หม่าเจียเฉิงรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าชั่วพริบตาเดียวเขาได้กลายเป็นพระเจ้าที่สามารถควบคุมทุกอย่างได้ อย่างน้อยในปราสาทแห่งนี้ เขาสามารถควบคุมชีวิตของทุกคนได้ ดังนั้นเขาจึงส่งเสียงอย่างหยิ่งผยอง เพื่อกู้หน้าที่เขาสูญเสียไปก่อนหน้านั้นคืนมา
จางเฉียงแสยะยิ้ม แล้วทำสัญญาลักษณ์มือให้ลูกน้อง กลุ่มลูกน้องบุกเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นรวบรวมกลุ่มเซเลบริตี้ทั้งหมดเข้าด้วยกัน
เสียงกรี๊ดดังขึ้นเรื่อยๆ เซเลบริตี้สาวสวยหลายคนถูกกลุ่มโจรเอาเปรียบ แต่ไม่มีใครสนใจเสียงกรีดร้องของพวกเธอ เพราะทุกคนสนใจแต่ชีวิตของตัวเองเท่านั้น
หวงจื่อเซวียนและคุณชายร่ำรวยจากเมืองฮ่านต่างตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดว่าการแก้แค้นจะเร็วและรุนแรงเช่นนี้
เพียงชั่วพริบตา หม่าเจียเฉิงกลับมาพร้อมกับกลุ่มโจรติดอาวุธได้
เมื่อสักครู่ได้ทำอะไรผิดไปหรือเปล่า?
เมื่อสักครู่เขาควรจะถูกทุบตีและอับอายขายหน้าพร้อมกับหม่าเจียเฉิง ตอนนี้ไม่รู้ว่าหม่าเจียเฉิงจะโกรธเกลียดตนเองอยู่หรือไม่
หวงจื่อเซวียนยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าตนเองจะจบเห่แล้ว
มีคุณชายร่ำรวยจากเมืองฮ่านคนหนึ่งทนไม่ได้จึงลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เฮียหม่า ปล่อยพวกเราไปได้ไหม เมื่อสักครู่พวกเราได้ส่งข่าวแจ้งเบาะแสให้คุณทราบ”
“พวกแก?”
หม่าเจียเฉิงเหลือบมองคุณชายร่ำรวยจากเมืองฮ่านที่ยืนขึ้น และกล่าวเยาะเย้ยว่า “แม่ง เมื่อสักครู่พวกนายวิ่งเร็วกว่ากระต่ายเสียอีก ตอนที่กูถูกเหยียดหยาม ทำไมไม่เห็นพวกแกช่วยพูดอะไร ตอนนี้นึกจะมาสานสัมพันธ์ สายไปแล้ว!”
เปรี้ยง!
กลุ่มโจรยิงปืนใส่คุณชายร่ำรวยหนึ่งนัด คุณชายร่ำรวยล้มลงบนพื้นทันที ร่างกายของเขากระตุกไปทั่ว แล้วก็ฉี่ราดออกมา
หวงจื่อเซวียนรู้ดีว่าตอนนี้หม่าเจียเฉิงอยู่ในสภาวะอารมณ์ที่รุนแรง หากจะสานสัมพันธ์และขอร้องให้เขาปล่อยตนเองไป มันคงสายเกินไปเสียแล้ว
ถ้าเวลานี้มีวีรบุรุษเหยียบสายรุ้งปรากฏตัวออกมา หวงจื่อเซวียนยินดีที่จะใช้ร่างกายเป็นการตอบแทน
แต่เสียดายที่ไม่มีวีรบุรุษปรากฏตัวออกมา หวงจื่อเซวียนทำได้เพียงแค่นั่งยอง ๆ กับกลุ่มเซเลบริตี้ เพื่อรอให้โชคชะตาเป็นตัวกำหนด
หม่าเจียเฉิงกอดไหล่ของจางเฉียงอย่างตื่นเต้น จางเฉียงขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วขยับตัวออก
“เฮียเฉียง คนของคุณสุดยอดจริง ๆ คุณช่วยยืมปืนให้ผมสักกระบอกได้ไหม ฉันจะจัดการไอ้ยาจกด้วยมือของตนเอง”
ไม่มีอะไรดีไปกว่าการลงมือแก้แค้นด้วยตนเอง ตอนนี้หม่าเจียเฉิงคิดที่จะยิงหลี่โม่หลายนัด แล้วให้หลี่โม่ร้องขอความเมตตาอยู่แทบเท้า
