บทที่ 220 ไม่เจ็บเลย
“พอได้แล้ว หยุดทำร้ายเขาได้แล้ว ฉันขอร้องแล้วล่ะ ปล่อยเขาไปเถอะ คุณชายซู คุณปล่อยหลี่โม่ไปเถอะนะ เขาจะตายแล้ว!”
กู้หยุนหลันแทบจะขาดใจ แม้เธอจะไม่ได้ยินเสียงร้องแห่งความเจ็บปวดของหลี่โม่ แต่เธอก็สัมผัสถึงความเจ็บปวดจากความรุนแรงที่ชายสองคนนั้นกระทำกับเขาได้
เขาอดทนเพื่อเธอ อดทนกับความเจ็บปวดและไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมา
กู้หยุนหลันรู้สึกเจ็บปวดใจแทนหลี่โม่อย่างที่สุด
“หยุดก่อน เดี๋ยวมันจะตายก่อนที่จะได้เห็นของดีนะ มันยังไม่ทันได้อกหักเลย”
คุณชายซูพูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
ตาวปาแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “คุณชายครับ เราเตรียมยาอกหักไว้แล้วครับ เดี๋ยวตอนที่คุณชายกำลังแฮปปี้พวกผมจะเอายาอกหักให้มันกินเองครับ”
“นายช่างอยู่เป็นจริงๆ เลยนะตาวปา แต่ตอนนี้ข้าชักจะรอไม่ไหวแล้วสิ พวกนายจับตัวไอ้สวะไว้ให้ดี ให้มันลืมตามองว่าลูกพี่จะแฮปปี้ยังไง”
ชายร่างกำยำสองคนดึงตัวหลี่โม่ขึ้นมาแล้วจับแขนสองข้างของเขาไว้แน่นๆ และให้เขาหันหน้าไปหากู้หยุนหลัน
“ไอ้สุนัขจรจัด ลืมตาดูให้ดีนะ เดี๋ยวคุณชายซูจะโชว์สดให้นายดู ถือว่าเป็นเกียรติของนายเลยนะรู้ไหม!”
“เมียนายจะได้นอนกับคนอย่างคุณชายซู มันเป็นเกียรติที่หาไม่ได้จากที่ไหนอีกแล้วรู้ไหม วันหลังนายไปไหนก็จะคุยโม้กับเพื่อนๆ ได้ ว่าเมียนายเคยได้นอนกับคุณชายซู”
หลี่โม่มองไปที่คุณชายซูอย่างกระวนกระวาย “อย่าทำอะไรหยุนหลันเลยนะ มาที่ผม พวกคุณอยากทำอะไรก็ทำที่ผม!”
“ทำนาย? นายไม่ใช่สเปคข้าหรอกนะ แต่หลังจากที่ข้าสร้างความสุขเสร็จแล้วข้าจะให้ตาวปากับลูกน้องทั้งหมดจัดการนายเอง เดี๋ยวนายก็จะได้สมหวัง ฮ่า ๆ ๆ”
คุณชายซูถือมีดสั้นแล้วจี้ไปที่หน้าอกของกู้หยุนหลันแล้วพูดว่า “พูดสิ ใบหน้าอันงดงามช่างน่าสงสารเหลือเกิน เดี๋ยวพี่จะเอาใจน้องเองนะ ต่อไปพี่จะเอาใจน้องทุกวัน จะให้น้องรู้ว่าผู้ชายที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร”
“คุณปล่อยเขาไปเถอะนะ ขอแค่คุณปล่อยเขาไป ฉัน……ฉัน……”
กู้หยุนหลันพูดติดๆ ขัดๆ ด้วยน้ำตานองหน้า
“ฉันอะไร คุณคิดว่าคุณยังมีสิทธิ์ต่อรองได้งั้นเหรอ? พวกคนก็เหมือนปลาตัวน้อยที่อยู่บนเขียง ผมอยากเชือดเมื่อไหร่ก็เชือดเมื่อนั้น นี่ก็คือราคาของการที่ไม่ให้เกียรติคนอย่างผม!”
