เฮียหลงรู้สึกกลัวจนขี้ขลาดตาขาว ภาพที่อยู่ตรงหน้าใครเห็นก็ต้องกลัวจนขี้ขลาดตาขาวเช่นกัน
ขณะที่หลี่โม่ตวัดมือไม่หยุด เฮียหลงกำลังลังเลว่าจะคุกเข่ายอมแพ้โดยตรงดีหรือไม่
อย่างไรเสียคนที่อยู่ตรงหน้า เป็นยอดฝีมือที่ไร้เทียมทาน ถ้าคุกเข่าให้ยอดฝีมือเช่นนี้ถือว่าไม่ขายหน้า
เฮียหลงหาข้ออ้างให้ตนเองอยู่ในใจ
หลี่โม่เดินมาทีละก้าว ด้วยใบหน้าที่สงบไร้ความรู้สึกใด ๆ ในใจเฮียหลงรู้สึกเย็นยะเยือก
ตุ๊บ
เฮียหลงคุกเข่าลง และพูดด้วยเสียงคร่ำครวญว่า “พี่ใหญ่ ไว้ชีวิตด้วย ผมจะไสหัวออกไปจากที่นี่ตอนนี้เลย ขอแค่พี่ใหญ่ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย”
“ถ้าแกไม่เจ็บเหมือนลูกน้องของแก? มันไม่ดีมั้ง”
หลี่โม่พูดหยอกเย้า
เฮียหลงอยากจะร้องไห้ เมื่อมองดูหน้าตาที่น่าสงสารของลูกน้อง เกรงว่าพวกเขาจะต้องนอนโรงพยาบาลหลายเดือน เฮียหลงไม่ต้องการให้ตนเองเป็นเช่นนั้น
“พวกเขาต้องไปโรงพยาบาล ยังไงซะก็ต้องมีคนหนึ่งคอยดูแลพวกเขา พอดีผมเป็นคนที่คล่องแคล่วว่องไวเหมาะสำหรับจะดูแลพวกเขา ขอพี่ใหญ่ได้โปรดไว้ชีวิตของผมด้วย”
เฮียหลงรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น ไม่มีความหยิ่งผยองเหมือนก่อนอีกต่อไป กลับรู้สึกต่ำต้อยเหมือนผงธุลี
หลี่โม่ยิ้มเยาะเย้ย ใช้เท้าเตะไปที่อกของเฮียหลง
“ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับลูกน้อง เช่นนี้ถึงจะเป็นพี่ใหญ่ที่ดี”
เฮียหลงจับหน้าอกตนเอง กลิ้งกระเด็นออกไปไกล รู้สึกว่าหัวใจของเขาโดนหลี่โม่เตะจนเกือบจะระเบิด เจ็บจนส่งเสียงไม่ออก
หลี่โม่ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วโทรหาฉู่จงเทียน
“จัดการเรียบร้อยแล้ว ออกมาเถอะ”
“ขอบคุณนายน้อย ขอบคุณนายน้อยที่ช่วยชีวิต”
ฉู่จงเทียนขอบคุณเขาครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความตื้นตัน ถ้าหลี่โม่มาไม่ทัน ฉู่จงเทียนจะต้องตายในวันนี้แน่นอน
ฉู่จงเทียนไม่ได้พูดอะไรมากมาย ถ้าพูดมากจะเหมือนไม่มีความจริงใจ เขาหมายมั่นปั้นมืออยู่ในใจ ต่อไปเขาจะเป็นทาสรับใช้ของหลี่โม่โดยไม่บ่นสักคำ และสามารถตายแทนหลี่โม่ได้
ฉู่จงเทียนพาบอดี้การ์ดของเขาออกจากเซฟเฮาส์ พวกบอดี้การ์ดคุ้มกันฉู่จงเทียนออกจากเซฟเฮาส์ อย่างระมัดระวัง
เมื่อมองพวกอันธพาลที่นอนอยู่นอกโกดัง บอดี้การ์ดของฉู่จงเทียนต่างก็ตกตะลึง
บอดี้การ์ดพวกนี้รู้ดีว่า คนของเฮียหลงโหดเหี้ยมแค่ไหน อีกอย่างบอดี้การ์ดพวกนี้ไม่ใช่ว่าจัดการได้ง่าย ๆ พวกเขาเป็นพี่น้องที่ร่วมเป็นร่วมตายกับฉู่จงเทียนมาหลายปีแล้ว เคยต่อสู้และเผชิญอันตรายมาแล้วมากมาย
“ท่านเทียน ท่านนี้มีภูมิหลังอะไรกันแน่ ไม่น่าเชื่อว่าคนเดียวสามารถจัดการคนจำนวนมากขนาดได้”
ฉู่จงเทียนกระซิบ “ต้องให้ความเคารพนอบน้อมคุณหลี่”
