บทที่ 249 ภรรยาของคุณอยู่ที่ผม
พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า แสงสีแดงอมทองส่องประกายเมฆบนขอบฟ้าทำให้ผู้คนมองแล้วรู้สึกเต็มไปด้วยความหวัง
กู้หยุนหลันขับรถตรงไปที่บริษัทตั้งแต่เช้า และเมื่อเธอเดินเข้าไปที่หน้าประตูบริษัทเธอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นประตูกระจกที่แข็งแรงทุกทุบจนแตกละเอียด
เกิดเรื่องหรือ!
ความคิดแรกของกู้หยุนหลัน
โดยที่ไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นๆ กู้หยุนหลันก็รีบตรงเข้าไปในบริษัททันที
ด้านในบริษัทก็เละเทะและมีร่องรอยของการถูกทุบตีอยู่เต็มทุกที่
กู้หยุนหลันรู้สึกใจหายมาก เธอเข้าใจว่ามันต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นบริษัทคงไม่ถูกทำลายเช่นนี้ อีกอย่างคนที่ลงมือทำลายต้องเป็นคนที่ชั่วร้ายอย่างแน่นอน
จากนั้นหยุนหลันก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อเตรียมจะโทรแจ้งความ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลังของเธอ
กู้หยุนหลันรีบหันหลังมองไปด้วยความตื่นตระหนกและเธอก็ได้เห็นร่างของเหล่าไป๋
เหล่าไป๋เดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและมีรอยแผลเป็นรูปตะขาบอยู่บนใบหน้าของเขาซึ่งดูแล้วน่ากลัวมาก
“คนสวย คุณก็คือกู้หยุนหลันสินะ ผมรอคุณนานแล้วนะ”
“คุณ คุณเป็นใคร ทำไมต้องทำลายข้าวของบริษัทเราด้วย!”
กู้หยุนหลันพูดไปด้วยและเดินถอยหลังไปด้วย มือที่ถือโทรศัพท์ก็สั่นจนกดหมายเลขโทรศัพท์ไม่ได้
“อย่าดิ้นรนไปเลย เชื่อฟังผมดีกว่า จะได้ทนทุกข์น้อยลง อย่าพยายามสร้างปัญหาให้ผมนะ ไม่อย่างนั้นอย่างหาว่าผมไม่เกรงใจล่ะ”
เหล่าไป๋เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว จากนั้นจับด้านหลังคอเสื้อของกู้หยุนหลันเหมือนนกอินทรีที่จับไก่และยกกู้หยุนหลันขึ้น
กู้หยุนหลันพยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถ แต่ฝ่ามือของเหล่าไป๋ก็ยื่นมาอยู่ตรงหน้าของกู้หยุนหลัน
“ถ้าไม่เชื่อฟังผมจะตบหน้าคุณนะ”
ต่อหน้าฝ่ามือที่เต็มไปด้วยบาดแผลนั้น กู้หยุนหลันก็ไม่กล้าขัดขืนในทันที
เหล่าไป๋จับกู้หยุนหลันแล้วลากเธอไปที่ห้องประชุมของบริษัท โต๊ะและเก้าอี้ในห้องประชุมก็ถูกผลักออกไปที่มุมห้องและสมาชิกครอบครัวตระกูลกับพนักงานระดับสูงของบริษัทก็นั่งอยู่บนพื้นอันกว้างของห้องประชุม
กู้หยุนหลันมองไปรอบๆ ก็เห็นกู้เจี้ยนกั๋ว กู้เจี้ยนเจียง กู้ซิงเว๋ยและคนอื่นๆ กำลังนั่งกุมศีรษะด้วยตัวที่สั่นเทา
“หาเชือกมามัดคนสวยคนนี้ติดเก้าอี้”
เหล่าไป๋พูดอย่างเสียงดัง
ลูกน้องคนหนึ่งลากเก้าอี้มา จากนั้นเหล่าไป๋ก็ปล่อยกู้หยุนหลันนั่งลงบนเก้าอี้และมัดเธอติดไว้กับเก้าอี้
เหล่าไป๋แย่งโทรศัพท์จากมือของกู้หยุนหลันและเปิดดูข้อมูลในโทรศัพท์นั้น
“เบอร์โทรศัพท์ของไอ้สามีกระจอกของเธออยู่ไหน”
เหล่าไป๋เหลือบมองกู้หยุนหลัน
กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆ ที่ได้ยินคำพูดของเหล่าไป๋ก็มองไปที่กู้หยุนหลันและรู้สึกว่าหลี่โม่กับกู้หยุนหลันสร้างปัญหาให้พวกเขาอีกแล้ว
“ถามจริงพวกเธอสองผัวเมียทำอะไรเป็นบ้าง วันๆ เอาแต่ก่อเรื่องสร้างปัญหาให้คนอื่น แล้วครั้งนี้ไปเหยียบเท้าใครอีก!”
