ใจของกู้หยุนหลันรู้สึกเย็นยะเยือก เธอเข้าใจถึงความหมายของซเหมินจื้อเผิงแล้ว เขาจะใช้การเจรจาเซ็นสัญญาครั้งนี้เป็นเครื่องมือ ที่จะทำให้หลี่โม่อับอาย
“วันนี้หลี่โม่ไม่สบาย ต้องพักฟื้นอยู่บ้าน ไม่สามารถมาได้”
กู้หยุนหลันหาข้ออ้างมาพูด
“บัดซบ! ไอ้ไร้ประโยชน์ของเธอกลายเป็นผู้รากมากดีตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงกับต้องพักฟื้นอยู่บ้าน ฉันยังไม่มีอารมณ์พักฟื้นเลย แล้วมันจะพักฟื้นอะไรของมัน!”
“ไอ้ไร้ประโยชน์ของเธอถึงแม้จะคลานก็ต้องคลานมาให้ได้ หากทำให้การเจรจาเซ็นสัญญากับคุณซีเหมินหยุดชะงัก พวกเธอทั้งครอบครัวก็ไม่มีปัญญาแบกรับความผิดชอบนี้ไว้ได้!”
“เธอจะเรียกหรือไม่เรียก ถ้าเธอไม่เรียกไอ้ไร้ประโยชน์ของบ้านเธอมา งั้นพวกเราจะโทรเรียกเอง เชื่อว่าถ้าไอ้ไร้ประโยชน์ของเธอได้ยินว่าเกิดเรื่องกับเธอ จะวิ่งเร็วยิ่งกว่าสุนัขอีก”
ทุกคนในตระกูลกู้พูดจาอย่างประชดประชัน ไม่ไว้หน้ากู้หยุนหลันเลยแม้แต่นิดเดียว
กู้หยุนหลันเข้าใจดีว่าแขนไม่สามารถบิดต้นขาได้ ต่อให้ตัวเองไม่โทรหาหลี่โม่ คนอื่นก็ต้องหาข้ออ้างหลอกล่อให้หลี่โม่มา
กู้หยุนหลันจนปัญญา เลยหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาหลี่โม่:“ซีเหมินจื้อเผิงจะมาเจรจาเซ็นสัญญาที่บริษัท เขาเอ่ยชื่อนามสกุลว่าอยากให้คุณมา ฉันว่าคุณอย่ามาเลย”
ได้ยินคำพูดของกู้หยุนหลัน กู้เจี้ยนกั๋วทุบแก้วอย่างโกรธเกรี้ยว ตะคอกด่าว่า:“กู้หยุนหลัน! วันนี้ถ้าไม่ให้ไอ้ไร้ประโยชน์ของบ้านเธอมา เธอจะเจอดีแน่!”
หลี่โม่ได้ยินเสียงตะคอกของกู้เจี้ยนกั๋ว ยิ้มแล้วพูดว่า:“รอก่อนนะ อีกประเดี๋ยวผมก็ถึง”
“แต่ว่า….”
“ไม่มีแต่ว่าอะไร ก็แค่ซีเหมินจื้อเผิง ไม่มีอะไรต้องกลัวหรอก”
หลี่โม่ตัดสาย ใบหน้าเขายิ้มเยาะ
เปลี่ยนชุดเสร็จหลี่โม่ก็รีบออกจากบ้าน ระหว่างทางได้รับสายจากฉู่จงเทียน
“คุณหลี่ นักการค้าอสังหาริมทรัพย์ทางเมืองจินไห่วานให้ลู่เจี้ยนปิน ให้เขาและผมเป็นคนกลาง ติดต่อเพื่อต้องการที่จะขอโทษคุณ”
“ขอโทษ? ถ้าพวกเขาอยากขอโทษก็เชิญ”
หลี่โม่ตอบอย่างเฉยเมย
ฉู่จงเทียนถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วพูดต่อว่า:“แต่พวกเขาไม่รู้จะขอโทษยังไงคุณถึงจะพอใจ คุณว่า?”
