“จางจงหยาง ทำไมนายถึงพูดกับคุณหลี่แบบนี้ละ คุณหลี่จำเป็นต้องใช้วิธีบ้าๆพวกนี้มาจัดการกับนายด้วยเหรอ”
ฉู่จงเทียนมองจางจงหยางด้วยสายตาที่เหยียดหยาม
ดูจากสภาพจิตใจที่สติสตางค์ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของจางจงหยางแล้วนั้นก็พอเดาได้ว่า ต้องเกิดเรื่องกับเมืองจินไห่แน่นอน และเป็นเรื่องใหญ่ซะด้วย
จางจงหยางยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วจ่อปืนเล็งไปที่ฉู่จงเทียน:“นายจงคุกเข่าลง! ฉันศูนย์เสียเมืองจินไห่ไป งั้นก็เอาเมืองฮ่านของนายมาชดใช้แทนละกัน ชีวิตของพวกนายอยู่ในกำมือฉัน! ถ้าไม่อยากตายก็จงเชื่อฟังอย่างว่าดีซะ!”
เหล่าลูกน้องที่อยู่หลังจางจงหยางก็รู้สึกถึงความอันตราย จึงกำมีดในมือแน่น และจ้องมองพวกหลี่โม่อย่างระมัดระวัง
ซีเหมินจื้อเผิงรับรู้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป สองมือกุมหัวศีรษะไว้แน่นหลบอยู่มุมขอบกำแพง “คุณท่าน คุณจะฆ่าพวกเขาก็แล้วแต่ชอบ พวกเรากับหลี่โม่ไอ้ขยะนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ขอแค่คุณปล่อยพวกเราไป คุณอยากได้เงินเท่าไหร่ก็ปรึกษาหารือกันได้”
จางจงหยางมองซีเหมินจื้อเผิงอย่างเหยียดหยาม คนใจประซิวอย่างจางจงหยางก็เหมือนมูลสัตว์ก้อนหนึ่ง
“ถ้าแกยังพูดเรื่องไร้สาระอีกสักคำ ฉันเนี่ยแหละจะฆ่าแกเป็นคนแรก”
ซีเหมินจื้อเผิงสั่นสะท้าน และหุบปากไม่กล้าพูดอะไรต่อ
จางจงหยางละสายตาจากฉู่จงเทียน และหันมาทางหลี่โม่ สุดท้ายมาหยุดที่ตัวของกู้หยุนหลัน
“ฉู่จงเทียน นายว่าไอ้ไร้ประโยชน์นี่เป็นคนไม่ธรรมดา? งั้นฉันก็จะลงมือกับไอ้ไร้ประโยชน์นี่ก่อน ไม่สิ น่าจะลงมือกับเมียของไอ้ไร้ประโยชน์นี่ก่อนดีกว่า!”
จางจงหยางเอียงคอแล้วพูดกับหลี่โม่ ด้วยสายตาที่หยาบคายว่า:“แกจะปกป้องเมียของแกไม่ใช่เหรอ วันนี้ฉันจะทำให้แกได้เห็นว่าฉันจะมีความสุขกับเมียแกยังไง ใครก็ได้มาทีสิ ไปจับสาวสวยนั้นมา!”
แววตาอาเมิ่งลุกวาว เขาหัวเราะคิกคิกแล้วเดินไปทางกู้หยุนหลัน“พี่หยางนี่ช่างเข้าใจเล่นจริง สาวสวยผู้นี้หากพี่สนุกพอเเล้วก็อย่าลืมเผื่อแผ่ให้พวกเราบ้างนะ”
“ได้สิ ถ้าฉันเบื่อเมื่อไหร่ ก็ถึงเวลาที่พวกแกจะได้สนุกต่อ”
พูดจบจางจงหยางก็ยิ้มอย่างคนโรคจิต
ขณะนี้ จิตวิญญาณของจางจงหยางนั้นได้ถูกกระตุ้นอย่างมาก ราวกับว่าพร้อมที่จะสู้ตายตลอดเวลา
ซีเหมินจื้อเผิงเหลือบมองอาเมิ่งที่กำลังเดินไปทางกู้หยุนหลัน แล้วหันหน้าหนีไม่กล้ามองอีก เพราะกลัวว่าสายตาของตัวเองนั้นจะทำให้คนร่างใหญ่พวกนี้ยิ่งโกรธเคือง
กู้เจี้ยนหมินและหวังฟางตัวสั่นราวร่อนแกลบ ทั้งสองมีใจที่อยากตะโกนหยุดอาเมิ่ง แต่เพราะความหวาดกลัวและตึงเครียดทำให้ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้
กู้หยุนหลันหลับตาแน่น สองมือกอดหลี่โม่ไว้แน่น ในตอนนี้ในใจกู้หยุนหลันหลี่โม่คือฟางช่วยชีวิต และโลกทั้งใบในตอนนี้ก็มีเพียงหลี่โม่เท่านั้นที่จะช่วยชีวิตเธอได้
“คนสวย มากับฉันอย่างว่าดีเถอะ พี่หยางของพวกเรามักจะอ่อนโยนกับสาวงามเสมอ และรับประกันว่าจะทำให้เธอนั้นมีความสุขที่สุด”
อาเมิ่งพูดพร้อมสายตาที่ลามก
หลี่โม่มองอาเมิ่งด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า:“ไสหัวไป”
“บัดซบ! แกกล้าดียังไงถึงให้ฉันไสหัวไป หรือคิดว่าดาบในมือของฉันเป็นแค่เครื่องประดับตกเเต่งเฉยๆ วันนี้ฉันจะทำให้แกได้รู้ว่าดาบในมือของฉันรวดเร็วแค่ไหน!”
