ช่วงเวลาเช้าตรู่
กู้เจี้ยนกั๋วนั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธานในห้องประชุมด้วยสีหน้าขุ่นเคือง เขากวาดสายตามองไปที่กู้เจี้ยนเจียง กู้หยุนหลัน หลี่โม่และผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดของบริษัท
“การก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่จะต้องดำเนินการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หยุนหลันเธอคือหัวหน้าผู้รับผิดชอบงาน งานก่อสร้างจะต้องเริ่มดำเนินการภายในสามวัน ถ้าภายในสามวันทำไม่สำเร็จ เธอก็ไปฝึกฝนการทำงานขั้นพื้นฐานได้เลย”
กู้เจี้ยนกั๋วกล่าวอย่างเย็นชา
หลังจากที่ย้อนกลับไปเมื่อคืนนี้ กู้เจี้ยนกั๋วได้สอบถามเกี่ยวกับความเชื่อมโยงต่างๆ และข่าวที่เขาได้รับคือที่ก่อสร้างจะต้องถูกสายตรวจทำการตรวจสอบและปิดล้อมในนามของสถานที่เกิดคดีฆาตกรรม ระยะเวลาในการปลดล็อกขึ้นอยู่กับความคืบหน้าของคดี
ด้วยบรรทัดล่างสุดของข่าวนี้ กู้เจี้ยนกั๋วรู้สึกว่าตนเองสามารถยกขึ้นมาใช้กับกู้หยุนหลันได้พอดี เพราะเขาไม่สามารถทนมองดูตำแหน่งของกู้หยุนหลันในบริษัทมั่นคงมากขึ้นเรื่อยๆได้
ผู้บริหารระดับสูงหลายคนมองที่ไปที่กู้เจี้ยนกั๋วอย่างประหลาดใจและรู้สึกว่าคำขอของกู้เจี้ยนกั๋วเป็นการบังคับให้ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อย่างแท้จริง
ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและคิดว่าเขาต้องพูดอะไรบางอย่าง ไม่อย่างนั้นแล้วสามวันหลังจากนี้ถ้ากู้หยุนหลันทำไม่ได้ ตนเองก็จะต้องเดือดร้อนตามไปด้วย
“ผู้อำนวยการกู้ สามวันนี้เป็นไปไม่ได้เลย ผมเพิ่งจะติดต่อคนที่สนิทกับสายตรวจทางนั้นแล้ว ไม่มีทางที่จะปลดล๊อกได้เลย”
“ไม่มีทางเป็นไปได้งั้นเหรอ? บริษัทเลี้ยงดูพวกคุณด้วยข้าวเปลือกหรือไง? พอเจอเรื่องยากลำบากก็ทำไม่ได้บ้างล่ะ เป็นไปไม่ได้บ้างล่ะ! พวกคุณต้องการให้บริษัทไปไม่รอดหรือไง? ครั้งนี้เป็นงานใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาบริษัท ใครจะทำให้เราต้องพังในตอนสุดท้ายไม่ได้! หยุนหลันเธอแสดงความเห็นออกมา!” กู้เจี้ยนกั๋วตะโกน
หัวหน้าแผนกฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานก้มหน้าลง รู้สึกว่าครั้งนี้เขาจะต้องพลอยเป็นแพะรับบาปไปด้วยแน่ๆ
กู้หยุนกลันมองดูหลี่โม่ ในใจยังรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าหลี่โม่จะบอกว่าติดต่อไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ยังคงไม่มีการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมใดๆกับทางสายตรวจ และที่ดินยังคงอยู่ในสถานะถูกยึดเอาไว้
หลี่โม่ยิ้มแล้วพยักหน้าให้กับกู้หยุนหลัน “เอกสารปลดล๊อกจะถูกส่งมาเร็วๆนี้”
กู้เจี้ยนกั๋วเลิกคิ้วขึ้นทันทีและมองไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามและคิดว่าหลี่โม่กำลังพูดเรื่องตลกอยู่
“แกพูดล้อเล่นอยู่สินะ ฉันเพิ่งจะโทรไปตรวจสอบ สายตรวจแจ้งว่าจะปลดล๊อกให้ได้ก็ต่อเมื่อปิดคดีแล้วเท่านั้น คนเสียชีวิต 6 คนเป็นคดีใหญ่ ไม่สามารถทำลวกๆแล้วก็จบคดีได้ แกกำลังพูดจาเหลวไหลอะไรอยู่ มันจะส่งผลกระทบต่อความคืบหน้างานก่อสร้างของบริษัทได้นะ!”