มีดสั้นของคุณชายซูค่อยๆ ขยับเข้าไปที่คอเสื้อของกู้หยุนหลัน จากนั้นเขาตัดกระดุมเม็ดที่สองออกและใช้ปลายมีดแยกคอเสื้อทั้งสองข้างของกู้หยุนหลันออกจากกันจนทำให้เห็นผิวสีขาวอันบอบบางของเธอ
“ว้าว ดูดีจริงๆ แค่นี้ก็น่าดึงดูดคนแล้ว พี่แทบจะทนไม่ไหวแล้วนะ แต่ภูเขาด้านล่างคงจะน่าดึงดูดสายตามากกว่านี้แน่เลยว่ามั้ย”
ในขณะที่คุณชายซูกำลังจะตัดกระดุมเม็ดต่อไป ทันใดนั้นเสียงวุ่นวายก็ดังเข้ามาจากนอกโกดัง จากนั้นตามด้วยลูกน้องของพี่ตาวปาที่อยู่ด้านในโกดังก็ร่วงลงสู่พื้นทีละคน
“ใครวะ!”
พี่ตาวปาตะโกนส่งเสียงดังแล้วให้ลูกน้องยืนล้อมรอบคุณชายซูไว้
คุณชายซูหรี่ตาและใช้มีดสั้นจี้ที่คอของกู้หยุนหลัน
“ใคร! ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นกูจะฆ่ามัน!”
ลูกน้องทุกคนในโกดังค่อยๆ ล้มลงกับพื้นจนหมด เหลือเพียงพี่ตาวปาและอีกไม่กี่คนที่ยืนล้มคุณชายซู
จนกระทั่งตอนนี้ คุณชายซูกับพี่ตาวปาและลูกน้องของเขายังไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดๆ หรือแม้แต่เงาของศัตรู
ความกลัวในใจของคุณชายซูพุ่งทะยานขึ้น เขาไม่เคยเห็นอะไรที่แปลกประหลาดขนาดนี้มาก่อน
“แมร้งเอ๊ย หลี่โม่ มึงเล่นเหลี่ยมกับกู! มึงเรียกคนมาด้วยใช่ไหม!”
คุณชายซูตะโกนร้อง!
“ผมไม่ได้เรียกใครมาด้วย”
หลี่โม่ปฏิเสธงุนงง แต่มีบางในใจเขาแล้ว
ฝีมือที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้มีเพียงคนประเภทเดียวในโลกนี้เท่านั้นที่สามารถทำได้ นั่นก็คือเหล่าผู้พิทักษ์ของสำนักหลงเหมิน!
ปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกนี้ล้วนเป็นสาวกของสำนักหลงเหมิน และปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ที่ทรงพลังที่สุดเหล่านี้ยังต้องทำหน้าที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือการปกป้องคนสำคัญของสำนักหลงเหมิน
ในฐานะเจ้านายของสำนักหลงเหมิน หลี่โม่จะได้รับการปกป้องอย่างลับๆ จากองครักษ์ของสำนักหลงเหมินอยู่ตลอดเวลา องครักษ์เหล่านี้จะไม่แสดงตัวออกมาต่อเมื่อเป็นช่วงเวลาที่จำเป็นที่สุด
“ช่วยหยุนหลันก่อน!”
หลี่โม่มองขึ้นไปบนฟ้าแล้วตะโกนพูด
คุณชายซูเริ่มรู้สึกกลัวแล้วตะโกนเสียงดังว่า “ไม่ว่ามึงจะเป็นใคร ถ้ามึงกล้าแตะต้องกู ผู้หญิงคนนี้จะต้องตาย! กูจะให้เวลาสามวิ ปรากฏตัวออกมาเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นกูจะไม่เกรงใจอีก!”