บอดี้การ์ดตกตะลึงเล็กน้อย แล้วพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงกัน
หลี่โม่สามารถจัดการคนเป็นกลุ่มได้ ไม่เคารพนอบน้อมไม่ได้แล้ว ถ้าไม่เคารพเขาก็คือรนหาที่ตาย มีตัวอย่างให้เห็นมากมายอยู่ตรงหน้านี้แล้ว
“สวัสดีครับคุณหลี่ ขอบคุณ คุณหลี่ที่ช่วยชีวิตครับ”
ฉู่จงเทียนพาบอดี้การ์ด โค้งคำนับให้หลี่โม่เพื่อเป็นการขอบคุณ
หลี่โม่โบกมือ แล้วพาฉู่จงเทียนและคนอื่นๆ เดินมุ่งหน้าไปที่ถนนของหมู่บ้าน
“คนพวกนี้ไม่ใช่ลูกน้องของจางจงหยาง แต่เป็นลูกน้องของไอ้คนนั้นที่อยู่เมืองเอก คุณรู้สถานการณ์ของบุคคลนั้นหรือเปล่า”
หลี่โม่ถาม
ฉู่จงเทียนตอบอย่างรีบเร่งว่า “เฮียฟาที่เมืองเอก เขามีชื่อว่าฉู่ฉาวฟา เดิมทีทำธุรกิจด้านการขนส่ง ต่อมาได้กลายเป็นโจรก่ออาชญากรรมชิงทรัพย์ผู้ขับขี่บนท้องถนนจนร่ำรวย ปัจจุบันครอบครองอุตสาหกรรมลอจิสติกส์ส่วนใหญ่ในเมือง”
“ดูเหมือนว่าจางจงหยางบากหน้าไปพึ่งพาอาศัยฉู่ฉาวฟาแล้ว เมื่อก่อนไอ้หมอนั้นอยากจะมาขยายอาณาเขตในเมืองฮ่าน ถูกผมขัดขวางเอาไหว้ หลายปีที่ผ่านมาก็ไม่ได้ให้โอกาสเขา ตอนนี้ถ้าเขากับจางจงหยางร่วมมือกัน…….”
ฉู่จงเทียนรู้สึกกังวลเล็กน้อย ถ้าต้องเผชิญหน้ากับจางจงหยาง ฉู่จงเทียนยังคงมั่นใจว่าจะชนะ แต่ถ้าฉู่ฉาวฟาสนับสนุนจางจงหยาง ฉู่จงเทียนไม่มั่นใจว่าจะชนะได้
“คุณเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของพวกเขา ถ้าพวกเขากล้าเข้ามาในเมืองฮ่าน ผมจะสั่งสอนพวกเขาเอง”
หลี่โม่กล่าวอย่างราบเรียบ
ฉู่จงเทียนเลิกคิ้วด้วยความปีติยินดี ถ้ามีหลี่โม่ เหมือนกับมีเครื่องรางช่วยชีวิต ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีกต่อไป
“คุณไม่ต้องห่วง ผมจะเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของพวกเขา และรายงานให้คุณทันเวลา”
บอดี้การ์ดของฉู่จงเทียนโทรศัพท์เรียกรถ ไม่นานก็มีขบวนรถมารับหลี่โม่กับฉู่จงเทียนและคนอื่นๆ กลับเข้าไปในเมือง
เมื่อเฮียหลงเห็นขบวนรถขับออกไป เขาก็กัดฟันและลุกขึ้นนั่ง
สามารถลุกขึ้นนั่งได้ ถือเป็นขีดความสามารถสูงสุดที่เฮียหลงทำได้ในตอนนี้ เพราะตอนนี้แม้อยากจะยืนขึ้นก็ไม่สามารถยืนขึ้นได้
“ไอ้สุนัขแก่ฉู่จงเทียน มีคนที่เก่งขนาดนี้อยู่ข้างกายตั้งแต่เมื่อไหร่ เรื่องนี้พังหมดแล้ว ไม่รู้จะรายงานเฮียฟายังไงดี ต้องรีบติดต่อจางจงหยางก่อน”
เฮียหลงไม่กล้ารายงานเรื่องนี้กับฉู่ฉาวฟาโดยตรง ถ้าเพราะเรื่องนี้ทำให้ตนเองถูกตราหน้าว่าทำงานไม่ได้เรื่อง จะต้องมีคนไม่น้อยที่คอยซ้ำเติม
เฮียหลงล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา และกดหมายเลขของจางจงหยางอย่างอ่อนแรง “แม่งไอ้สารเลว แกให้ข้อมูลเท็จแก่ฉัน ข้างกายฉู่จงเทียนมียอดฝีมือไร้เทียมทานอยู่ด้วย!”