จางเฉียงเหลือบมองลิ่วจื่อ แล้วกล่าวด้วยเสียงเยือกเย็นว่า “ส่งปืนสั้นให้คุณชายหม่าหนึ่งกระบอก แต่ว่าคุณชายหม่ายังไม่เคยฝึกการใช้ปืน ผมเกรงว่าคุณจะไม่สามารถทนต่อแรงตีกลับได้ อาจจะทำร้ายตนเองได้”
“ไม่เป็นไร ผมถือปืนด้วยสองมือ ผมแน่ใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนที่เล่นเกมยิงปืน ผมเป็นนักแม่นปืนที่ยิงร้อยนัดก็ถูกร้อยนัด”
หม่าเจียเฉิงกล่าวด้วยความมั่นใจ
ลิ่วจื่อหยิบปืนสั้นออกมาแล้วบรรจุกระสุน จากนั้นก็วางปืนไว้ในมือของหม่าเจียเฉิง
เมื่อหม่าเจียเฉิงถือปืนแล้วก็รู้สึกมีความกล้ามากยิ่งขึ้น ยิ้มและกล่าวว่า “ขอบคุณเฮียเฉียง ในที่สุดผมก็สามารถแก้แค้นได้อย่างสะใจ”
“ไม่ต้องรีบ คนพวกนั้นอาจจะซ่อนตัวอยู่ข้างใน บอดี้การ์ดต่างประเทศที่คุณพูดถึงนั้นค่อนข้างเก่ง ให้คนของผมจัดการบอดี้การ์ดต่างชาติก่อน”
หม่าเจียเฉิงพยักหน้า เห็นด้วยกับการวางแผนของจางเฉียง
จางเฉียงยิ้มและเดินไปหากลุ่มเซเลบริตี้ ดวงตาของเขามองไปในฝูงชน ราวกับว่าเขากำลังมองหาอะไรบางอย่าง
เหล่าเซเลบริตี้ต่างก้มหัว รวมตัวกันด้วยความสั่น เหมือนกับนกกระทาที่กำลังหวาดกลัว
จางเฉียงดึงสาวสวยขึ้นมาคนหนึ่งและใช้ปืนจ่อไปที่ศีรษะของหญิงสาว “คนที่อยู่ข้างในฟังให้ดีนะ ถ้าไม่อยากให้ฉันฆ่าพวกเขาทั้งหมด พวกแกก็ออกมาสักดี ๆ ถ้าพวกแกดื้อรั้นต่อต้าน ฉันก็จะไม่เกรงใจ”
ครัฟฟ์หมอบอยู่ด้านหลังโต๊ะ ได้ยินเสียงของจางเฉียง จึงกล่าวด้วยความตื่นตระหนกว่า “คุณติดต่อตำรวจสายตรวจหรือยัง? แล้วตำรวจสายตรวจจะมาถึงเมื่อไหร่”
หัวหน้าบอดี้การ์ดกล่าวด้วยสีหน้าไม่สู้ดีว่า “โทรศัพท์มือถือไม่มีสัญญาณ ฉันสงสัยว่าพวกเขาได้ตัดสายสัญญาณแล้ว เพื่อตัดการติดต่อสื่อสารของพวกเรา”
“เหี้ย! ถ้าฉันรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เมื่อสักครู่ฉันจะไม่ทำแบบนั้น”
ครัฟฟ์กล่าวด้วยความเสียใจ
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ครัฟฟ์รู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากหลี่โม่ ไม่คิดว่ากลับกลายเป็นการทำเรื่องที่ฉลาดให้กลายเป็นเรื่องโง่ ตอนนี้ชีวิตของเขากำลังเผชิญกับภัยคุกคาม ครัฟฟ์ยังคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่วันนี้เขาจะเสียชีวิตที่นี่
ถ้าพระเจ้าให้โอกาสครัฟฟ์อีกครั้ง ครัฟฟ์จะไม่จัดการหม่าเจียเฉิงเช่นนั้น แต่จะเคารพบูชาหม่าเจียเฉิงเป็นเหมือนปู่
แต่ว่าชีวิตไม่มีโอกาสย้อนไปอีกครั้ง ครัฟฟ์ทำได้เพียงแค่ขดตัวอยู่หลังมุมโต๊ะ และสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
“พวกคุณต้องปกป้องคุ้มครองผม พวกคุณต้องคุ้มครองความปลอดภัยของผม ผมจะเพิ่มโบนัสให้พวกคุณ!”
