บทที่ 189 เวลาตายของคนทั้งครอบครัว
รถแท็กซี่จอดลงหน้าประตูสนามมวย เหอปินประคองคุณชายซูลงจากรถ ทั้งสองรีบเข้าไปทางประตูข้างของสนามมวย
“เร็วสิ หวังว่าจะมาทันนะ ใช้อยากเห็นไอ้เวรหลี่โม่ตายต่อหน้าฉัน!”
“อย่ารีบสิครับ คุณวิ่งช้าๆ หน่อย” เหอปินพูดอย่างร้อนใจ
ร่างกายของคุณชายซูยังบาดเจ็บ แต่เมื่อคิดว่าหลี่โม่จะกลายเป็นศพก็ทำให้เลือดในร่างกายของเขาสูบฉีด ราวกับจักรวาลเล็กๆ อย่างไรอย่างนั้น
เมื่อชายร่างกายกำยำที่เฝ้าประตูเห็นคุณชายซู ก็รีบเปิดประตูพาเหอปินกับคุณชายซูเข้าไปข้างในสนามประลอง
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง ไอ้เวรแซ่หลี่นั่นตายหรือยัง ฉันรีบมาเพราะอยากเห็นว่ามันจะตายยังไง” คุณชายซูก่นด่าพึมพำ
“ยังสู้กันอยู่เลยครับ สถานการณ์มันค่อนข้างผิดปกติเล็กน้อย..” ชายร่างกายกำยำที่เดินนำทางไม่รู้จะอธิบายให้คุณชายซูฟังอย่างไรดี จึงทำได้เพียงใช้คำว่าผิดปกติ
“ผิดปกติงั้นเหรอ ผิดปกติอะไรกัน ไอ้หลี่โม่มันก็แค่คนจน แค่อาของฉันดีดนิ้วมันก็ตายแล้ว”
“คุณชายซูเข้าไปดูเองเถอะครับ เดินตรงเข้าไปก็ถึงแล้วครับ”
เหอปินประคองคุณชายซูเดินเข้าไปตามทางเดิน เมื่อออกมาจากทางเดิน ก็เห็นหลังของซูเหวินปิน
คุณชายซูกวาดตามองเวทีประลอง เขาเห็นศพของชะชัยกับหวังต้าลี่ คุณชายซูทำท่าเหมือนจะอาเจียนออกมา
“อาเล็ก นี่มันอะไรกัน ทำไมไอ้เวรนั่นยังไม่ตายอีก” คุณชายซูกลั้นความรู้สึกขยะแขยงเอาไว้ จากนั้นจึงถามออกมาอย่างหงุดหงิด
ท่านหม่ากับท่านหวงกำลังสูบบุหรี่อย่างกลุ้มใจ คิดในใจว่าอยากเห็นคุณชายซูกับหลี่โม่บนเวที
ซูเหวินปินกุมขมับ แล้วเอามือตบตรงที่นั่งข้างๆ ตัวเอง “นั่งก่อนสิ อาหลง อาหู่ ขึ้นไปจัดการไอ้เด็กนั่นให้เละที วันนี้ฉันจะสั่งสอนมัน” อาหลง อาหู่ที่ยืนอยู่ข้างซูเหวินปินมองหน้ากัน จากนั้นทั้งสองก็ขึ้นไปบนเวที
“ฮ่า ฮ่า วันนี้แกตายแน่ไอ้คนแซ่หลี่ อาหลงกับอาหู่เป็นคนมีฝีมือด้านการต่อสู้ ร่างกายของเขาแข็งแกร่งเหมือนในภาพยนตร์ คนจนๆ อย่างแกก็สั่นไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะให้แกรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าความน่ากลัว”
“คุณชายซู สองคนนี้เป็นใครมาจากไหน” เหอปินถามด้วยเสียงเบา
“หึหึ สองคนนั้นเป็นลูกศิษย์ของเฉินเจียซาน แต่นิสัยเป็นพวกหัวรุนแรง เลยถูกไล่ออกมา คืนที่เขาจากมาได้ทำเรื่องร้ายแรงนั่นก็คือเขาได้ทำร้ายอาจารย์เฉินเจียซานจนบาดเจ็บสาหัส”