น้ำเสียงของกู้เจี้ยนกั๋วเย็นเยียบมากขึ้นเรื่อยๆ ท้ายที่สุดเขาตบโต๊ะและตะโกนว่า “แกมันเป็นขยะที่ไม่มีคุณสมบัติจะมานั่งอยู่ที่นี่ ไสหัวออกไปให้พ้นหน้าฉัน! หยุนหลันต่อจากนี้เธอห้ามให้เขาเข้ามาในบริษัทแม้แต่เพียงก้าวเดียว!”
คุณลุงคะ ทำไมคุณถึงไม่เชื่อหลี่โม่ล่ะคะ เราจะเริ่มงานก่อสร้างได้ภายในระยะเวลาสามวันนี้อย่างแน่นอน ในระหว่างนี้หวังว่าคุณจะไม่กล่าวหาเขา ถ้าหากภายในสามวันพวกเราจัดการไม่ได้ล่ะก็ คุณจะลงโทษพวกเรายังไงตามแต่ใจคุณเลยค่ะ”
เพื่อปกป้องหลี่โม่ กู้หยุนหลันได้ตอบกลับกู้เจี้ยนกั๋วไปอย่างตรงไปตรงมาและแข็งกระด้าง
กู้เจี้ยนกั๋วเกือบจะหัวใจวายตาย เขาชี้ไปที่กู้หยุนหลันและพูดไม่ออกอยู่เป็นเวลานาน
แคร้ก
เลขานุการได้เปิดประตูห้องประชุมเข้ามาและพูดกระซิบว่า “หัวหน้าของสายตรวจมาแล้วค่ะ”
“โอ้?”
กู้เจี้ยนกั๋วเหมือนกับได้เปลี่ยนสีหน้า บนหน้าของเขามีรอยยิ้มปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาเดินไปที่ประตูห้องประชุมแล้วพูดว่า “รีบพาหัวหน้าถงเข้ามา”
หัวหน้าถงเดินเขามาในห้องประชุม กู้เจี้ยนกั๋วยื่นมือออกไปต้องการจับมือของหัวหน้าถง แต่หัวหน้าถงกลับเมินเฉยต่อมือที่ยืนออกไปของเขาโดยสิ้นเชิง
กู้เจี้ยนกั๋วยิ้มอย่างกระดากอาย “หัวหน้าถงเชิญนั่ง ไม่รู้ว่าหัวหน้าถงมาที่นี่ด้วยเรื่องอะไรเหรอครับ”
หัวหน้าถงกวาดสายตามองทุกคนในห้องประชุม ในตอนที่มองเห็นหลี่โม่ รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนหน้าทันทีพร้อมกับวิ่งเหยาะไปด้านข้างของหลี่โม่
“คุณหลี่ครับ เอกสารปลดล๊อคแปลงที่ดินจัดการเรียบร้อยแล้วนะครับ ผมได้ส่งมาให้คุณแล้ว หลังจากนี้คุณต้องการอะไรโทรมหาผมได้โดยตรงเลยนะครับ นอกจากนี้ ผมยังจัดให้มีเจ้าหน้าที่สายตรวจรักษาความปลอดภัยประจำการที่ไซต์งานก่อสร้างของคุณเพื่อคุ้มกันโครงการของคุณด้วยนะครับ”
ท่าทางของหัวหน้าถงนั้นอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างยิ่ง ซึ่งแตกต่างจากท่าทางที่เย็นชาและเย่อหยิ่งเมื่อสักครู่นี้อย่างมาก
กู้เจี้ยนกั๋วตกตะลึงอยู่กับที่แล้วมองดูหัวหน้าถงเอาอกเอาใจหลี่โม่อย่างงงงัน รู้สึกแย่ไปทั้งตัว
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน เขาทุ่มเทใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีก็ยังไม่สามารถที่จะผูกมิตรกับหัวหน้าถงได้เลย แล้วทำไมถึงได้เห็นหลี่โม่ราวกับเป็นหลานชายแบบนั้น!
สายตาของกู้เจี้ยนเจียงและผู้บริหารระดับสูงทุกคนในบริษัทล้วนมองลงไปบนพื้น คิดไม่ออกเลยว่าคนที่เข้าหาได้ยากและแต่ไหนแต่ไรไม่เคยไว้หน้าใครจนเป็นตำนานอย่างหัวหน้าถงผู้มีใบหน้าเย็นชา เพราะอะไรจึงได้เผชิญหน้ากับหลี่โม่ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นนี้
หลี่โม่รับเอกสารขึ้นมาอ่านดู แล้วยิ้มอย่างพึงพอใจพร้อมพูดว่า “ต้องลำบากคุณแล้ว คุณจัดการเรื่องนี้ได้ดี”
“ต่อจากนี้ ถ้าคุณมีเรื่องขอเพียงแค่สั่งการมาเท่านั้น ผมจะพยายามทำให้คุณพึงพอใจอย่างสุดกำลังเลยครับ”
หัวหน้าถงพูดพร้อมกับยิ้ม
“ได้เลย มีเรื่องจะต้องไปหาคุณแน่ คุณไปทำงานเถอะ”
หลี่โม่พูดเรียบๆ
“อ๊ะอ้าว”
หัวหน้าถงตอบรับสองสามครั้ง ในขณะที่เขายืดเอวตรง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาอีกครั้ง ราวกับว่ารูปลักษณ์ที่ถ่อมตนเมื่อกี้นี้ล้วนแล้วแต่เป็นภาพลวงตา
กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆมองตามหลังหัวหน้าถงจากไป ทั้งหมดไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
หลี่โม่ตบเอกสารลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงดังปัง ทำให้กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆได้สติกลับคืนมา
“เอกสารปลดล๊อกแปลงที่ดินอยู่ที่นี่แล้ว ใครยังมีข้อสงสัยอีกบ้าง?”