ครัฟฟ์กล่าวอย่างประหม่า
“เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด”
หลังจากพูดจบ หัวหน้าบอดี้การ์ดก็มองไปที่หลี่โม่กับกู้หยุนหลัน งงกับความนิ่งของหลี่โม่เป็นอย่างมาก
หลี่โม่นั่งอยู่บนโซฟาอย่างสงบ มองสถานการณ์ภายนอก ราวกับว่าเขากำลังดูภาพยนตร์
“คุณหลี่ คุณไม่กังวลเหรอ? ผมคิดว่าคุณควรไปหลบซ่อนข้างหลัง ไม่แน่อีกสักครู่พวกเขาอาจจะกราดยิง” หัวหน้าบอดี้การ์ดกล่าว
เมื่อได้ยินคำว่ากราดยิง มือของกู้หยุนหลันก็จับมือของหลี่โม่ไว้แน่น เธอตกใจจนสมองว่างเปล่าจนคิดไม่ออกเลย
หลี่โม่รู้สึกถึงความกังวลของกู้หยุนหลัน เขาตบหลังมือของกู้หยุนหลันเบา ๆ เพื่อช่วยให้กู้หยุนหลันอารมณ์ผ่อนคลาย
“พวกคุณจะเป็นเต่าหดหัวอยู่ที่นี่หรือ? ช้าเร็วพวกเขาก็ต้องบุกเข้ามาที่นี่”
หลี่โม่พูดอย่างไม่แยแส
หัวหน้าบอดี้การ์ดมองหลี่โม่โดยไม่พูดอะไร รู้สึกว่าหลี่โม่เป็นตัวประหลาด
“พวกเราทำได้เพียงแค่ถ่วงเวลาให้นานที่สุด หวังว่าจะมีคนพบความผิดปกติ และแจ้งตำรวจสายตรวจได้ทันเวลา ทุกอย่างก็แล้วแต่โชคชะตา หากพวกเขาบุกเข้ามาจริงๆ พวกเราทุกคนก็ต้องตายอย่างเดียว”
ครัฟฟ์ตื่นตระหนก ต้องการเดินออกไปยกธงขาวยอมแพ้ เพราะว่าความรู้สึกที่กำลังรอความตายมันช่างแย่จริง ๆ
หลี่โม่ส่ายศีรษะ จากนั้นพากู้หยุนหลันไปที่มุมห้อง ให้กู้หยุนหลันนั่งบนเก้าอี้ตรงมุมห้อง
“คุณรอผมอยู่ที่นี่ ผมจะออกไปเจรจากับพวกเขา”
หลี่โม่กล่าวอย่างจริงจัง
“ไม่! พวกเขามีปืน อีกอย่างเมื่อสักครู่คุณก็ได้ล่วงเกินหม่าเจียเฉิง ถ้าคุณออกไป พวกเขาจะต้อง……….”
กู้หยุนหลันสำลักในขณะที่พูด และไม่สามารถพูดต่อไปได้อีก เพราะว่าในสมองของกู้หยุนหลันได้ปรากฏภาพที่หลี่โม่ถูกยิงสังหารอย่างทารุณ
หลี่โม่ลูบหัวกู้หยุนหลัน และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณต้องเชื่อมั่นในความสามารถของผม สามีของคุณไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นผู้ชายที่เก่งกว่าซูเปอร์แมนเสียอีก”
“คุณอย่าพูดไร้สาระ ถึงซูเปอร์แมนออกไป ก็ไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้หรอก”
กู้หยุนหลันจับแขนหลี่โม่ไว้แน่น ไม่อยากให้หลี่โม่ออกไป
จางเฉียงหมดความอดทน ทำสัญญาลักษณ์มือให้ลูกน้องบุก จากนั้นก็ตะโกนให้หม่าเจียเฉิง
“แม่งฉิบหาย ทำเป็นเต่าหดหัว แม่ง รีบโผล่หัวออกมา มิฉะนั้นกูจะฆ่าพวกมันทั้งหมด!”
หม่าเจียเฉิงตะโกนแล้วโบกสะบัดปืนสั้นที่อยู่ในมือ