อาเมิ่งกวัดเกว่งดาบในมือ ร่ายดาบออกมาอย่างหล่อเหลา
ขณะที่อาเมิ่งรู้สึกว่าท่าร่ายดาบของเขานั้นดีใช้ได้เลย หลี่โม่ก็เตะใส่กระดูกสะโพกของอาเมิ่ง
“อ๊ากกก!”
อาเมิ่งร้องเสียงโหยหวน และกระเด็นออกไปกระแทกเข้าใส่จางจงหยางที่อยู่ด้านหลังหลังของเขา
จางจงหยางถูกกระแทกจนกลิ้งตกจากรถเข็น เขาใช้ฝ่ามือพยายามคว้าสิ่งของบางอย่าง เเต่ด้วยความตึงเครียดและตกใจนิ้วที่งอของเขาก็เหนี่ยวไกออก
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้น ตามด้วยเสียงร้องที่โหยหวน
ซีเหมินจื้อเผิงกุมต้นขาที่ถูกยิงไว้ ส่งเสียงร้องโหยหวนเหมือนหมูถูกเชือด ในใจครํ่าครวญถึงความขมขื่นในชีวิตของตัวเอง ขนาดหลบอยู่มุมกำแพงยังถูกยิง
หลี่โม่หรี่ตาลง แล้วอุ้มกู้หยุนหลันพุ่งออกไป ขาข้างหนึ่งเหยียบมือที่ถือปืนของจางจงหยางไว้ ส่วนขาอีกข้างหนึ่งเหยียบที่คอของจางจงหยาง
เมื่อจางจงหยางถูกหลี่โม่เหยียบจนไม่สามารถขยับได้ บรรดาเหล่าลูกน้องก็ได้สติ รีบชี้ดาบในมือไปยังหลี่โม่
“แกรีบเอาขาออกซะ อย่าได้ทำอะไรลูกพี่ของพวกเรา!”
“พวกเรา แกอยากรนหาที่ตายนักเหรอ ถึงกล้าทำร้ายลูกพี่ของพวกเรา หากแกยังกล้าลงมือทำร้ายลูกพี่ของเราอีกครั้ง พวกเราก็ฆ่าคนพวกนี้ซะ!”
เหล่าลูกน้องของจางจงหยางรู้สึกหวาดกลัว ถึงแม้จะทำเป็นปากดี แต่ในใจนั้นเริ่มคิดที่จะถอยหลัง
เมืองจินไห่ได้สูญเสียไปแล้ว ลูกพี่ก็ถูกคนเหยียบอยู่ตรงหน้า ดูยังไงก็เหมือนทั้งกองทัพจะถูกทำลายให้สิ้นซาก
กู้เจี้ยนหมินและหวังฟางจ้องมองดูอิริยาบถที่สุดเท่ของหลี่โม่ ดวงตาเบิกกว้างคล้ายจะหลุดออกมา ปากของทั้งสองส่งเสียงฮึดฮัด อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็พูดไม่ออกเลย
กู้หยุนหลันถอนหายใจอย่างโล่งอก ความหวาดกลัวนั้นได้หายไป แล้วพบว่าตัวเองถูกอุ้มไว้ในอ้อมกอดหลี่โม่
เมื่อกี้เขาอุ้มฉันพุ่งออกมาจากที่นั่นด้วยท่านี้เหรอ?