“ยังจำซีเหมินจื้อเผิงได้ไหม”
หลี่โม่พลันคิดถึงคนคนนี้
“จำได้ ผมกลับไปสืบมาแล้ว เขาเป็นประธานบริษัทDunhill Group ใช่เจ้าหมอนั้นจะทำร้ายคุณหรือเปล่า?”การคาดเดาของฉู่จงเทียนเกือบชิดใกล้ความจริง
“เดียวเขาจะมาเจรจาเซ็นสัญญากับตระกูลกู้ที่บริษัท ถ้าพวกเมืองจินไห่ได้รู้ความ แล้วยังพอฉลาดอยู่บ้างก็ย่อมรู้ว่าควรทำเช่นใด”
หลี่โม่วางสาย ฉู่จงเทียนขบคิดสักพัก ก็พอจะเดาความคิดคิดของหลี่โม่ได้บ้าง จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาลู่เจี้ยนปิน
ลู่เจี้ยนปินเหอลี่หัวและคนอื่นๆนั่งอยู่ด้วยกัน เมื่อเสียงโทรศัพท์ลู่เจี้ยนปินดังขึ้น เหอลี่หัวและคนอื่นๆก็รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที
ลู่เจี้ยนปินกดรับสายแล้วพูดอยู่สองสามประโยค จากนั้นจึงวางสายแล้วพูดว่า:“ประธานบริษัทDunhill Groupกับคุณหลี่ไม่ถูกกัน ขณะนี้ประธานบริษัทDunhill Groupกำลังจะเจรจาเซ็นสัญญากับตระกูลกู้ ฉู่จงเทียนคาดเดาว่าฝั่งตรงข้ามจะใช้โอกาสนี้เอาเรื่องคุณหลี่ด้วย นี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการขอโทษของพวกคุณ”
เหอลี่หัวและคนอื่นๆรู้สึกประหลาดใจ ไม่คิดว่าประธานบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติจะโผล่ออกมา
“Dunhill Groupขายเกี่ยวกับยาและผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ตระกูลกู้ก็ทำกิจการเกี่ยวกับยา คาดว่าน่าจะเป็นคนอื่นในตระกูลกู้ที่ไปคุยกับทางDunhill Group อย่างนี้ก็เท่ากับว่าทำให้คุณหลี่และภรรยาเสียหน้า พวกเราต้องหาทางช่วยคุณหลี่กู้หน้าคืนมา”
“และต้องหาบริษัทผลิตยาทางการแพทย์ระดับนานาชาติมาร่วมลงทุนกับตระกูลกู้ เรื่องแบบนี้ต้องเสียเงินก้อนโตถึงจะทำได้ ทุกคนคิดว่าควรจะทำอย่างไรดี?”
“คุณหลี่เขาเก่งมาก คาดเดาว่าครั้งนี้คือบททดสอบความจริงใจในการขอโทษของพวกเรา พวกเราจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้เพอเฟคสวยงาม ต้องหาบริษัทผลิตยาทางการแพทย์ยักษ์ใหญ่ระดับนานาชาติไปร่วมลงทุนกับตระกูลกู้ให้ได้”
นักการค้าอสังหาริมทรัพย์เมืองจินไห่ปรึกษาหารือกัน และคิดแผนการเบื้องต้นไว้แล้ว
เหอลี่หัวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สายตามองไปที่ลู่เจี้ยนปิน:“เหล่าลู่ ฉันรู้ว่านายเป็นคนกว้างขวาง ก่อนหน้านั้นลูกๆของพวกเราไม่เคารพนาย ได้โปรดอภัยให้พวกเขาด้วยเถิด ครั้งนี้พวกเราเดือดร้อน นายต้องช่วยพวกเราให้ผ่านพ้นไปด้วยนะ ต่อไปหุ้นของบริษัทเราจะแบ่งให้นาย10%”
สัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ10%ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้ เป็นจำนวนเงินไม่น้อยเลยทีเดียว ถึงแม้บริษัทอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้เป็นแค่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเมืองจินไห่เท่านั้น แต่ละบริษัทนั้นก็มีทรัพย์สินมูลค่านับหลายพันล้านเลยทีเดียว
