บทที่ 210 ล้มละลายภายในสิบนาที!
เมื่อเห็นใบหน้าของโอหยางจงเฉิงถูกหลี่โม่เหยียบอยู่ คุณเฉียนและคนอื่นๆ ถึงกับใบหน้ากระตุก ไม่เคยมีใครกล้าดูหมิ่นโอหยางจงเฉิงขนาดนี้มาก่อนเลย
รอยเลือดค่อยๆ ไหลออกมาจากใบหน้าของโอหยางจงเฉิง ซึ่งเป็นเลือดบนผิวแก้มที่ถูกหลี่โม่เหยียบจนเป็นแผล
คุณหลี่ได้แต่กลืนน้ำลายแล้วมองความเจ็บปวดบนใบหน้าของโอหยางจงเฉิง
“ไอ้……หลี่โม่ มีอะไรค่อยๆ คุยกัน ปล่อยคุณโอหยางก่อน”
คุณหลี่พูดอย่างตื่นเต้น
“ผมต้องทำตามคำขอคุณไหม? คุณใหญ่มาจากไหน แล้วเรื่องที่ผมเคยบอก พวกคุณลืมไปแล้วใช่ไหม?”
หลี่โม่เหยียบแรงขึ้น
“พวกคุณคิดว่าจะยุ่งกับตระกูลกู้ได้งั้นเหรอ? ไอ้พวกสวะทั้งหลาย ถ้าพวกคุณยังกล้าแต่ต้องตระกูลกู้อีก กล้าคิดไม่ซื่อต่อกู้หยุนหลันอีก ผมจะทำให้พวกคุณล้มละลาย! จะให้พวกคุณไม่เหลือความเป็นคนอีก!”
ความรู้สึกที่ถูกดูถูกเหยียดหยามเกิดขึ้นใจจิตใจของโอหยางจงเฉิง แม้เขาจะรู้สึกเจ็บ แม้หลี่โม่จะเหยียบหัวเขาไว้ แต่เขาไม่เคยทิ้งศักดิ์ศรีของตน
“พวกนายไม่ต้องสนใจไอ้เศษสวะพันธุ์นี้ มันก็แค่ไอ้ขอทานที่อยู่ในบ้านตระกูลกู้ เก่งแต่ใช้กำลัง เก่งจริงมึงฆ่ากูให้ตายนะ ถ้ากูไม่ตายมึงกับตระกูลกู้ทุกคนรอตายได้เลย!”
โอหยางจงเฉิงกัดฟันพูดเพื่อให้ความมั่นใจกับคุณเฉียนและคนอื่นๆ ถ้าเขาไม่ยอมแพ้ พวกเขาก็จะไม่ใจอ่อนเหมือนกัน
และคุณเฉียนกับพรรคพวกก็ดูถูกหลี่โม่มาตลอด พวกเขาคิดว่าหลี่โม่ไร้สมองและเก่งแต่ใช้กำลัง แถมยังเป็นเหมือนขอทานคนหนึ่งที่คอยเกาะคนอื่นกิน
ขอเพียงเสียเงินหาคนที่เก่งกว่าหลี่โม่ คุณเฉียนคิดว่าหลี่โม่ต้องคุกเข่ายอมแพ้อย่างแน่นอน
“หลี่โม่ นายอย่าได้ใจมากไปนะ นายก็แค่เศษสวะคนหนึ่งที่ไร้ภูมิหลัง แต่ยังกล้าทำร้ายคุณโอหยาง ถ้านายยังไม่คิดจะปล่อยคุณโอหยาง เราจะเรียกคนที่เก่งกว่านายมา ถึงเวลานั้นนายต้องลำบากแน่!”
“นายเก่งจริงก็ฆ่าพวกเราสิ แต่นายลองคำนึงถึงผลที่จะตามมาด้วยนะ นายต้องติดคุกหัวโต เมียนายก็สวยขนาดนี้ แถมยังมีลูกสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ถ้านายไม่อยู่แล้วเมียนายต้องเจอกับอะไร คิดให้ดีนะไอ้สวะ”
“คนอย่างมันจะคิดได้เหรอ ถ้ามันคิดได้คงไม่ทำแบบนี้หรอก เราจะให้โอกาสนายคิดใหม่นะ รีบปล่อยคุณโอหยางแล้วคุกเข่าขอร้องซะ บางทีพวกเราพอใจอาจจะปล่อยนายไปก็ได้!”
คุณเฉียนและอีกสองคนพยายามพูดข่มขู่หลี่โม่
คุณโอหยางกัดฟันแล้วยิ้มพูด “ได้ยินแล้วใช่ไหม ไอ้กระจอกอย่างมึงรีบยอมแพ้ซะโดยดี ยังคิดจะทำให้พวกเราล้มละลายด้วยงั้นเหรอ นายเอาอะไรมาคิด? กูต่างหากที่ทำให้ตระกูลกู้ล้มละลายได้ทุกเมื่อ!”
“ปล่อยกู คุกเข่าขอร้องซะ แล้วไปเรียกเมียมึงมาด้วย ให้เมียมึงมาปรนนิบัติกูให้สมใจก่อน แล้วกูอาจจะไว้ชีวิตมึงและครอบครัวมึงก็ไม่ต้องตายทั้งหมดด้วย!”
โอหยางจงเฉิงพูดด้วยความโกรธ เขาคิดว่าคำพูดของเขาจะทำให้หลี่โม่รู้สึกกลัวได้
หลี่โม่ก้มมองเขาแล้วเท้าที่เหยียบใบหน้าของเขาก็กระทืบแรงๆ ไปหนึ่งครั้ง
“โอ๊ย! เจ็บ! มึงช่างกล้าจริงๆ! มึงเชื่อไหวว่ากูจะฆ่าทุกคนในตระกูลกู้ได้!”