“พวกเขาบุกมาถึงบริษัทเลยเห็นมั้ย ยังจับพวกเราไว้อีก เธอจะอธิบายหน่อยไหมกู้หยุนหลัน!”
“ผมว่าแล้วไอ้กระจอกหลี่โม่มันเก็บไว้ไม่ได้ ดูสิ ตั้งแต่มันเข้ามาอยู่บ้านเราสร้างปัญหาให้พวกเราไม่รู้กี่ครั้งแล้ว!”
กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆ ต่างก็ตะโกนพูดด้วยความโกรธ
กู้หยุนหลันรู้สึกงุนงง เพราะช่วงนี้หลี่โม่ไม่ได้มีปัญหากับใครเลย แล้วคนกลุ่มนี้เธอก็ไม่รู้จักด้วย สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“พวกคุณเป็นใคร ต้องการอะไร?”
กู้หยุนหลันพยายามถามอย่างใจเย็น
“คนสวยไม่รู้จริงๆ เหรอ?”
เหล่าไป๋ยิ้มและนั่งลงบนเก้าอี้และมีลูกน้องยื่นบุหรี่หงต้าซานมาให้เขา “เขาบอกกันว่ามีแต่คนสมองเสื่อมที่เป็นคนขี้ลืม แต่นี่คนสวยก็เป็นคนขี้ลืมเหมือนกันเหรอ”
“ฉันไม่เคยรู้จักพวกคุณมาก่อนเลย พวกคุณเป็นใคร แล้วทำแบบนี้ทำไม!”
กู้หยุนหลันตะโกนเสียงดัง
“เหอะๆ ในเมื่อคุณจำไม่ได้ก็ช่างมันเถอะ แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับคุณและมันก็เกี่ยวข้องกับสามีที่ไร้ประโยชน์ของคุณด้วย ส่วนคนอื่นๆ ที่อยู่ที่นี่ก็ถือว่าซวยไปก็แล้วกัน”
เหล่าไป๋พูดด้วยสีหน้าเย้ยหยัน เขาจงใจแกล้งกู้หยุนหลันเพื่อสร้างความสุขให้กับตน เพราะน้อยนักที่เขาจะได้เจอกับสาวสวยแบบนี้
“กู้หยุนหลัน เธอกับหลี่โม่ไปทำอะไรไว้! พวกเธอจะทำอะไรก็ช่างแต่อย่าเอาพวกเราไปยุ่งเกี่ยวด้วยสิ!”
กู้ซิงเว๋ยตะโกนด้วยความโกรธ
ตอนนี้พวกเขาถูกจับโดยคนร้ายกลุ่มนี้ แล้วถ้าคนร้ายกลุ่มนี้เกิดบ้าคลั่นขึ้นมาจริงๆ ทุกคนที่ถูกจับก็คงต้องถูกฆ่าแน่นอน!
กู้หยุนหลันได้แต่ส่ายหัวและไม่มีคำตอบสำหรับความโกรธของกู้ซิงเว๋ย เพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
ณ ตอนนี้เรื่องของคุณโอหยางและเรื่องของคุณชายซูก็ผุดขึ้นในความคิดของเธอ
แต่กู้หยุนหลันคิดว่าเรื่องเหล่านี้มันจบไปแล้ว ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวข้องด้วย
แล้วนอกเหนือจากเรื่องเหล่านี้กู้หยุนหลันก็คิดไม่ออกจริงๆ ว่ามีเรื่องอะไรอีก
เมื่อเห็นกู้หยุนหลันสีหน้าซีดเซียว เหล่าไป๋ก็พ่นควันบุหรี่ใส่เธออย่างมีความสุข
กู้หยุนหลันที่ได้รับควันฉุนก็สำลักอย่างไม่หยุด
“แหม ๆ คนสวยไม่ชินกับควันบุหรี่แหะ ดูรูปลักษณ์อันบอบบางของคุณแล้วผมอยากลองลิ้มรสดูจริงๆ แต่ไม่ได้หรอก ผมรับงานจากคนอื่น แค่ได้แกล้งคุณก็พอแล้ว”
เหล่าไป๋แกล้งจนพอใจ จากนั้นหยิบโทรศัพท์ของกู้หยุนหลันขึ้นมาแล้วเปิดดูประวัติสายที่โทรออก
“ผมจะเรียกสามีกระจอกของคุณมาที่นี่ แต่ผมจะให้เวลาเขาแค่สิบนาทีเท่านั้น ถ้าสายแม้แต่นาทีเดียว ผมจะเลือกคนใดคนหนึ่งในนี้แล้วตัดนิ้วมันทิ้งทีละนิ้ว”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เหล่าไป๋พูด กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆ ต่างก็สีหน้าซีดเซียวและรู้สึกตื่นตระหนกอย่างที่สุด
“พี่ชายครับ เราก็เกลียดหลี่โม่เหมือนกัน พี่จะทำกับพวกผมไม่ได้นะครับ พวกผมจะช่วยพี่ด่าหลี่โม่ หรือช่วยพี่อัดหลี่โม่ก็ได้ แต่ขอร้องพี่ชายปล่อยพวกเราไปเถอะครับ”
กู้ซิงเว๋ยตกใจกลัวจนพูดด้วยน้ำตา
กู้เจี้ยนกั๋วพูดด้วยตัวที่สั่นเท่า “มีอะไรค่อยๆ คุยกันนะครับ อย่ารุนแรงกับพวกเราเลย พวกเราขอจ่ายเงิน จ่ายเงินให้คุณได้นะครับ อย่าเอาโทษของหลี่โม่มาลงที่พวกเราเลยครับ พวกเราไม่เกี่ยวอะไรกับไอ้กระจอกคนนั้นจริงๆ”
“พวกเราไม่มีเกี่ยวอะไรกับหลี่โม่แล้วก็กู้หยุนหลันคนนี้จริงๆ นะครับ พี่ปล่อยพวกเราไปเถอะครับ เราจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราจะไม่บอกใครทั้งนั้นครับ”
กู้เจี้ยนเจียงพูดตาม
กลุ่มผู้บริหารระดับสูงและพนักงานของบริษัทก็พยายามแสดงตนว่าพวกเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกับหลี่โม่และกู้หยุนหลัน
เหล่าไป๋ยิ้มอย่างชั่วร้ายแล้วโบกมือขึ้น “ผมล่ะเกลียดคนปากมากจริงๆ อัดพวกมันให้ร้องออกมาเป็นเสียงดนตรีหน่อยสิ”
กลุ่มอันธพาลเหมือนฝูงเสือที่กระโจนเข้าใส่เหยื่อและอัดกู้เจี้ยนกั๋วอย่างไม่ยั้งจนเข้าตะโกนร้องเรียกด้วยความเจ็บปวด
กู้หยุนหลันตกใจจนตัวสั่นและน้ำตาของเธอก็ไหลมาอย่างไม่หยุด “ทำแบบนี้ทำไม พวกคุณจะทำเกิดไปแล้ว”
“คนสวย เดี๋ยวคุณก็รู้เอง รีบภาวนาให้สามีของคุณมาที่นี่ให้เร็วที่สุดเถอะ”
จากนั้นเหล่าไป๋ก็เจอเบอร์โทรศัพท์ของหลี่โม่และกดโทรออกทันที
หลี่โม่ที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก็หยิบมันออกมาและกดรับสายทันทีแล้วพูดว่า “เมียจ๋า”
“เมียบ้าบออะไรกัน เมียมึงอยู่ที่กู!”