ฉิงจี้เย่ซึ่งกำลังจะยกเท้าขึ้นและเตะออกไป หยุดการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ยืนเงียบอยู่หลังน้องสองคนที่โง่เขลา รอคอยคำสั่งของหลี่โม่
กลุ่มคนที่รอดูเหตุการณ์ สวีอวิ๋นอวิ๋นเริ่มกล้ามากขึ้นเล็กน้อยในฝูงชน และเดินไปข้างหน้าอย่างเงียบๆไม่กี่ก้าว
“คราวนี้หยุนหลันจบแน่ แต่สิ่งนี้เธอเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเอง ไม่ใช่ว่าฉันไม่เห็นความเป็นเพื่อน แต่เธอไม่ยอมตามตนเองมาเองนิ”
สวีอวิ๋นอวิ๋นบ่นพึมพำ หมุนดวงตาของเธอ จากนั้นถ่ายรูปที่กู้หยุนหลัน หลี่โม่มีเรื่องกับตระกูลฉิงสองรูปด้วยโทรศัพท์มือถือของเธอ ส่งรูปถ่ายไปที่กู้ชิงหลิน เพื่อพิสูจน์ว่าเธอได้ทำในสิ่งที่กู้ชิงหลินได้สั่งไว้ เอาประโยชน์มาจากกู้ชิงหลินก่อน
หลังจากได้รับภาพถ่าย กู้ชิงหลินถามเกี่ยวกับสถานที่นั้น และรีบพาเพื่อนสนิทของเธอสองสามคนมาที่สวีอวิ๋นอวิ๋น
“ชิงหลิน ฉันพาหยุนหลันมาที่นี่แล้วนะ แต่ไอ้ขยะหลี่โม่คนนั้นได้ชกคุณชายรองฉิงเมื่อกี้ เกรงว่าตระกูลฉิงจะกลืนกินพวกเขาแน่ แต่ที่คุณขอ ฉันทำได้แล้ว อะไรที่ฉันควรได้คุณต้องให้ฉันนะ”
“ฉันรู้แล้ว ผลประโยชน์ของคุณจะให้คุณแน่นอน ตอนแรกฉันยังได้เตรียมเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ให้กับกู้หยุนหลัน แต่ไม่เป็นไร แบบนี้ก็ดี ให้ตระกูลฉิงทำหน้าที่เป็นอาหารเรียกน้ำย่อย ยังมีอาหารมื้อใหญ่รอกู้หยุนหลันอยู่ ฮ่าฮ่า”
กู้ชิงหลินได้มีประติสัมพันธ์กับคุณชายสามหลินแล้ว ในเวลานี้ให้คนของตระกูลฉิงจัดการหลี่โม่หน่อยก็ดี หากตระกูลฉิงต้องการโจมตีกู้หยุนหลัน ค่อยเรียกคุณชายรองหลินและคุณชายสามหลินออกมา ถึงตอนนั้นกู้ชิงหลินก็มาใช้วิธีสุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ รู้สึกว่าตนเองสามารถยกระดับชื่อเสียงในวงการได้แน่นอน
คุณชายรองฉิงและคุณชายสามฉิงไม่ได้รีบร้อนที่จะให้ลูกน้องของพวกเขาจู่โจมพวกเขาโดยตรง แต่ใช้คำพูดทำให้หลี่โม่อับอาย และขอให้หลี่โม่คุกเข่าลงและขอความเมตตา
ผู้คนที่มองดูอยู่รอบๆถอนหายใจ คิดว่าถึงเวลาไว้ทุกข์ให้หลี่โม่แล้ว
“ชายที่สวมชุดขี้เหล่เข้ามาในงานเลี้ยง นี่มันมาหาที่ตายไม่ใช่หรอกเหรอ และยังทำให้คุณชายรองฉิงขุ่นเคืองใจ ตระกูลฉิงไม่ใช่ตระกูลที่ควรยั่วยุเลย คราวนี้มีฉิงจี้เย่ เกรงว่าผู้ชายคนนั้นไม่ตายก็ต้องพิการ”
“น่าจะเพราะคุณชายรองฉิงลวนลามผู้หญิงของเขา เขาโมโหจึงลงมือ แต่ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขานั้นก็สวยงามจริงๆ แม้แต่ผมก็อยากจะไปแต๊ะอั๋ง พาสาวงามแบบนี้มา หาเรื่องใส่ตัวไม่ใช่หรอกเหรอ?”
“ไอ้หมอนั้นจะถูกทุบตีจนกระดูกหัก แล้วถูกโยนออกไปอย่างแน่นอน คาดว่าสาวงามคนนั้นก็จะถูกตระกูลฉิงพาไปแน่นอน ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ตัวเธอมาเล่นสนุกในอนาคตหรือไม่ หวังว่าตระกูลฉิงจะไม่เล่นสาวงามคนนั้นจนเสียของนะ”
ความสนใจส่วนใหญ่ของคนที่ดูอยู่รอบๆต่างก็อยู่ที่ตัวกู้หยุนหลัน ชายหนุ่มร่ำรวยหลายคนก็อยากได้ตัวกู้หยุนหลันเช่นกัน
เสียงของคุณชายรองฉิงและคุณชายสามฉิงแห้งเล็กน้อย เมื่อเห็นหลี่โม่ไม่ได้พูดอะไร กลับมองดูพวกเขาด้วยท่าทางแปลกๆ ซึ่งทำให้ทั้งคู่โกรธเคืองมากขึ้น
“จับเขาไว้ ผมจะใช้เขาเป็นกระสอบทรายและทุบตีเขาอย่างแรง!”