“หุ้นส่วนนั้นฉันไม่เอาหรอก แค่พวกคุณขอโทษคุณหลี่ด้วยความจริงใจก็พอเเล้ว หากรับหุ้นส่วนจากพวกคุณไปแล้ว จะทำให้คุณหลี่เข้าใจฉันผิดได้” ลู่เจี้ยนปินพูดด้วยรอยยิ้ม
เหอลี่หัวและคนอื่นๆต่างตกตะลึง ไม่คิดว่าลู่เจี้ยนปินจะไม่เอาหุ้นที่ส่งให้ถึงมือของพวกเขา
ลู่เจี้ยนปินนั้นมองออกแล้วว่า หลี่โม่สามารถจัดการกับองค์กรของจางจงหยางอย่างเงียบๆต้องไม่ธรรมดาแน่ และนั้นก็คือพลังงานที่เขาอยากจะไขว่คว้าไว้
จากการคาดการณ์ของลู่เจี้ยนปิน ยศศักดิ์ที่แท้จริงของหลี่โม่ น่าจะสูงระดับประเทศ
“ฉันก็พอมีความสัมพันธ์กับบริษัทผลิตยาทางการแพทย์ยักษ์ใหญ่อยู่บ้าง แต่จะให้เขายอมร่วมหุ้นกับตระกูลกู้ มันไม่ง่ายเลยนะ พวกคุณต้องลงทุนเยอะมหาศาลเลยทีเดียว ไหนลองพูดงบประมาณของพวกคุณมาสิ ฉันจะได้ช่วยประสานงานให้”
เหอลี่หัวและคนอื่นๆปรึกษากันชั่วครู่ สุดท้ายตัดสินใจอย่างเด็ดขาดกับตัวเลขที่ได้
“พวกเราสามารถเอาเงินออกมาได้500ล้านหยวน เต็มที่1000ล้านหยวน! รบกวนเหล่าลู่ช่วยติดต่อที”
“ได้”
ลู่เจี้ยนปินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาติดต่อ จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดว่า:“พวกคุณโชคดีมาก เรื่องที่ประธานบริษัทDunhill Groupมาในประเทศจีน ดึงดูดความสนใจต่อคู่แข่งขันของพวกเขา ฉันติดต่อกับคู่แข่งขันของพวกเขาบริษัทผลิตยาเหิงฮุย ตอนนี้ซีอีโอของเหิงฮุยกำลังเดินทางไปเมืองฮ่าน พวกเรารีบไปต้อนรับกันก่อน แล้วค่อยคุยกันระหว่างทาง”
เหอลี่หัวและคนอื่นๆลุกขึ้นทันที โบกมือเรียกให้คนไปจัดการเรื่องรถรา เตรียมพร้อมเพื่อไปต้อนรับซีอีโอของบริษัทผลิตยาเหิงฮุย
เมื่อเดินผ่านเหอลี่ฉุน เหอลี่หัวทุบไปที่หัวไหล่ของเหอลี่ฉุน:“ยังโง่อยู่ทำไม รีบตามมา ไปคุกเข่าขอโทษคุณหลี่ซะ”
“พวกเรา คุกเข่าและขอโทษแล้ว สองครั้งแล้วด้วย”
เหอลี่ฉุนอยากจะร้องไห้ รู้สึกเสียใจอย่างมาก “**! ไม่เห็นจุดจบของจางจงหยางเหรอ? สองครั้งพอที่ไหน ครั้งนี้ถ้าคุณหลี่ยังไม่พอใจ แกก็จงคุกเข่าต่อหน้าเขาอยู่นั้นแหละ!”
เหอลี่ฉุนและรุ่นลูกคนอื่นๆต่างไม่กล้าพูด รีบลุกขึ้นตามหลังไป
หลี่โม่มาถึงบริษัทอย่างเร่งรีบแล้วเดินตรงไปทางห้องประชุม
กู้ซิงเว๋ยยิ้มอย่างได้ใจพูดขึ้นว่า:“โอ้ นายนี่มันก็เร็วมากเหมือนกันนะ สมแล้วที่วันๆมัวแต่เลียแข้งเลียขาหยุนหลัน กลัวว่าเจ้านายของนายจะเกิดเรื่องเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า”
“เดียวประธานบริษัทDunhill Groupมาเจรจาเซ็นสัญญา นายควรมีมารยาทไว้นะ อย่าได้สร้างเรื่องหรือทำอะไรบ้าๆอีก!”
กู้เจี้ยนกั๋วตวาด
หลี่โม่ไม่ได้สนใจกู้เจี้ยนกั๋วและลูกชาย เดินไปนั่งข้างกู้หยุนหลัน ยิ้มแล้วพูดว่า :“ไม่ต้องหว่ง มีผมอยู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน”
“มีนายอยู่แล้วจะมีประโยชน์อะไร ให้นายทำอะไรก็มีแต่ทำเสียเรื่อง! กู้หยุนหลันเธอควรจะสั่งสอนสั่งสอนไอ้ไร้ประโยชน์ของเธอบ้างนะ ถ้าทำให้ประธานซีเหมินไม่พอใจ พวกเธอทั้งครอบครัวก็รอรับหายนะได้เลย!”
กู้ซิงเว๋ยตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว