บทที่ 244 คุณเป็นใครกันแน่?
แขกที่มาร่วมงานต่างก็เงียบไปชั่วขณะ สายตาของพวกเขาทุกคนต่างก็มองไปที่ความโง่เขลาของหวางจงเหิง
เรื่องมันชัดเจนขนาดนี้แล้ว ทำไมหวางจงเหิงยังกล้าหาเรื่องหลี่โม่อีก นี่มันหาเหาใส่หัวชัดๆ!
ในใจของหวางจงเหิงมีแต่ความเกลียดชังเท่านั้น เป็นความเกลียดชังต่อหลี่โม่ที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ถ้าหากไม่ฉีกหน้าหลี่โม่ในตอนนี้ หวางจงเหิงรู้ดีกว่าเขาจะไม่มีจุดยืนในที่นี้อีก
ทุกอย่างมันเป็นของปลอม!
หลี่โม่เป็นคนขอให้ฉู่จงเทียนกับพวกเขามาสร้างภาพเท่านั้น!
สัตว์ประหลาดตัวน้อยในใจของฉู่จงเทียนเริ่มทำงาน
ในขณะนี้ฉู่จงเทียนคิดว่าตัวเองเป็นนักสู้ผู้กล้าหาญ นักสู้ที่จะฉีกหน้าปีศาจร้ายให้ทุกคนได้เห็นท่าแท้ของมันและจะเป็นฮีโร่ที่น่าชื่นชมของทุกคน
แต่ในวินาทีต่อมา ลูกน้องของฉู่จงเทียนก็ตบไปที่กลางหน้าของหวางจงเหิงอย่างจัง
“ผั๊วะ!”
เสียงตบที่ชัดเจนดังสนั่นอย่างไม่หยุด จากหน้ามือเป็นหลังมือ และจากนั้นไม่นานแก้มทั้งสองข้างของหวางจงเหิงก็บวมขึ้น
“นายคิดว่านายเป็นใคร ถึงกล้าตะโกนใส่หน้าคุณหลี่!”
ลูกน้องคนนั้นตะโกนพูดอย่างดุเดือด
เสียงน้ำแข็งแตกดังขึ้นในใจของหวางจงเหิง และความกล้าหาญในใจก็หายไปในพริบตา
เสียงตบที่แหลมคมทำให้หวางจงเหิงตื่นจากความฝันและสร่างเมาในทันที
หวางจงเหิงสองมือกุมหน้าแล้วค่อยๆ ถอยห่างออกไป เขาไม่กล้าแม้แต่จะมีความโกรธในใจอีก แต่มันกลับแทนที่ด้วยความกลัวที่ไม่มีวันสิ้นสุด
เมื่อมองไปที่รูปร่างที่เหมือนภูเขาของหลี่โม่ หวางจงเหิงก็รู้สึกหนาวสั่นในใจ เขารู้สึกว่าอุณหภูมิของเลือดในร่างกายเริ่มเย็นลงอย่างช้าๆ
ของจริง ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง!
ฉู่จงเทียน เฉียวเจิ้งหลงและอู๋เต้าเหวินต่างก็ให้ความเคารพต่อหลี่โม่จริงๆ!
หวางจงเหิงรับความจริงไม่ได้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ ก็หลี่โม่มันเป็นแค่คนไร้ค่าไม่ใช่หรือ!
