สองวันต่อมา
ในห้องประชุม กู้ซิงเว๋ยมองเอกสารในมืออย่างได้ใจ นี่คือเอกสารการเซ็นสัญญา ที่ซีเหมินจื้อเผิงสั่งให้ลูกน้องหลังติดต่อกับกู้ซิงเว๋ยแล้วส่งมาให้
ซีเหมินจื้อเผิงหลังออกจากโรงพยาบาลก็คิดอยู่นานว่า ถ้าอยากกู้หน้ากลับคืนมา ควรต้องเริ่มลงมือจากคนในตระกูลกู้ และต้องทำให้คนในตระกูลกู้ทุกคนยืนเคียงข้างตนเอง เมื่อถึงเวลานั้นถึงแม้จะต้องเผชิญหน้าสถานการณ์การทรยศแค่ไหน
กู้หยุนหลันจะต้องเลือกที่จะทอดทิ้งหลี่โม่อย่างแน่นอน
หากอยากให้ทุกคนในตระกูลกู้ทุกคนต่างยืนเคียงข้างเขา และการที่อยากให้ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับผลประโยชน์อย่างรวดเร็ว ก็คือทั้งสองจับมือร่วมหุ้นกัน
ดังนั้นตอนนี้กู้ซิงเว๋ยจึงหัวเราะได้ใจอย่างมีความสุข
กู้เจี้ยนกั๋วกระแอมไอ2ที สายตากวาดมองกู้เจี้ยนเจียง กู้หยุนหลัน กู้ชิงหลิน แสดงให้เห็นถึงอำนาจและตำแหน่งของเขา
“ช่วงนี้ความคืบหน้าของบริษัทไม่เป็นที่น่ายินดีนัก โดยเฉพาะสัญญาซื้อขายที่เพิ่งเซ็นใหม่ ไม่เพียงยอดไม่เพิ่มขึ้น แต่กลับลดลงด้วยซํ้า กู้หยุนหลันเธอดูแลยังไงของเธอ!”
กู้เจี้ยนกั๋วตบโต๊ะพูด.
“เนื่องจากเดียวนี้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว โรงผลิตของเรามีการอิ่มตัวมากแล้ว หากเรายังคงเซ็นสัญญาต่อไป กำลังการผลิตของเราจะไม่ตรงกับที่ลูกค้าต้องการได้”
กู้หยุนหลันอธิบายอย่างจนปัญญา
ยอดการสั่งซื้อไม่เพิ่มขึ้นก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน เมื่อผลผลิตที่มีตรงตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สัญญาการสั่งซื้อเยอะมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ แต่ควรจะพิจารณาการขยาย หรือเปิดโครงการใหม่ๆ
กู้หยุนหลันได้ส่งรายงานแผนโครงการใหม่มาเป็นเวลานาน แต่กู้เจี้ยนกั๋วก็ยังไม่อนุมัติ แล้วยังละเลยความคิดเห็นของกู้หยุนหลันอย่างไม่ไยดี
“นี่ไม่ใช้ข้อแก้ตัวในการทำงานที่แย่ๆของเธอ! เธอควรจะไตร่ตรองตัวเอง อย่าคิดว่ามีเครดิตเล็กน้อย ก็จะนอนจมอยู่ในเครดิตนั้น!”