เขาต้องบังคับให้ผู้ลึกลับคนนี้ออกมาให้ได้ เพราะเขายังมีกู้หยุนหลันเป็นตัวประกัน จึงทำให้เขาสามารถต่อกรได้
พี่ตาวปามองไปรอบๆ อย่างระแวดระวังและพยายามหาผู้ลึกลับผู้นี้ให้เจอ
แต่สิ่งที่ตอบสนองพวกเขากลับเป็นเสียงบางอย่าง และเสียงที่ลึกลับนั้นได้กลายเป็นฝันร้ายของคุณชายซู
“รับทราบครับ”
เสียงที่ลึกลับนั้นดังขึ้นในโกดัง เป็นเสียงที่ไม่สามารถจับระยะทางและตำแหน่งได้ ดูเหมือนจะอยู่ใกล้ๆ แต่ก็เหมือนเป็นเสียงที่ส่งมาจากที่ไกล
คุณชายซูขนลุกแล้วตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “หลี่โม่ มึงคิดจะเล่นเหลี่ยมกับกูใช่ไหม เรียกไอ้ผีตนนี้ออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่อย่างนั้นกูจะตัดหัวเมียมึง!”
สึบ สึบ สึบ!
เข็มเงินพุ่งออกไปด้วยความเร็ว คุณชายซู พี่ตาวปาและคนอื่นๆ ต่างก็ไม่มีโอกาสได้ตั้งตัวก็ถูกเข็มเงินพุ่งเข้าใส่
ดูเหมือนว่าพลังงานในร่างกายของทุกคนได้หมดไปอย่างกะทันหัน พวกเขาไม่มีแรงแม้แต่จะพยุงร่างกายให้ยืนได้อีก
พรึบ!
พรึบ!
พรึบ!
คุณชายซูและคนอื่นๆ ต่างก็ล้มลงไปกับพื้นทีละคนราวกับเป็นร่างที่ไร้วิญญาณ
ชายร่างกำยำสองคนที่จับหลี่โม่ก็รู้สึกตื่นตระหนก จากพวกเขาทั้งสองปล่อยมือหลี่โม่แล้วพยายามวิ่งไปที่ประตูโกดัง แต่ยังไม่ทันถึงไหนทั้งสองก็ล้มลงกับพื้นไปพร้อมๆ กัน
จากนั้นหลี่โม่ก็รีบวิ่งเข้าไปหากู้หยุนหลันและจับใบหน้าของเธอด้วยมือที่สั่นเทา
“คุณไม่เป็นไรใช่ไหม? คุณกลัวไหม?”
กู้หยุนหลันทำได้เพียงส่ายหัวและน้ำตาไหลรินโดยที่ไม่สามารถพูดเป็นประโยคได้อีก
“เดี๋ยวผมแก้มัดให้คุณนะ”
ด้วยความตื่นตระหนก หลี่โม่มือไม้สั่นเทาและไม่สามารถปลดเชือกที่รัดอย่างแน่นหนาได้
กู้หยุนหลันที่เห็นความตื่นตระหนกของหลี่โม่ก็ยิ้มพูดทั้งน้ำตา “ใช้มีดสิคนซื่อ”
“ใช่ๆ ผมทำไมคิดไม่ได้”
หลี่โม่เก็บมีดขึ้นมาจากพื้นแล้วตัดเชือกให้กับเธอ
ทันทีที่มือของกู้หยุนหลันเป็นอิสระ เธอก็กอดหลี่โม่ไว้แน่นๆ แล้วร้องไห้อย่างไม่หยุด
หลี่โม่ลูบหลังกู้หยุนหลันเบาๆ แล้วปลอบโยนเธอ “ไม่ต้องกลัวแล้วนะ ผมอยู่นี่แล้ว ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว”
“ฉันไม่ได้กลัว แต่คุณน่ะสิ ทำไมถึงซื่อขนาดนี้ ปล่อยให้คนอื่นทุบตีอย่างไม่ยั้ง ไหนให้ฉันดูหน่อยว่าเจ็บตรงไหน”
กู้หยุนหลันลูบแก้มของหลี่โม่เบาๆ และมองเขาด้วยสายตาที่นุ่มนวลและรักใคร่
มือขวาของหลี่โม่แตะมือของกู้หยุนหลันที่กำลังถูแก้มเขาแล้วยิ้มพูด “ผมไม่เป็นไร ผมไม่เจ็บเลย”
“ไม่เจ็บได้ไงละ โดยสักขนาดนี้”
กู้หยุนหลันพูดด้วยความเป็นห่วง