เมื่อเห็นหวางจงเหิงกลัวจนหดตัว หวางจงเสวียนกับหวางจงเฉิงไม่เพียงแต่ไม่มีความย่ามใจ แต่กลับรู้สึกว่าความซวยกำลังจะเข้ามาหาพวกเขาแล้ว
หวางจงเหิงเหมือนเรื่องเล่าที่ตลกที่สุด ทุกคนต่างก็ได้เยาะเย้ยหลี่โม่ไปแล้ว แต่ถ้าหลี่โม่คิดจะเอาคืน คาดว่าคนในตระกูลหวังคงต้องจบไม่สวยอย่างแน่นอน
หวังเหมยสีหน้าซีดเซียวแล้วมองไปที่หลี่โม่ด้วยความกลัว เธอเกลียดตัวเองจนแทบจะเอามือตบปากตัวเองที่เคยพูดไม่ดีกับหลี่โม่ ถ้าหากหลี่โม่จะคิดเอาคืน เธอคงต้องอับอายอย่างไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนอย่างแน่นอน
ส่วนโจวชุ่ยหัวกัดริมฝีปากล่างของเธอจนมีเลือดไหลออกมาโดยที่เธอยังไม่รู้ตัว
ตอนนี้เธอไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใดๆ แต่ความเจ็บปวดทั้งหมดนั้นได้รวมอยู่ในหัวใจของเธอ
ก่อนหน้านี้เธอยังดูถูกกู้หยุนหลันว่าแต่งงานกับคนไม่เอาไหน แต่คนไม่เอาไหนคนนั้นได้กลายเป็นคนที่น่าเกรงขามไปแล้วในขณะนี้
“ผ้าขี้ริ้วห่อทอง”
คุณปู่หวางบ่นพึมพำในปาก แต่เสียงนั้นดังเข้าหูของทุกคนในตระกูลหวังอย่างชัดเจน
หวางจินซานกับหวางจินไห่และคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกว่าตัวเองเล็กน้อยลงทันที
ถ้าหากหลี่โม่เป็นแค่นักเลงหัวไม้ คนตระกูลหวังจะไม่ให้เขาอยู่ในสายตาอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้หลี่โม่กลับเป็นเหมือนมังกรยักษ์ที่ทำให้คนตระกูลหวังได้แต่มอง
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ทำกับหลี่โม่ก่อนหน้านี้ ทุกคนในตระกูลหวังต่างก็รู้สึกเสียใจ
คุณปู่หวางค่อยๆ เดินเข้าไปหาหลี่โม่ด้วยมือไม้ที่สั่นเทาพร้อมกับหวางจินซานและคนอื่นๆ ก็เดินตามไปด้วย
“ในเมื่อท่านเทียน ท่านหลงกับท่านเหวินนั่งโต๊ะเดียวกัน ผมก็ขออนุญาตนั่งด้วยคนนะครับ”
คุณปู่หวางรู้อยู่แก่ใจ ในเมื่อฉู่จงเทียนกับคนอื่นๆ มาที่นี่เพราะหลี่โม่และคิดว่าโต๊ะที่หลี่โม่นั่งคือโต๊ะหลักของงาน เขาจึงขอนั่งร่วมโต๊ะด้วยคนแต่ไม่ใช่ที่นั่งหลักของโต๊ะนี้
ถ้าหากคุณปู่หวางพบเห็นฉู่จงเทียนและคนอื่นๆ ในงานอื่นเขาคงไม่มีโอกาสได้นั่งด้วยอย่างแน่นอน
ฉะนั้นคุณปู่หวางจึงดึงเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลงอย่างเกรงอกเกรงใจ จากนั้นมองไปที่ฉู่จงเทียนและอีกสองคนด้วยรอยยิ้มที่อ่อนน้อม แต่เขาไม่สามารถแสดงสีหน้าอ่อนน้อมให้กับหลี่โม่ได้
ซึ่งฉู่จงเทียนและอีกสองคนไม่ได้สนใจในคุณปู่หวางเลย และความสนใจของพวกเขาอยู่ที่หลี่โม่คนเดียว
หลี่โม่เริ่มรู้สึกอึดอัดที่ถูกฉู่จงเทียนและอีกสองคนจับจ้องรวมไปถึงคนตระกูลหวังที่ยืนอยู่ด้านหลังคุณปู่หวางเฝ้ามองเขา
“ผมเริ่มเหนื่อยแล้ว ผมกับหยุนหลันขอตัวกลับก่อนนะครับ”
หลี่โม่พูดแล้วยืนขึ้นพร้อมกับจับมือของกู้หยุนหลัน จากนั้นมองไปที่ฉู่จงเทียนและอีกสองคนแล้วเดินออกไปพร้อมกับกู้หยุนหลัน
เมื่อเห็นหลี่โม่เดินออกไปจากงาน คนตระกูลหวังต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในขณะนี้หลี่โม่ไม่ได้เอาเรื่องพวกเขาก็ถือว่าโชคดีที่สุดแล้ว
ฉู่จงเทียนทั้งสามต่างมองหน้ากัน คนระดับพวกเขาแค่มองหน้าก็รู้ใจและรู้ว่าสายตาของหลี่โม่เมื่อครู่นี้หมายถึงอะไร
“คุณปู่หวางเป็นคนที่ดูแลครอบครัวได้ดีจริงๆ นะครับ ผมได้ยินมาว่าตระกูลของคุณเป็นทายาทแห่งกวีนิพนธ์ สมคำร่ำลือจริงๆ ครับ”
“ตระกูลหวังถือว่ามีชื่อเสียงในเมืองฮ่านแล้วนะครับ ผมว่าควรรักษามันไว้ให้ดี อย่าทำให้เสียชื่อเสียงของพวกคุณเลยนะครับ”
“ลูกๆ หลานๆ ต้องสั่งสอนให้ดีนะครับ ถ้าลูกไม้หล่นไกลต้นเกินไปจะเป็นผลเสียต่อทั้งตระกูลเลยนะครับ”
ฉู่จงเทียนทั้งสามพูดคนละคำ และทุกคำพูดก็ล้วนมีความหมายบางอย่างที่แฝงอยู่
คุณปู่หวางกำลังจะอธิบายอย่างตื่นตระหนก แต่รู้ตัวอีกทีทั้งสามก็ลุกเดินจากไปแล้ว
“ในเมื่อคุณหลี่ก็ไปแล้ว พวกผมก็ขอตัวก่อนนะครับ พวกคุณตามสบายเลยครับ”
ฉู่จงเทียนทิ้งประโยคสุดท้ายและเดินจากไปพร้อมกับเฉียวเจิ้งหลงและอู๋เต้าเหวิน
คุณปู่หวางทำได้เพียงนั่งทื่ออยู่บนเก้าอี้และมีเม็ดเหงื่อไหลผ่านหน้าผากของเขา
หวางจินซานก็รู้สึกอึ้งและยืนอยู่กับที่ คำพูดของพวกเขาทั้งสามยังคงสะท้อนอยู่ในหูของหวางจินซาน
แขกทุกคนก็ต้องตกใจอีกครั้งและเริ่มสนทนาอย่างเสียงดังราวกับจะทำให้หลังคาบ้านถล่มลงมา
“คุณหลี่ที่ให้ของขวัญสุดพิเศษก่อนหน้านี้ต้องเป็นหลี่โม่อย่างแน่นอน ไม่ใช่ใครที่หรอก ยิ่งดูจากท่าทีของท่านเทียนและคนอื่นๆ ก็รู้ว่าหลี่โม่ต้องเป็นเศรษฐีจากที่ไหนสักที่อย่างแน่นอน”
“หลี่โม่คงอยากเล่นบทคนจนบ้างล่ะมั้ง คงจะเบื่อชีวิตที่หรูหราก็เลยปลอมตัวมาใช้ชีวิตธรรมดา แต่น่าเสียดายแทนคนตระกูลหวังจริงๆ เลยนะที่ไม่ได้รักษาโอกาสดีๆ ไว้”
“แต่ฉันไม่เคยได้ยินว่ามีตระกูลหลี่ในบรรดาตระกูลชนชั้นสูงเลยนะ หรือว่าหลี่โม่จะเป็นทายาทที่ไม่ได้ถูกเปิดเผย? แต่ดูจากบุคลิกของเขาแล้วมีแววที่จะเป็นคนใหญ่คนโตได้นะ”
แขกหลายๆ คนต่างก็คาดเดาเกี่ยวกับตัวตนของหลี่โม่อย่างเมามัน ถ้าหลี่โม่ยังอยู่พวกเขาต้องเข้าไปตีสนิทเขาอย่างแน่นอน
แต่น่าเสียดายที่หลี่โม่กลับไปก่อนแล้ว แถมยังเป็นเหตุทำให้ฉู่จงเทียนทั้งสามกลับไปอีกด้วย
ดังนั้นพวกเขาทำได้เพียงเฝ้ามองฉู่จงเทียนทั้งสามเดินจากไป ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าคนดังทั้งสามมาที่นี่ก็เพราะหลี่โม่และกลับจากที่นี่ก็เพราะหลี่โม่เช่นเดียวกัน ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลหวังเลยแม้แต่นิด
ถ้าหากจะบอกว่ามีความเกี่ยวข้องก็เป็นเพราะความเกี่ยวข้องจากหลี่โม่เท่านั้น
ในขณะที่คนตระกูลหวังยังไม่เลิกสงสัย หลี่โม่กับกู้หยุนหลันก็ได้เดินออกจากสวนหน้าบ้านตระกูลหวัง
เมื่อเดินออกไปได้ไม่ไกล กู้หยุนหลันก็เก็บความสงสัยในใจไม่ได้อีกต่อไป เธอจึงหยุดเดินแล้วมองไปที่หลี่โม่และถามเขาอย่างจริงจังว่า “หลี่โม่ คุณบอกฉันมาตรงๆ นะว่าสรุปแล้วคุณเป็นใครกันแน่ แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้มันหมายถึงอะไร”