“คุณคิดว่ายังไง?”
หลี่โม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เย่จงเทียนเดินไปหาหลี่โม่ ส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “บอกตามตรง ผมไม่สามารถมองทะลุความคิดของคุณได้ ผมรู้สึกว่าคุณเป็นคนที่ดื้อ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจมอบของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับคุณด้วย ผมหวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือด้วยดี”
“คุณลองดูได้ ว่าผมจะให้ความร่วมมือด้วยดีหรือไม่ ”
หลี่โม่นั่งอย่างเกียจคร้าน ไม่แสดงเจตนาที่จะทำอะไรแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่เขาพูดออกมา ทำให้ทุกคนคิดว่าหลี่โม่จะไม่ยอมง่าย ๆ
ทหารรับจ้างหันปืนไปที่หลี่โม่ ตอนนี้จุดไฟสีแดงได้รวมตัวกันอยู่บนร่างกายส่วนบนของหลี่โม่ประมาณยี่สิบกว่าจุด
ถ้าเป็นคนอื่นพบเจอกับการสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาคงจะตกใจกลัวแทบแย่ แต่หลี่โม่มองเย่จงเทียนอย่างสุขุมเยือกเย็น ไม่สะทกสะท้านจากจุดไฟแดง
ฉิงจี้เย่ที่อยู่ด้านข้างเห็นแล้วตกใจสุดขีด กังวลว่าจะได้รับอันตรายจากลูกหลง รีบหันกลับไปมองบอดี้การ์ด
เมื่อเห็นบอดี้การ์ดถอยไปข้างหลัง ฉิงจี้เย่กล่าวด้วยความโมโหว่า “ถอยเชี่ยแม่ง! ตอนที่พวกแกถอยไปเคยคิดถึงความปลอดภัยของผมไหม! รีบยกกูไปในที่ที่ปลอดภัย ตอนนี้ขากูเป็นตะคริว! ”
ขาของฉิงจี้เย่เป็นตะคริว ทำให้เขาไม่สามารถเดินได้ ดังนั้นเขาจึงเรียกบอดี้การ์ดให้ยกตัวเองไปหลบในที่ปลอดภัย
ฉากที่ตลกแบบนี้ แต่ไม่ได้ทำให้ใครรู้สึกอยากหัวเราะใด ๆ มีแต่ทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวเหน็บ
บอดี้การ์ดยกฉิงจี้เย่ด้วยความตื่นตระหนก วิ่งหายวับไปกับตา ไปหลบอยู่ที่ข้างหลังของเครื่องโม่ พวกเขารู้สึกว่าแผ่นเหล็กหนาของเครื่องจักรน่าจะสามารถกันกระสุนได้
ฉิงจี้เย่เอามือทั้งสองข้างลูบหน้าอก เมื่อสักครู่ตกใจแทบแย่ แค่เห็นภาพปืนจำนวนมากเล็งมา ก็ทำให้ความดันโลหิตในสมองของฉิงจี้เย่เกือบจะระเบิด
“คนแซ่หลี่นี่ช่างใจกล้าจริง ๆ กล้าที่จะเผชิญหน้ากับคิงทหารเย่ ไม่เห็นหรือว่าเหอปิงถูกจัดการอย่างง่ายดาย ช่างเป็นสุนัขที่ไม่มีตาจริง ๆ”
ฉิงจี้เย่ด่าด้วยความหงุดหงิด เพื่อบรรเทาความกังวลใจของตนเอง
เมื่อเย่จงเทียนเห็นท่าทางสุขุมเยือกเย็นของหลี่โม่ ความชื่นชมได้ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา
“คุณมีความกล้าหาญมาก ผมอยากให้คุณเป็นผู้ช่วย แค่คุณได้รับการฝึกฝนที่ดีอีกสักนิด คุณก็สามารถเป็นมือขวาของผมได้อย่างแน่นอน คุณสนใจไหม?”