คุณชายรองฉิงคำรามด้วยความโกรธ
บอดี้การ์ดตระกูลฉิงหลายคนกำลังจะก้าวไปข้างหน้า แต่เห็นฉิงจี้เย่ยกเท้าขึ้นและเตะไปที่หัวเข่าของ คุณชายรองฉิงและคุณชายสามฉิง
ตูม ตูม
คุณชายรองฉิงและคุณชายสามฉิงไม่ทันตั้งตัว และเข่าอ่อนลงและคุกเข่าลงบนพื้น
ฉิงจี้เย่ทนไม่ได้อีกแล้ว ถ้าบอดี้การ์ดแตะขนของหลี่โม่ เรื่องทั้งหมดก็ยากที่จะแก้ไขแล้ว
นั่นคือหลี่โม่ที่แม้แต่ท่านแปดก็ยังกล้าที่จะทุบตี!
วันนั้นท่านแปดถูกทุบตีสาหัสเพียงใด ผู้ที่เก่งกาจขนาดนั้น หลี่โม่บอกจะทุบก็ทุบ ตระกูลฉิงไม่สามารถเทียบได้กับท่านแปดด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงไม่มีทางสู้กับหลี่โม่ได้เลย
ผู้ชมที่อยู่รอบๆ มองไปที่ฉิงจี้เย่ด้วยความประหลาดใจ โดยไม่รู้ว่าฉิงจี้เย่เป็นบ้าอะไร และทำไมจู่ๆ เขาถึงเริ่มทุบตีคนของเขาเอง
บอดี้การ์ดหยุดและมองที่ฉิงจี้เย่พร้อมกัน ไม่รู้ว่าควรจับตัวหลี่โม่หรือจะทำอย่างไร
“คุณ คุณชายใหญ่ คุณกำลัง?”
ผู้นำบอดี้การ์ดถามอย่างประหม่า
“พี่ใหญ่ บ้าไปแล้วหรือ เตะเราทำไม!”
คุณชายรองฉิงจ้องไปที่ฉิงจี้เย่ด้วยความโกรธ รู้สึกว่าเขาเสียหน้าไปหมดแล้วในที่สาธารณะ
“พวกคุณจับตัวสองคนนี้ใช้เป็นกระสอบทราย!”
ฉิงจี้เย่ชี้ไปที่น้องโง่สองคนและพูดกับบอดี้การ์ดของพวกเขา
“ฮึบ!”
ฝูงชนสูดอากาศเย็นเข้าไปลึกๆ รวบรวมเสียงขนาดใหญ่
“สถานการณ์แบบนี้คืออะไร? คนโหดเหี้ยมอย่างฉิงจี้เย่คงจะไม่ทำสิ่งนี้โดยไม่มีเหตุผลหรอกมั้ง?”
“การกระทำที่ทุบตีน้องชายตนเองแบบนี้ เพื่อประจบสอพลอใช่ไหม แต่ดูแล้วหลี่โม่คนนั้นก็ไม่ใช่คนที่มีภูมิหลังอะไร การกระทำนี้คืออะไรกันแน่?”
“สิ่งนี้ดูคล้ายกับความเสื่อมทางศีลธรรมเล็กน้อย และคล้ายกับการบิดเบือนธรรมชาติของมนุษย์เล็กน้อย เป็นไปได้ไหมที่ฉิงจี้เย่จะทำลายน้องชายของเขา เพื่อครอบครองทรัพย์สินของตระกูลเพียงคนเดียว?หากเป็นเช่นนี้ มันก็โหดเหี้ยมไปหน่อยนะ”
ฝูงชนซุบซิบการคาดเดาต่างๆนานา และพวกเขารู้สึกว่าสถานการณ์นั้นเกินจินตนาการเล็กน้อย
สวีอวิ๋นอวิ๋นตกตะลึงเมื่อเห็นสิ่งนี้ เธอดึงกู้ชิงหลินและถามว่า”ชิงหลิน เกิดอะไรขึ้น หรือว่าหลี่โม่รู้จักฉิงจี้เย่?”
“ไอ้เหี้ยนั่นรู้เหี้ยไร วันๆไม่ทำอะไร ไม่รู้จักใครเลย ต่อให้รู้จัก ก็แค่เขารู้จักคนอื่น แต่คนอื่นไม่รู้จักเขาหรอก”
ในปากพกู้ชิงหลินพูดคำดูถูก แต่ในใจของเธอรู้สึกเย็นวาบ คำขอโทษก่อนหน้านี้ของเจ้าบ้านตระกูลซูในเมืองฮ่าน ลอยขึ้นมาในใจของกู้ชิงหลิน
หรือว่าหลี่โม่มีสถานะที่น่าทึ่งจริงหรือ?
เป็นไปไม่ได้ ถ้าเขาเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ เขาจะเป็นไอ้ขยะมาหลายปีแบบนี้ได้อย่างไร มันไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง!
อุบัติเหตุ ต้องเป็นอุบัติเหตุ คราวนี้ต้องเป็นอุบัติเหตุแน่! เดี๋ยวเรียกคุณชายสามหลินมาอุบัติเหตุทั้งหมดจะสิ้นสุดลง!
กู้ชิงหลินตั้งสติ เมื่อนึกถึงคุณชายสามหลินไพ่ตายใบนี้ หัวใจของเธอก็มั่นคงขึ้นในทันใด
แม้ว่าบอดี้การ์ดของตระกูลฉิงจะแปลกใจ แต่พวกเขาไม่กล้าไม่ฟังคำสั่งของฉิงจี้เย่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกัดฟันแล้วไปจับตัวคุณชายรองฉิงและคุณชายสามฉิง
“คุณชายใหญ่ จะทุบตีพวกเขาจริงหรือ?”