“สองปีมานี้เรื่องที่อาเล็กของฉันไม่สามารถทำได้ ก็จะให้พวกเขาเป็นคนจัดการ การเคลื่อนไหวของพวกเขาต่างจากคนอื่น มันยอดเยี่ยมยิ่งกว่าในภาพยนตร์เสียอีก เดี๋ยวนายดูเอาเองเหอะ อีกอย่างเมื่อทั้งสองคนร่วมกันต่อสู้มันจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก”
เมื่อได้ฟังสิ่งที่คุณชายซูพูด เหอปินจินตนาการไปถึงภาพลักษณ์ของยอดฝีมือที่ไม่สามารถหาใครเปรียบได้ เขาทั้งกลัวและเลื่อมใสในตระกูลซู
อาหลงกับอาหู่ค่อยๆ ขึ้นไปบนเวทีประลอง ทั้งสองยืนขนาบข้างหลี่โม่
“กล้ามาทำร้ายพี่น้องของเราอย่างงั้นเหรอ นับว่าแกเป็นคนแรกที่มีความกล้าขนาดนี้ เดี๋ยวแกจะได้เจอความแข็งแกร่งเมื่อพวกเราร่วมมือกันต่อสู้ ถือว่าแกจะได้ตายตาหลับ” คนที่หน้าตาดูสะอาดสะอ้านอย่างอาหลงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
สำหรับคู่ต่อสู้อย่างหลี่โม่ อาหลง อาหู่ก็ไม่กล้าประมาทเหมือนกัน อีกอย่างเมื่อครู่หลี่โม่ก็ได้แสดงพละกำลังของตัวเองออกมาแล้ว
“พูดมากอย่างกับผู้หญิง รีบลงมือสักทีเถอะ” หลี่โม่พูดเร่งอย่างไม่สบอารมณ์ ในใจก็เอาแต่คิดเรื่องที่จะไปซื้อมื้อดึกให้กู้หยุนหลัน
“ตายซะเถอะ!”
อาหู่พูดออกมาอย่างเสียงดัง เขาก้มตัวแล้วพุ่งเข้าไปหาหลี่โม่ แล้วยื่นมือออกไปตรงเอวของหลี่โม่
อาหลงก็ขยับตัวเช่นกัน เขากระโดดและใช้ขาขวาเตะไปยังหัวของหลี่โม่
“ดีมาก!”
คุณชายซูตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น จากนั้นก็ปรบมืออย่างชอบใจ ราวกับได้ดูศิลปะการแสดงอย่างไรอย่างนั้น
ท่านหวงกับท่านหม่าก็หยุดสูบบุหรี่เช่นกัน ทั้งสองตั้งใจดูการต่อสู้ของหลี่โม่กับอาหลงและอาหู่
ทั้งสองคาดหวังให้หลี่โม่ชนะ อย่าให้พวกเขาต้องสูญเสีย แล้วซูเหวินปินได้หน้า มาด้วยกันก็ต้องซวยไปด้วยกันสิ
แต่ทว่าทั้งสองคนทำได้เพียงคิดอยู่ในใจ โดยไม่กล้าพูดอะไรออกมา
สีหน้าของซูเหวินปินดูเป็นกังวลเล็กน้อย เขารู้สึกหวั่นใจขึ้นมา
หลี่โม่ยื่นแขนออกมาทั้งสองข้าง เขายื่นแขนออกมาอย่างรวดเร็วและจับขาที่กำลังจะเตะของอาหลง
แรงมหาศาลจับอยู่ตรงข้อเท้าของอาหลง อาหลงตกใจ ตอนที่เขาจะขัดขืนมันก็สายไปเสียแล้ว
เสียงกรอบดังขึ้น ข้อเท้าของอาหลงถูกหลี่โม่บีบจนแตก จากนั้นหลี่โม่ก็เหวี่ยงร่างของอาหลง ราวกับกำลังเหวี่ยงขวานยักษ์ เขาเหวี่ยงร่างอาหลงไปกระแทกกับอาหู่
อาหู่ตะลึงจนตาแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า “พี่!”