กู้เจี้ยนเจียงตำหนิ
“บางคนก็โอ้อวดถือดี คิดว่าการเจริญรุ่งเรืองของตระกูลกู้เราขึ้นอยู่กับความสามารถของเธอ แต่ถ้าพูดถึงความสามารถเธอก็มีความสามารถจริง”
ทุกครั้งที่พูดถึง ‘ความสามารถ`คำนี้ กู้ชิงหลินจะเน้นเสียงเข้ม เพราะอยากให้ความหมายของคำคำนี้มีความหมายที่แตกต่างกันไป
“หยุนหลัน อย่าคิดว่าพวกเราพูดจาไม่น่าฟัง พวกเรากำลังกระตุ้นเธอ กระตุ้นให้เธอมีแรงในการทำงานมากขึ้น”
กู้เจี้ยนกั๋วพูดขึ้นอย่างชิวชิว จากนั้นก็มองกู้ซิงเว๋ยแล้วพูดว่า:“ช่วงนี้การทำงานซิงเว๋ยได้พัฒนาขึ้นมาก บนการขยายกิจการของตระกูลกู้เรานั้น มีความสำคัญอยู่หนึ่งข้อ ซิงเว๋ยนายลองอธิบายแผนการมาดูสิ”
หลังแขวะกู้หยุนหลันแล้ว กู้เจี้ยนกั๋วก็เริ่มอวยลูกชายตัวเอง
กู้ซิงเว๋ยดีใจยิ้มอย่างมีความสุข แล้วก็วางเอกสารไว้กลางโต๊ะห้องประชุม
“นี่คือความตั้งใจของผมและซีเหมินจื้อเผิงนักธุรกิจที่รํ่ารวยของต่างประเทศ และเป็นประธานของบริษัท Dunhill Group ที่มีชื่อเสียงเรื่องยาและผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เอกสารนี่บ่งบอกถึงการร่วมหุ้นลงทุนการสร้างโรงงานผลิตภัณฑ์ระหว่างทั้งสองฝั่ง และทางเราจะเป็นเสาหลักในการผลิตครั้งนี้ให้กับทาง Dunhill Group”
“มียาสองตัวที่ขายดีมาก เขาอนุญาตให้เรามีลิขสิทธิ์ผลิตได้ฟรีสามปี และหลังสามปีค่าลิขสิทธิ์ก็จะคิดไปตามยอดของการขาย ผมคิดว่านี่จะเป็นผลประโยชน์ที่ดีมากสำหรับตระกูลกู้ของเรา”
เมื่อกู้ซิงเว๋ยอธิบายแผนโครงการเสร็จ ก็มองกู้หยุนหลันแล้วยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เขารู้สึกว่าในที่สุดในเรื่องหน้าที่การงานเขาก็สามารถเอาชนะกู้หยุนหลัน และได้เชิดหน้าชูตาครั้งหนึ่ง
เมื่อได้ยินชื่อซีเหมินจื้อเผิง กู้หยุนหลันก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าสถานการณ์แปลกๆ
กู้ชิงหลินพูดอย่างประหลาดใจว่า:“นายนี่ไม่เลวเลย Dunhill Group เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติเลยนะ ไม่ใช่แค่ยาและผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเท่านั้นนะ ยังรวมทั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพหลายอย่างก็ดีเป็นพิเศษ ถ้าได้ร่วมลงทุนกันจริง ตระกูลกู้เราเพียงแค่เสี้ยวนาทีก็โด่งดังแน่นอน”
“ครั้งนี้ซิงเว๋ยทำได้ดีมาก สามารถติดต่อกับประธานบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติได้ ทำงานได้ดีและน่าเชื่อถือ หยุนหลันเธอต้องเรียนรู้จากซิงเว๋ยดีๆนะ”
กู้เจี้ยนเจียงก็เริ่มโอยกู้ซิงเว๋ย
กู้ซิงเว๋ยมองกู้หยุนหลันอย่างร่าเริง ยักคิ้วเเล้วพูดว่า:“หยุนหลัน เธอพูดอะไรบ้างสิ? เธอคิดว่างานของผมมีข้อบกพร่องอะไรไปบ้างไหม? หากมีข้อบกพร่องก็บอกผมมาตามตรง”
เมื่อเห็นกู้หยุนหลันขมวดคิ้วอย่างลำบากใจ กู้ซิงเว๋ยก็ยิ้มกว้าง ราวกับว่าดอกเบญจมาศบานสะพรั่งบนใบหน้าเขา
“ฉันแนะนำว่าสัญญาฉบับนี้ควรจะไตร่ตรองให้ดี ซีเหมินจื้อเผิงเขา……”
กู้หยุนหลันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เงียบไป เพราะหากยังคงพูดต่อไป ก็จะโยงไปเกี่ยวข้องกับเรื่องระหว่างซีเหมินจื้อเผิงและหลี่โม่ หากคนในตระกูลกู้ได้รู้ ตอนนั้นก็จะมีข่าวลือเพิ่มขึ้นอีกมากแน่
“ฮึ่ม!”
กู้ซิงเว๋ยแค่นเสียงเย็นชา แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า:“ไตร่ตรอง? สัญญาที่ได้เปรียบขนาดนี้ยังจะต้องไตร่ตรองอะไรอีก ไม่ใช่ว่าเพราะเธออิจฉาผม เลยคิดที่จะขัดแย้งการเจรจาของผมกับซีเหมินจื้อเผิงหรอกนะ เธอฝันไปเถอะ!”