“ผมไม่สนใจที่จะร่วมงานกับคนบ้า”
หลี่โม่กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ
“แม่ง แกอยากตายใช่ไหม! คิงทหารเย่ของพวกเราเป็นถึงวีรบุรุษเลือดเหล็ก! ”
“กล้าพูดว่าคิงทหารเย่ของพวกเราเป็นคนบ้า เชื่อหรือไม่ว่าพวกเราสามารถฆ่าคุณได้ทันที”
ทหารรับจ้างตะโกน รู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของหลี่โม่เป็นอย่างมาก
เย่จงเทียนโบกมือ และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณพูดถูก ผมป่วยนิดหน่อย คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงกลายเป็นทหารรับจ้างแทนที่จะเป็นคิงทหาร เพราะผมชอบความตื่นเต้น และชอบท้าทายกับการต่อสู้ที่ยากลำบากทุกประเภท”
“แต่ว่าผมไม่ชอบที่คุณเรียกผมว่าคนบ้า เรียกผมว่าคนบ้าดีเดือดจะดีกว่า คุณมันเป็นเด็กดื้อที่ไม่เชื่อฟัง มากินลูกอมอย่างเชื่อฟังดีกว่า ฮ่า ๆ ๆ”
เย่จงเทียนใช้มือขวาหยิบระเบิด และจับกรามของหลี่โม่ด้วยมือซ้าย
ดวงตาของหลี่โม่หรี่ลง มือขวาของเขาคว้ามือซ้ายของเย่จงเทียนไว้ จากนั้นเขาก็หันเข่าขวาไปด้านข้างเข่าของเย่จงเทียน ทำให้เย่จงเทียนคุกเข่าต่อหน้าเขาทันที
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเมื่อทหารรับจ้างได้สติ เย่จงเทียนก็กลายเป็นโล่มนุษย์ของหลี่โม่
“บัดซบ! แม่ง แกปล่อยคิงทหารเย่เดี๋ยวนี้!”
“เชี่ยแม่งเอ๊ย แกอยากรนหาที่ตายใช่ไหม ทีมที่หนึ่งไปล้อมข้างหลังพร้อมกับผม ล้อมมันไว้!”
ทหารรับจ้างเคลื่อนไหว พยายามช่วยเย่จงเทียน หลี่โม่กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ทุกคนอย่าขยับ ถ้าพวกคุณขยับเขาก็จะกลายเป็นศพ”
“อย่าขยับ ทุกคนอย่าขยับ ฟังคำสั่งเขา”
เย่จงเทียนกล่าวด้วยเสียงที่แหบ
ทหารรับจ้างหยุด และจ้องไปที่หลี่โม่อย่างดุเดือด
ฉิงจี้เย่ เว่ยหย่งและคนอื่น ๆต่างจ้องเขม็ง เพราะเมื่อสักครู่พวกเขาเห็นไม่ชัดว่าหลี่โม่จับเย่จงเทียนได้อย่างไร แค่เห็นร่างกายหลี่โม่ขยับสักครู่ จากนั้นก็เห็นเย่จงเทียนคุกเข่าลงแล้ว
“แม่งฉิบหาย เมื่อสักครู่คนแซ่หลี่ทำได้อย่างไร ไอ้หมอนี้มีฐานะตัวตนอะไรกันแน่”
ริมฝีปากของเว่ยหย่งสั่น และถามด้วยความกลัว
แต่ไม่มีใครตอบคำถามของเว่ยหย่ง ขณะนี้การเคลื่อนไหวของหลี่โม่ราวกับเป็นปริศนา เพราะไม่มีใครสามารถมองเห็นได้ชัดเจน
ฉิงจี้เย่ ถอยหลังสองก้าวและกระซิบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “แม่งฉิบหาย ผมได้ล่วงเกินคนเก่งไปแล้ว เดิมผมคิดว่าเขาเป็นคนอ่อนหัด ไม่คิดว่าจะเป็นราชาที่เหนือราชา แม่งฉิบหายแล้วนี่จะให้คนมีชีวิตอยู่ยังไง?”