หลี่โม่หันไปมองทางกู้เจี้ยนกั๋ว
ใบหน้าชราของกู้เจี้ยนกั๋วนั้นเป็นสีแดงขึ้นมา รู้ว่าหลี่โม่กำลังหักหน้าตัวเองก็กัดฟันแน่นด้วยความเกลียดชัง อยากจะกระโจนเข้าไปฆ่าหลี่โม่ให้ตายแทบไม่ไหว
“ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องใช้เวลาสามวันแล้ว วันนี้เริ่มทำการก่อสร้างได้เลย หยุนหลัน ติดต่อหวังจงเสวียนให้คนของเขาเข้าไปสถานที่ก่อสร้างได้แล้ว”
หลี่โม่กล่าวอย่างทรงพลัง
มองเห็นหลี่โม่แสดงความสามารถออกมาอย่างเย่อหยิ่งและอวดดีแล้ว กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆต่างรู้สึกไม่ค่อยดีอยู่ภายในใจ ผู้ชายที่เคยเป็นแค่เศษสวะคนนี้ ทำไมวันนี้ถึงได้มีความองอาจมากขนาดนี้? มันเป็นพลังที่กู้เจี้ยนกั๋วไม่อาจทำได้
สายตาที่มีชีวิตชีวาของกู้หยุนหลันได้ผลิบานออกมา ขณะที่มองดูหลี่โม่ค่อยๆเผยรอยยิ้มแสนหวานออกมาแล้วพูดด้วยเสียงอันอ่อนโยนว่า “ได้ค่ะ ฉันจะติดต่อเขาตอนนี้เลย”
แล้วหยิบมือถือออกมาเพื่อทำการติดต่อพูดคุยกับหวังจงเสวียน หลังจากสนทนาจบแล้วกู้หยุนหลันได้กล่าวว่า “การก่อสร้างจะเริ่มอย่างเป็นทางการในเวลาเที่ยงตรง ถ้าหากใครมีข้อสงสัย สามารถเข้าไปเยี่ยมชมสถานที่ก่อสร้างได้นะคะ”
“คนหนุ่มนำหน้าคนรุ่นเก่าจริงๆ นับวันกู้หยุนหลันมีความสามารถเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นความจริงที่คลื่นลูกใหม่จะดันคลื่นลูกเก่า พวกเราจะต้องถูกพัดไปอยู่บนชายหาดแล้ว”
“หลี่โม่เองก็เก่งมากเช่นกัน ฉันคิดว่าก่อนหน้านี้พวกเราเข้าใจหลี่โม่ผิดไปนะ ดูจากเมื่อสักครู่นี้ที่หัวหน้าถงถ่อมตัวกับเขาขนาดนั้น ฉันเกือบจะคิดว่าตัวเองกำลังฝันไป”
ผู้บริหารหลายคนที่ปกติแล้วมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกู้หยุนหลันต่างพากันพูดจาเลียแข้งเลียขา
ใบหน้าของกู้เจี้ยนกั๋วและกู้เจี้ยนเจียงเปลี่ยนเป็นเลวร้ายอย่างมาก กู้เจี้ยนกั๋วพูดอย่างเซ็งๆว่า “เลิกประชุม!”
กู้หยุนหลันรั้งมือของหลี่โม่เอาไว้แล้วเดินออกจากห้องประชุม พวกผู้บริหารก็กระจัดกระจายแยกกันออกไป
กู้เจี้ยนเจียงพูดด้วยสีหน้าที่บูดบึ้งว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น หัวหน้าถงจะให้เกียรติไอ้ขยะนั้นขนาดนั้นได้ยังไง!”
“ใครจะไปรู้ว่าเกิดขึ้นได้ยังไงล่ะ!”
กู้เจี้ยนกั๋วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างหดหู่แล้วควักบุหรี่ขึ้นมาสูบ
“พี่ใหญ่ ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ เราจะต้องควบคุมอำนาจของพวกเขาให้ได้!”