“ดูเหมือนว่าคุณอยากจะท้าทายของจริงสินะ”
หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา
“ท้าทายบ้าอะไรของมึง มึงคิดว่ามึงเป็นใคร! ของจริงงั้นเหรอ คนของกูถ่มน้ำลายให้มึงจมตายยังได้เลย!”
โอหยางจงเฉิงตะคอกด้วยความโกรธ
คุณเฉียนชี้ไปที่หลี่โม่แล้วพูดเสียงดัง “นายเก่งจริงก็ทำให้ได้อย่างที่พูดสิ พวกเราผ่านลมผ่านฝนมามากมายขนาดนี้ เคยเจอมาทุกอย่างแล้ว เก่งจริงนายทำให้พวกเราล้มละลายให้ได้สิ อีกอย่างเรายังไม่เคยสัมผัสกับรสชาติของการล้มละลายด้วยสินะ”
“น่าตลกจริงๆ จะทำให้พวกเราล้มละลายงั้นเหรอ ไอ้เด็กกระจอก นายรู้ว่าเรามีทรัพย์สินเท่าไหร่ไหม ถ้านายเห็นเงินของเราคงตกใจเป็นลมไปก่อน ยังคิดจะทำให้เราล้มละลายงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!”
คุณหลินเงยหน้าขึ้นมองหลี่โม่ด้วยสายตาเย่อหยิ่ง
คุณหลี่หยิบบุหรี่ออกมาแล้วพูดอย่างดูถูกว่า “ไอ้เศษสวะ พูดเรื่องไร้สาระอะไรของนาย ในเมืองฮ่านนี้ใครจะทำให้พวกเราล้มละลายได้ คนที่ทำให้เราล้มละลายได้คงอยู่ในศิลาอยู่มั้ง นายคงคิดว่านายเป็นซุนหงอคงสินะ!”
เมื่อฟังคำพูดหยิ่งผยองของพวกเขา ความอดทนในใจของหลี่โม่ก็หมดลง
“ดูเหมือนพวกคุณไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ งั้นผมจะให้พวกคุณได้ลิ้มรสดูก็แล้วกัน”
จากนั้นหลี่โม่หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเริ่มโทรออก
เมื่อเห็นหลี่โม่คุยโทรศัพท์ คุณเฉียนก็หัวเราะเยาะแล้วพูดอย่างดูถูกว่า “ไอ้ปัญญาอ่อน เล่นได้สมจริงเลยนะ คงดูหนังเยอะไปแน่เลย คิดว่าแกล้งคุยโทรศัพท์แล้วจะดูดีงั้นสินะ”
“ปล่อยมันไป มันคงจะโทรหาคอลเซนเตอร์เพื่อผ่อนจ่ายค่าโทรศัพท์อยู่ล่ะมั้ง ฮ่า ๆ ๆ”
คุณหลินคิดว่าเขาเดาถูกและหัวเราะอย่างได้ใจมาก
เมื่อสายของหลี่โม่โทรออก สำนักหลงเหมินก็เริ่มปฏิบัติการทันที ประวัติข้อมูลทุกอย่างของโอหยางจงเฉิงและเพื่อนอีกสามคนก็ถูกรวบรวมและมอบหมายให้แต่ละแผนกที่เกี่ยวข้องไปจัดการต่อ
โอหยางจงเฉิงและเพื่อนๆ ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขายังคงพยายามล้อเลียนหลี่โม่อย่างต่อเนื่อง
“ไอ้หมอนี่มันปัญญาอ่อนจริงๆ คนจริงเขาโทรกริ๊งเดียวก็รู้เรื่องแล้ว แต่ไอ้หมอนี่มันดันโทรตั้งหลายสาย ฝีมือการแสดงแย่จริงๆ ไม่ผ่าน”
“เหอะ ๆ สงสัยไม่เคยดูหนัง คิดว่าโทรหลายสายแล้วมันจะดูเหมือนกว่าสินะ ปัญญาอ่อนจริงๆ คอยดูว่ามันจะเล่นยังไงต่อ”
โอหยางจงเฉิงและเพื่อนไม่ได้กังวลใดๆ แต่ยังรู้สึกว่าหลี่โม่กำลังแสดงละครอยู่ และพวกเขาต่างก็สงสัยว่าหลี่โม่จะลงเอยกับการแสดงนี้อย่างไร
หลังจากหลี่โม่วางสายแล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “พวกคุณเตรียมล้มละลายได้เลย ไม่เกินสิบนาที”
“แหม ๆ เล่นซะเหมือนเลยนะ โทรออกแค่สายสองสายก็จะทำให้พวกเราล้มละลายภายในสิบนาที คิดว่าตัวเองเป็นเทวดาเหรอ!”
“มันอาจจะคิดว่าตัวเองเป็นเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกก็ได้นะ ฮ่า ๆ ๆ ต่อให้เป็นคนรวยที่สุดในโลกก็ไม่มีปัญญาทำให้พวกเราล้มละลายภายในสิบนาทีได้หรอก นายดูเวลาแล้วหรือยัง ตอนนี้สี่ทุ่มแล้ว ใครเขายังทำงานอยู่ แล้วนายจะทำให้พวกเราล้มละลายได้ไงกัน”
“ไอ้เศษสวะเหลือขอ อย่าลดตัวไปเล่นกับมันเลย รอมันก่อนสักสิบนาที เดี๋ยวมันก็จะโชว์ตลกเอง”
พวกเขายังคงเยาะเย้ยไม่หยุดและไม่รู้ตัวว่าตัวเองใกล้ถึงจุดจบแล้ว!
หลี่โม่ก้มหน้ามองดูเวลาแล้วหัวเราะเบาๆ “ถึงเวลาแล้ว”