“รีบหลบเร็ว!” อาหลงอดกลั้นความเจ็บปวดแล้วตะโกนออกมา
“รีบปล่อยพี่ฉันเดี๋ยวนี้!” อาหู่พุ่งเข้ามาข้างหน้าด้วยความโกรธอย่างรวดเร็ว เขาจะพุ่งไปหาหลี่โม่เพื่อที่จะแย่งตัวของอาหลงมา
ผลั่ก!
เอวของอาหลงกระแทกเข้ากับตัวของอาหู่ที่กำลังพุ่งมาข้างหน้า เสียงกรอบดังขึ้นมา ร่างท่อนบนของอาหลงโค้งไปข้างหลังเป็นมุม 180 องศาจนผิดรูปผิดร่าง ด้านหลังศีรษะกระแทกกับส้นเท้าของเขา
ทุกคนต่างพากันยืนขึ้นมาด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นร่างที่ผิดรูปผิดร่างของอาหลง
จากนั้นหลี่โม่จึงโยนอาหลงลงกับพื้น เมื่อคนที่ล้มอยู่บนพื้นอย่างอาหู่เห็นสภาพของอาหลง จู่ๆ ดวงตาของเขาก็พร่าเลือนไปหมด
“พี่ พี่!” อาหลงตะเกียกตะกายขึ้นไปบนตัวของอาหลง เขามองพี่ชายที่ไร้ลมหายใจ เขาใช้สองมือสอดเข้าไปในผมและดึงมันอย่างแรง
ความเจ็บปวดและอยากแก้แค้นแล่นเข้ามาในใจของอาหู่ เขาลุกขึ้นมาด้วยดวงตาแดงก่ำและมองหลี่โม่ด้วยสายตาเย็นชา
“อ๊ากก ฉันจะฆ่าแก ฉันจะฆ่าแก!” อาหู่ตะโกนแล้วพุ่งเข้าไปหาหลี่โม่ ไม่มีกระบวนท่าอะไรทั้งนั้น เขาใช้พละกำลังของตัวเองจู่โจมหลี่โม่
หลี่โม่ส่ายหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ เขาปล่อยหมัดอย่างสบายๆ ไปที่แก้มของอาหู่
อาหู่นอนศีรษะเอียงอยู่บนพื้น ร่างของเขากระตุกสองสามครั้งแล้วก็นิ่งไป
“จบงานแล้ว ใครอยากขึ้นมาอีกไหม” หลี่โม่พูดแล้วยิ้มออกมา
ท่านหวงและท่านหม่าใจสั่น เขาเห็นอาหลง อาหู่ตายกับตาของตัวเอง ทั้งสองไม่คิดถึงอะไรอีกแล้ว
ซูเหวินปินอ้าปากเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็พูดไม่ออก ตอนนี้ในใจของเขาเริ่มมีความหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว
ซูเหวินปินรู้ดีว่าอาหลง อาหู่เก่งแค่ไหน การที่หลี่โม่สามารถทำให้ทั้งสองคนตายได้ นี่มันทำให้ซูเหวินปินหวาดกลัวหลี่โม่เป็นอย่างมาก
คุณชายซูเอามือตบโซฟาอย่างหงุดหงิด เขาไม่พอใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
เขาอุตส่าห์อดทนกับความเจ็บปวดเพื่อที่จะมาดูว่าหลี่โม่จะตายอย่างไร แต่สิ่งที่เห็นคือหลี่โม่กลับสังหารทุกคน นี่มันทำให้คุณชายซูรับไม่ได้
“ให้ตายเถอะ เลิกอวดเก่งได้แล้ว ฉันจะจดจำความแค้นครั้งนี้เอาไว้ เมื่อฉันกลับมาอีกครั้ง นั่นคือเวลาตายของคนทั้งครอบครัวแก!”