จางจงหยางที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลตะลึงไปชั่วครู่ หลายปีที่ผ่านมาจางจงหยางได้เฝ้าดูสถานการณ์ของฉู่จงเทียน รู้สถานการณ์บอดี้การ์ดของฉู่จงเทียน อย่างละเอียด ข้างกายเขาไม่มียอดฝีมือไร้เทียมทานแน่นอน
หากไม่ใช่เพราะได้รับบาดเจ็บจากการแทง3ครั้ง 6รู(แทงทะลุต้นขา3ครั้ง) จางจงหยางคงจะพาคนไปซุ่มโจมตีฉู่จงเทียนด้วยตนเอง
“เฮียหลง คำพูดของคุณนั้นไร้สาระ ฉันจะให้ข้อมูลเท็จแก่คุณได้อย่างไร”
จางจงหยางถามอย่างสงสัย
“ฉิบหาย คุณส่งคนไปดูที่โกดังในหมู่บ้านหวงเย่น ฉันและลูกน้องถูกยอดฝีมือข้างกายของฉู่จงเทียนทำร้ายบาดเจ็บสาหัส มีดมาเชเต้และกระบองที่พวกเราใช้ถูกไอ้ยอดฝีมือหักเป็นสองท่อน!”
“ฉันยังไม่ได้รายงานให้เฮียฟารู้ ตัวคุณเองต้องไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ว่าควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี ถ้าคุณทำได้ไม่ดี อย่าโทษเฮียฟาของเราไม่เกรงใจคุณ”
เฮียหลงคำราม
จางจงหยางขมวดคิ้ว กำลังจะพูด มีเสียงดังตุ๊ดออกมาจากโทรศัพท์แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายวางสายแล้ว
“จะมียอดฝีมือได้ยังไง เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
จางจงหยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงให้ลูกน้องของเขาไปดูสถานการณ์ที่หมู่บ้านหวงเย่น แล้วค่อยสืบดูว่ายอดฝีมือลึกลับที่อยู่ข้างกายฉู่จงเทียนคือใคร
เฝิงจื่อฉายลูบคางแล้วกล่าวว่า “เรื่องฉู่จงเทียนล้มเหลวแล้ว? พวกเราไปเมืองฮ่านดีไหม ตอนนี้ธนาคารได้ส่งจดหมายระงับสินเชื่อเงินกู้ให้ตระกูลกู้แล้ว คิดว่าตอนนี้ตระกูลกู้คงจะวุ่นวาย พวกเราไปที่นั่นเพื่อเหยียดหยามไอ้เศษสวะก่อน ถือว่าเป็นดอกเบี้ยแล้วกัน”
จางจงหยางไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่ามันเป็นวิธีที่ดี ฉู่จงเทียนได้รับการคุ้มครองจากยอดฝีมือ มันคงยากที่จะจัดการเขาในชั่วครู่ชั่วยาม งั้นก็ลงมือจัดการที่ธุรกิจก่อน
“งั้นคุณก็เตรียมตัวกันก่อน พวกเราพาบอดี้การ์ดไปเยอะหน่อย ทำให้ไอ้เศษสวะคนนั้นขายหน้า อย่าลืมถ่ายวิดีโอแล้วส่งมาให้ฉันดูด้วย”
“ฮ่า ๆ ๆ เฮียหยางไม่ต้องห่วง ฉันจะบันทึกวิดีโอที่ไอ้เศษสวะเรียกฉันว่าคุณปู่แล้วส่งมาให้คุณดู แล้วก็พากู้หยุนหลันกลับมาด้วย พวกเราจะได้มีความสุขกันทั่วหน้า”
เฝิงจื่อฉายหัวเราะอย่างถ่อยหลังจากพูดจบ ส่วนจางจงหยางยิ้มอย่างมีความสุข
“ฉันจะโทรหาพวกเหอลี่ฉุน เฮียหยางรอฟังข่าวดีจากฉัน”
เฝิงจื่อฉายกล่าวอย่างอวดเก่ง