พระเจ้า ช่างน่าอายจริงๆ!
ใจของกู้หยุนหลันเต็มไปด้วยความเขินอาย แก้มหน้าที่เขินแดงของกู้หยุนหลันขยับเล็กน้อย แล้วกระซิบข้างหูหลี่โม่ว่า:“รีบปล่อยฉันลงได้แล้ว”
หลี่โม่อมยิ้มแล้วมองกู้หยุนหลัน ก่อนจะวางกู้หยุนหลันลงกับพื้นอย่างเบาๆ
จางจงหยางมองหลี่โม่ด้วยสายตาที่ดุร้าย มือซ้ายนั้นจับข้อเท้าของหลี่โม่ไว้แน่น เพื่อจะให้ขาหลี่โม่ที่เหยียบคอเขาไว้ออกไป แต่ใช้พลังทั้งหมดที่มียังไง จางจงหยางก็ขยับไม่ได้สักนิด
“ปล่อย ปล่อยฉัน ไม่ ฉันไม่ไหวแล้ว”
เนื่องจากการขาดออกซิเจน สีหน้าของจางจงหยางนั้นแดงกํ่า
เท้าที่เหยียบมือขวาของจางจงหยางนั้นบดขยี้อย่างแรง หลี่โม่ยิ้มเล็กน้อยให้จางจงหยาง แล้วพูดด้วยนํ้าเสียงที่นุ่มนวล:“แค่นี้ ก็ทนไม่ไหวแล้วเหรอ? เมื่อกี้ยังเก่งอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
เสียงกระดูกแตกหักได้ดังออกมา กระดูกขวามือของจางจงหยางถูกหลี่โม่เหยียบจนแตกละเอียด
“อ๊า…”
จางจงหยางร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา ในใจเริ่มสำนึกผิด
เหล่าลูกน้องของจางจงหยางเห็นรอยยิ้มของหลี่โม่แล้ว ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พวกเขารู้สึกว่าหลี่โม่ก็คือคนโหดเหี้ยมเหมือนในตำนานที่กล่าวไว้ว่า พูดจาอ่อนโยน แต่กลับทำเรื่องโหดร้าย และต้องโหดร้ายกว่าลูกพี่พวกเขาแน่นอน
ฉู่จงเทียนเดินมาหาหลี่โม่ โค้งคำคล้ายกับว่าเป็นพ่อบ้านเก่าแก่ของหลี่โม่แล้วพูดว่า:“คุณหลี่ เดียวผมให้คนมาจัดการพวกเขาเอง”
“ไม่ต้องหรอก มีคนมาจัดการพวกเขาแล้ว”
ทันทีที่หลี่โม่พูดจบ ก็มีกลุ่มตำรวจหน่วยงานลาดตระเวนบุกเข้ามา และได้เกิดการปะทะกันขึ้นกับเหล่าลูกน้องของจางจงหยางที่รอบๆ ลูกน้องทุกคนถูกจับ ไม่นานนักกลุ่มตำรวจหน่วยงานลาดตระเวนก็ได้บุกเข้ามาถึงในห้อง จางจงหยางและเหล่าลูกน้องทั้งหมดถูกควบคุมตัวไว้ได้
ใจของจางจงหยางหวาดกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เขามองหลี่โม่อย่างตื่นตระหนกแล้วตะโกนพูดว่า:“ไว้ชีวิตฉันด้วย คุณหลี่ได้โปรดไว้ชีวิตฉันด้วย ฉันมีความลับ ฉันมีความลับอย่างใหญ่หลวงจะบอกคุณ!”
ผู้ตรวจการที่พาทีมมาเหลือบมองไปหลี่โม่ หลี่โม่ส่งสายตาให้ ผู้ตรวจการของทีมก็เข้าใจทันที เข้าใจว่าให้ทำตามที่เคยคุยไว้
“จับไปให้หมด กล้าก่อกวนพ่อค้าที่รํ่ารวยมหาศาลระดับนานาชาติอย่างคุณซีเหมิน พวกนายไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม!”
ผู้ตรวจการทีมตะโกนพูดด้วยเสียงเกรงขรึม
ทันใดนั้น ซีเหมินจื้อเผิง กู้เจี้ยนหมิน หวังฟางต่างตกตะลึง สีหน้าสงสัยมองไปทางผู้ตรวจการ