ฉิงจี้เย่รู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ในความตื่นตระหนก ฉิงจี้เย่ยังวิตกกังวลว่าหลี่โม่จะมาคิดบัญชีกับตนเอง
ตอนนี้ฉิงจี้เย่เข้าใจทุกอย่างแล้ว คาดว่าหลี่โม่น่าจะมีความคิดที่อยากจะลอบสังหารท่านแปด ดังนั้นเขาจึงตกลงที่จะร่วมในภารกิจนี้ เพื่อที่จะสามารถควบคุมทุกคนในนาทีสุดท้าย และควบคุมให้ทุกคนทำงานถวายชีวิตให้เขา
บุญคุณความแค้นระหว่างตนเองกับหลี่โม่มันคงไม่สามารถลบล้างได้หมด หลี่โม่คงจะจำไว้แต่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้น เมื่องานสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว หลี่โม่อาจจะคิดบัญชีกับตนเอง
ฉิงจี้เย่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามันต้องเป็นเช่นนั้น ยิ่งคิดเขายิ่งอยากจะได้เครื่องรางมาป้องกันตัว
ทันใดนั้นฉิงจี้เย่ก็นึกถึงซีซี ขอแค่จับซีซีไว้ ก็ไม่ต้องมีเครื่องรางแล้ว อย่างน้อยก็สามารถนำมาใช้เพื่อช่วยชีวิตได้ในช่วงเวลาวิกฤติ
ฉิงจี้เย่ไม่ลังเลอีกต่อไป หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วส่งข้อความไปให้ลูกน้องที่สะกดรอยตามซีซี ให้ลูกน้องลักพาตัวซีซีไปยังสถานที่ที่กำหนดไว้ หากหลี่โม่ต้องการแก้แค้นคืนจริง ๆ เขาจะใช้ชีวิตซีซีเจรจากับหลี่โม่
หลังจากส่งข้อความเสร็จ ฉิงจี้เย่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก รู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว เขาจึงก้มลงมอง พบว่าเสื้อผ้าของตนเองเปียกโชก และยังมีเหงื่อออกอยู่ตลอดเวลา ดูเหมือนว่าเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ
“ช่วยพยุงผมหน่อย ผมรู้สึกว่าน้ำตาลในเลือดต่ำ”
ฉิงจี้เย่กล่าวอย่างอ่อนแอ
บอดี้การ์ดพยุงฉิงจี้เย่ ฉิงจี้เย่เอียงศีรษะมองไปยังตำแหน่งที่หลี่โม่อยู่
หลี่โม่คว้าระเบิดที่อยู่ในมือขวาของเย่จงเทียน จากนั้นยัดระเบิดเข้าไปในปากของเย่จงเทียน
“คุณปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างไร คนอื่นก็ปฏิบัติต่อคุณอย่างนั้น คุณลองลิ้มรสไอ้ของเล่นชิ้นนี้ด้วยตนเอง”
“ฮ่า ๆ รสชาติดีมาก ทำยังไงคุณถึงจะยอมปล่อยผม ตานี้ผมยอมแพ้แล้ว” เย่จงเทียนกล่าวอย่างอ่อนน้อม
ขณะนี้การแข็งข้อไม่มีประโยชน์อะไร การรักษาแรงต่อสู้และชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
“ผมจะให้พวกคุณทุกคนฟังคำบัญชาการของผม”
หลี่โม่กล่าวพร้อมกับตบกล่องโลหะเงิน
มีตัวควบคุมระเบิดอยู่ในกล่อง แค่หลี่โม่กระแทกกล่องอย่างแรง ระเบิดในท้องของเย่จงเทียนและคนอื่น ๆ จะระเบิด
ขณะนี้ชีวิตของเย่จงเทียนและคนอื่น ๆ อยู่ในกำมือของหลี่โม่ แม้แต่ทหารรับจ้างก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม เพราะเกรงว่าหลี่โม่จะทุบกล่องโลหะในมืออย่างรุนแรงภายใต้ความเข้าใจผิด
“ผมก็อยากให้อำนาจในการบัญชาการแก่คุณ แต่คุณจะบัญชาการได้อย่างไร? นี่เป็นการต่อสู้จริง ๆ ไม่ใช่การเล่นขายของของเด็ก” เย่จงเทียนกล่าวด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย