หลี่โม่กับกู้หยุนหลันไปบริษัทตั้งแต่เช้าตรู่
เพราะเรื่องการก่อสร้างโรงงานใหม่ ทำให้กู้หยุนหลันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องจัดการในเวลาเดียวกัน หลี่โม่เห็นใจกู้หยุนหลัน เขาไม่อยากให้เธอเหนื่อยเกินไป เขาจึงอาสาที่จะช่วยกู้หยุนหลัน
เมื่อทั้งสองออกมา เหล่าหูปรับเบาะรถโฟล์คสวาเกนที่จดอยู่ข้างทางให้ต่ำลง เพื่อให้ตัวเองนอนราบลงไป ป้องกันไม่ให้หลี่โม่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ
ถึงแม้จะได้ข้อมูลว่าหลี่โม่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่มีคนใช้เงินยี่สิบล้านเพื่อเอาชีวิตของหลี่โม่ นี่มันก็ผิดปกติมากพอแล้ว
ถ้าต้องการจัดการคนธรรมดา เงินยี่สิบล้านเพียงพอที่จะเอาชีวิตคนถึงสิบยี่สิบคน
เหล่าหูเดาว่าก่อนหน้านี้คนที่จ้างเขาต้องหาคนมาจัดการหลี่โม่แล้วแน่ๆ และคนของคนที่จ้างเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นเขาจึงทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อจ้างนักฆ่า
เมื่อเห็นหลี่โม่กับกู้หยุนหลันหายลับไป เหล่าหูค่อยๆ ลงมาจากรถ
เขาหยิบมือถือที่วางอยู่หน้าคอนโซลรถขึ้นมา กดปุ่มหยุดชั่วคราวของรายการที่กำลังบันทึก เขานำวิดีโอที่บันทึกออกมา เหล่าหูเม้มปากดูอย่างตั้งใจ
“ท่าทางการก้าวเดินเหมือนไม่เคยฝึกวิชาอะไรมา การแกว่งแขนก็ดูเหมือนจะทำไปตามใจ หลี่โม่เหมือนคนธรรมดาคนหนึ่ง หรือฉันจะระวังตัวมากเกินไป”
เหล่าหูส่ายหน้าและแค่นยิ้มออกมา เขาหยิบหมวกเบสบอลขึ้นมาสวม และหยิบกระเป๋าเป้ตรงที่นั่งข้างคนขับขึ้นมา
“ทำเรื่องเล็กก็ต้องเตรียมการให้พร้อม ฉันจะไม่ยอมให้งานครั้งสุดท้ายล้มเหลวเด็ดขาด ระมัดระวังอย่าให้พลาดจะดีที่สุด”
เมื่อลงรถและสะพายกระเป๋าเรียบร้อย เหล่าหูมองซ้ายมองขวาและย่องเข้าไปในตึก
เมื่อมาถึงหน้าประตูที่พักของหลี่โม่ เหล่าหูมองเลขห้อง หลังจากที่แน่ใจแล้ว เขาจึงเคาะประตู
“ใครคะ”
เสียงของหวังฟางดังออกมา
“บริษัทแก๊สครับ มาตรวจท่อส่งแก๊สครับ”
เหล่าหูพูดออกมา
“มาตรวจท่อส่งแก๊สเช้าขนาดนี้เลยเหรอ”
หวังฟางบ่นออกมาแล้วเดินไปเปิดประตู
เมื่อมองเหล่าหู ก็เห็นว่าเหล่าหูปกติเหมือนคนทั่วไป ไม่ได้มีความน่ากลัวอะไร หวังฟางจึงถอยหลังให้เหล่าหูเข้ามา
เมื่อเหล่าหูเดินเข้ามาในห้อง ขณะที่หวังฟางกำลังปิดประตู เหล่าหูใช้นิ้วหัวแม่มือกดไปที่เส้นเลือดแดงใหญ่ที่คอของหวังฟางอย่างแรง
เมื่อเส้นเลือดแดงใหญ่ถูกกดเอาไว้ ทำให้หวังฟางอยู่ในสภาวะเลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง ภาพตรงหน้าดับวูบลงทันที
เหล่าหูอุ้มหวังฟางวางลงบนพื้น จากนั้นจึงย่องไปข้างในห้อง
กู้เจี้ยนหมินไม่ได้ยินความเคลื่อนไหวข้างนอก เขาพูดอยู่ในห้องครัวว่า “ใครมาเหรอ ทำไมเปิดประตูแล้วไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย”
เหล่าหูหรี่ตาลง เขามาถึงหน้าประตูห้องครัวอย่างรวดเร็ว เขาแอบอยู่ข้างผนังของประตูห้องครัว
“หวังฟาง”
เมื่อกู้เจี้ยนหมินเรียกแล้วไม่มีใครตอบกลับ เขาวางจานชามที่กำลังล้างลง จากนั้นจึงเดินออกมาจากห้องครัว
เมื่อกู้เจี้ยนหมินเดินออกมาจากห้องครัวเพียงครึ่งก้าว เหล่าหูยื่นนิ้วหัวแม่มือออกไปอย่างรวดเร็ว เขาใช้นิ้วกดไปที่คอของกู้เจี้ยนหมิน
ใช้วิธีเดียวกันทำให้กู้เจี้ยนหมินสลบ เหล่าหูหัวเราะออกมาอย่างได้ใจ เขาลากกู้เจี้ยนหมินออกมาที่ห้องรับแขก เขาหาเก้าอี้สองตัวมาวางคู่กัน เหล่าหูเอาตัวของหวังฟางกับกู้เจี้ยนหมินมัดกับเก้าอี้ และหาผ้าขี้ริ้วมายัดไว้ในปากของทั้งสองคน
“ถ่ายรูปรวมกันหน่อย ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันดี แค่เริ่มก็ราบรื่นขนาดนี้แล้ว ต่อไปคงจะราบรื่นยิ่งกว่านี้แน่นอน”
เหล่าหูถ่ายรูปของสองสามีภรรยาที่โดนมัดเอาไว้ จากนั้นเขาจึงคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาใช้หมายเลขเครือข่ายส่งรูปไปให้กู้หยุนหลันในรูปแบบข้อความ MMS
ตอนนี้กู้หยุนหลันกำลังสรุปอุปกรณ์และวัสดุที่จำเป็นสำหรับการก่อสร้าง เพื่อที่จะเตรียมแบ่งงานให้กับลูกน้อง
เมื่อได้ยินเสียงข้อความ กู้หยุนหลันจึงขมวดคิ้วขึ้นมา หลังจากที่แบ่งแยกงานเสร็จเรียบร้อย กู้หยุนหลันจึงหยิบมือถือขึ้นมาดู
“ทำไมเป็นข้อความ MMS ล่ะ สมัยนี้ยังมีคนใช้อีกเหรอ”
กู้หยุนหลันพึมพำออกมา จากนั้นจึงเปิดข้อความดู
ภาพที่เธอเห็นคือสองสามีภรรยาโดนมัดอยู่บนเก้าอี้ หัวใจของกู้หยุนหลันแทบจะหยุดเต้น เธอมึนงงไปหมด เหมือนวันโลกแตกกำลังจะมาถึง
“พ่อ! แม่! นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
มือถือในมือของเธอสั่นไปหมด น้ำตาของเธอไหลออกมาไม่หยุด
นิ้วของเธอสัมผัสไปที่หน้าจอเพื่อที่จะเลื่อนลงไปดู แต่นิ้วมืออันสั่นเทามันกลับสั่นไม่หยุด จนทำให้เธอไม่สามารถเลื่อนหน้าจอได้
เมื่อคนที่ช่วยส่งเอกสารอย่างหลี่โม่กลับมา เขาเห็นสภาพของกู้หยุนหลันก็เครียดขึ้นมาทันที
“หยุนหลัน คุณเป็นอะไรไป”
เมื่อเห็นหลี่โม่ กู้หยุนหลันจึงปล่อยโฮออกมา “ฮือๆ พ่อแม่ของฉัน พวกเขา พวกเขา…”