“เหอะ เหอะ คนบางคนก็ชอบเสแสร้ง ซิงเว๋ยนายต้องเข้าใจหน่อย หยุนหลันเขาสามารถที่จะเลียแข้งเลียขาอยู่ข้างนอกได้ แต่เห็นพวกเราทำตามบ้างเป็นไม่ได้ ใช่ไหมหยุนหลัน”
กู้ชิงหลินมองกู้หยุนหลันอย่างเหยียดหยาม
กู้หยุนหลันเม้นปากอย่างโกรธเคือง เอนหลังพิงเก้าอี้อย่างไร้เรี่ยวแรง
“ไม่ต้องสนใจความคิดเห็นของหยุนหลัน นี่เป็นเรื่องที่ดีมีผลประโยชน์ที่ดีต่อตระกูลกู้ของเรา ซิงเว๋ยนายรีบติดต่อไปทางคุณซีเหมิน และเชิญคุณซีเหมินมาเจรจาเกี่ยวกับการเซ็นสัญญา”
กู้เจี้ยนกั๋วรีบพูดอย่างอดใจรอไม่ไหว
เมื่อคิดถึงจะได้ร่วมงานกับบริษัทDunhill Group กู้เจี้ยนกั๋วก็รู้สึกกระปี้กระเปร่าไปทั้งตัว
กู้ซิงเว๋ยพยักหน้า มองกู้หยุนหลันที่หมดแรงจะค้านอย่างเย้ยหยัน แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา
“สวัสดีครับ คุณซีเหมิน ผมคือกู้ซิงเว๋ยจากตระกูลกู้นะครับ เรียกผมว่าเสี่ยวกู้ก็ได้ครับ”
รอยยิ้มประจบสอพลอเต็มใบหน้าของกู้ซิงเว๋ย
กู้หยุนหลันมองท่าทางประจบสอพลอของกู้ซิงเว๋ยแล้ว ก็หลับตาลง ในใจว่าหลี่โม่นั้นดี ไม่เคยทำตัวเป็นบ่าวประจบสอพลอใคร
ซีเหมินจื้อเผิงได้ยินเสียงประจบสอพลอของกู้ซิงเว๋ยแล้ว จึงถามเสียงเย็นว่า:“สัญญาข้อตกลงดูแล้วหรือ?”
“ดูแล้ว ดูแล้ว สัญญาข้อตกลงของท่านแสดงให้เห็นถึงนํ้าใจของท่านมากๆ ตระกูลกู้เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง พ่อของผมให้ถามว่าท่านจะสะดวกมาเจรจาพร้อมเซ็นสัญญาเมื่อไหร่?”
ริมฝีปากของซีเหมินจื้อเผิงยิ้มขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกว่าความรู้สึกที่คุ้นเคยได้กลับคืนมา ที่มีคนยกย่องเชิดชู และมีคนมาคอยประจบสอพลออีกครั้ง
“อีกสักประเดี๋ยวฉันจะไป แล้วเรามาเจรจาปรึกษาหารือเกี่ยวกับแผนการทำงาน ว่าแต่ฉันต้องการคนสองคนอยู่ในการประชุมด้วย”
ดวงตาของซีเหมินจื้อเผิงฉายแววเล่ห์ลวง
“ท่านอยากให้ใครมาร่วมประชุมด้วยครับ”
“กู้หยุนหลันกับหลี่โม่”
กู้ซิงเว๋ยใจหายแวบ รู้สึกกลัวว่าสถานการณ์จะมีการเปลี่ยนแปลง:“ได้ครับ ผมจะจัดการให้พวกเขามาร่วมประชุมด้วย ว่าแต่ผมอยากจะขอถามว่า ทำไมต้องการให้พวกเขามาร่วมประชุมด้วยครับ”
“ฮึ่ม ฉันอยากดูละครสักตอน นายไปจัดการตามที่ฉันบอก เพราะต่อไปผลประโยชน์ทุกอย่างก็จะตกเป็นของนาย”
กู้ซิงเว๋ยเข้าใจในทันที แล้วมองไปทางกู้หยุนหลันอย่างดีใจ
“ครับผม”
หลังวางหูโทรศัพท์ กู้ซิงเว๋ยยิ้มแล้วพูดว่า:“คุณซีเหมินบอกว่าอีกสักครู่ก็จะมาเจรจาเกี่ยวกับการเซ็นสัญญา แต่เขาต้องการให้หลี่โม่เข้าร่วมประชุมด้วย”
“หยุนหลัน เรียกไอ้ไร้ประโยชน์ของเธอมาสิ” กู้เจี้ยนกั๋วพูดเสียงเย็นชา