“พวกเขาเป็นอะไร อย่าร้อง มีผมอยู่”
หลี่โม่กอดกู้หยุนหลันเอาไว้ เขาตบหลังของเธอเบาๆ เพื่อที่จะปลอบประโลมจิตใจที่แตกสลายของเธอ
เขาหันไปเห็นมือถือที่อยู่บนโต๊ะ และเห็นภาพที่อยู่ในมือถือ หลี่โม่เลิกคิ้วขึ้นมา
เขาหยิบมือถือขึ้นมาดู เขารู้ทันทีว่าพ่อตาแม่ยายกำลังโดนจับตัว
ติ๊ง
เสียงข้อความดังขึ้นมา เหล่าหูที่ไม่เห็นข้อความตอบกลับมา เขาจึงส่งข้อความไปอีก
หลี่โม่เปิดดูข้อความของเหล่าหู
ในข้อความเป็นเบอร์โทรของเครือข่าย ตรงท้ายเขียนว่า ‘ถ้าอยากให้พวกเขามีชีวิตอยู่ รีบโทรไปที่เบอร์นี้’
“คนที่จับพ่อตาแม่ยายของผม ช่างมีความกล้าจริงๆ”
หลี่โม่กดโทรออกไปยังเบอร์โทรของเครือข่าย และรอให้อีกฝ่ายรับสาย
ในที่สุดคนที่รอการตอบกลับอย่างเหล่าหูก็สิ้นสุดการรอคอย เขานั่งไขว่ห้างสูบบุหรี่ จากนั้นจึงขยี้บุหรี่ที่เหลืออีกครึ่งลงบนโต๊ะ
“ฮัลโหล ในที่สุดแกก็โทรกลับมาได้ กว่าจะโทรมา เสียเวลาชะมัด”
เหล่าหูพูดด้วยน้ำเสียงร้ายกาจ
“แกต้องการอะไร”
หลี่โม่ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เสียงของผู้ชายทำให้เหล่าหูอึ้งไป เมื่อมองเบอร์โทรและแน่ใจว่าเป็นเบอร์ของกู้หยุนหลัน
“แกคือลูกเขยสวะของตระกูลกู้อย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ ฉันเอง ทำยังไงแกถึงจะปล่อยตัวพวกเขา”
“เหอะๆ กว่าจะโทรมา เมียของแกคงจะตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเลยสินะ ฮ่าๆๆ”
เหล่าหูหัวเราะอย่างได้ใจ จากนั้นจึงพูดว่า “ในเมื่อแกเป็นคนรับสาย งั้นแกก็มาคุยกับฉันสักหน่อยสิ ฉันอยู่ที่บ้านของพวกแก”
“แต่แกห้ามไปหาสายตรวจ ถ้าฉันรู้ว่าแกไปหาสายตรวจ ฉันจะฆ่าพ่อตาแม่ยายของแก หวังว่าแกจะคิดได้ว่าเรื่องนี้มันหนักหนาแค่ไหน”
“ฉันไม่เรียกสายตรวจหรอก พวกนั้นไม่มีประโยชน์ แต่ว่าแกไม่ต้องการเรียกค่าไถ่เหรอ”
หลี่โม่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เมื่อเหล่าหูได้ยินน้ำเสียงราบเรียบของหลี่โม่ เขารู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
“แกนี่ใจเย็นจริงๆ เลยนะ ยังถามเรื่องเงินค่าไถ่ แต่สิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช่เงิน แต่คือสิ่งสำคัญอย่างอื่น ถ้าแกอยากให้พวกเขามีชีวิตอยู่ แกต้องมาที่นี่คนเดียวภายในเวลายี่สิบนาที”
เมื่อได้ยินเสียงตัดสาย หลี่โม่จึงวางมือถือลง เขาหันไปมองกู้หยุนหลันที่กำลังร้องไห้อยู่
“อีกฝ่ายบอกว่าอะไรเหรอ นายต้องช่วยพ่อแม่ฉันนะ” กู้หยุนหลันถามด้วยตาแดงก่ำ