บทที่ 130 โลกนี้บ้าไปแล้วหรือ
ถึงแม้ว่าหลี่โม่จะพูดเพียงไม่กี่คำ แต่คำไม่กี่คำนี้ราวกับระเบิดอย่างไรอย่างนั้น ระเบิดขึ้นในหัวของทุกคน
กู้เจี้ยนหมิน ฮั่วเจี้ยนเฟิงและคนอื่นๆ มองที่หลี่โม่ ต่างคิดว่าหลี่โม่คนนี้บ้าไปแล้ว!
ในเวลานี้พูดประโยคนี้ ไม่ใช่อยากจะลากทุกคนไปตายด้วยหรือ!
กู้หยุนหลันยิ่งกว่าตกตะลึงอย่างที่สุด คิดไม่ออกว่าหลี่โม่นี่จะก่อเรื่องแบบไหน นี่ไม่ง่ายเลยถึงจะทำให้ท่าทีของหวงฝูชิงอ่อนลงนะ!
ในดวงตาของหวงเหวินจิ่นปรากฏไฟโทสะที่สามารถกลืนกินทุกสิ่งได้ออกมา เพิ่งจะเตรียมปล่อยวางความแค้นลงชั่วคราว ฉับพลันก็ทนไม่ไหวอีกแล้ว
และที่ตกใจที่สุดก็คือหวงฝูชิง!
ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย หวงฝูชิงมองไปที่หลี่โม่ที่เงยหน้าเผยรอยยิ้มน้อยๆ จ้องมองตนเองอยู่ ทันใดนั้นในสมองก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น
นายน้อย!
นายน้อยของสำนักหลงเหมินถึงกับอยู่ที่นี่!
เมื่อครู่ฉันทำอะไรลงไป?
ถึงกับคิดจะยึดครองห้องรับรองของนายน้อยสำนักหลงเหมิน!
ถึงกับให้หวงเหวินจิ่นสั่งสอนญาติมิตรของนายน้อยสำนักหลงเหมิน!
นี่ตนเองไม่ใช่ชนแผ่นเหล็กแล้ว นี่นับว่าชนภูเขาไปเลยน่ะสิ!
สำนักหลงเหมิน สำหรับหวงฝูชิงแล้ว ยิ่งใหญ่ดุจภูเขา ถึงแม้จะทิ้งทุกอย่างพุ่งชนจนร่างกายแหลกเหลว ก็ไม่มีทางเขย่าสำนักหลงเหมินได้แม้แต่ครึ่งส่วน!
เหงื่อเย็นหลั่งออกมาจากแผ่นหลังของหวงฝูชิง!
เช่นเดียวกับตอนที่หวงฝูชิงอยากจะยอมรับผิดมอบของขวัญขออภัย คนตระกูลกู้ก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมา
กู้ชิงหลินก็วิ่งไปหน้าสุด กู้ชิงหลินที่เดิมทีคิดว่าจะสามารถหลุดพ้นได้ สามารถแอบหนีไปอย่างราบรื่นภายใต้หนังตาของหวงฝูชิง ตอนนี้ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะไปอย่างสมบูรณ์แล้ว
คิดว่าเพราะเสียงเดียวของหลี่โม่นี้ นับว่าทำให้ความหวังในการแอบหนีไปของตนเองมอดดับโดยสิ้นเชิงแล้ว!
“หลี่โม่! นายมันไอ้คนสารเลว ปัญญาอ่อน! นายอยากจะไปตายก็ไปเองคนเดียว ทำไมต้องลากพวกเราลงน้ำไปด้วย! พวกเราไม่อยากล่วงเกินคนอื่นไปกับนายนะ นายรู้ไหมว่าตรงหน้านายคือใคร? ก็กล้ามาใช้คำพูดใหญ่โตที่นี่! “
กู้ชิงหลินยื่นนิ้วราวก้านต้นหอมออกมาแผดเสียงด่าทอ!
กู้ซิงเว๋ยยิ่งกว่าโกรธจนยกฝ่ามือขึ้น แค้นใจจนแทบจะตบไปบนหน้าของหลี่โม่
“คนไร้ค่าอย่างนายนี่ ประธานหวงอยากจะใช้ห้องชั้นพิเศษนั่นคือการให้หน้าพวกเรา ดินโคลนอย่างนายมีสิทธิ์อะไรไม่หลีก นายคิดว่านายเป็นใคร ในห้องชั้นพิเศษนี้ไม่มีที่ให้นายมาพูด! “
กู้ซิงเว๋ยตะโกนด่า ร้อนรนจนเต้นผาง!
“หลี่โม่นายต้องการทำร้ายทุกคนให้ตายใช่หรือไม่ รีบคุกเข่าลงแสดงการขอโทษต่อประธานหวงซะ ถ้าหวงฝูชิงไม่ยกโทษให้นาย นายก็คุกเข่าโขกหัวโขกจนกว่าจะตายถึงค่อยหยุด!”
หวังฟางแผดเสียงตะโกนอย่างโมโห ราวกับสิงโตเหอตงคำราม
กู้เจี้ยนหมินแค้นจนคันรากฟัน จนคิดอยากจะหยิบเอาหยกมังกรตีหลี่โม่ให้ตายแล้ว
“แกไอ้เศษสวะได้ยินหรือยัง?! ให้นายแสดงการขอโทษต่อประธานหวง นายถึงกับยังนั่งอยู่ไม่ขยับ จะให้พวกเราเชิญนายหรืออย่างไร!”
เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จิตใจของหวงฝูชิงมีความไม่แน่ใจเล็กน้อย ขณะนั้นคิดไม่ออกว่านี่คือสถานการณ์อะไรกัน
ทำไมนายน้อยของสำนักมังกรถึงได้ถูกคนพวกนี้ดุด่าเสียงดังเช่นนี้ ภาพนี้มันไม่ถูกต้องโดยสิ้นเชิงเลยนะ
เช็ดๆ เหงื่อเย็นบนหน้าผาก หวงฝูชิงรู้สึกไม่ชัดเจนว่าหลี่โม่คิดจะทำอะไร ขณะนั้นก็ไม่กล้าเอ่ยปากพูด ถ้าเกิดว่าหลี่โม่อยากจะเล่นละครชั่วร้ายอะไร ถ้าเกิดเขาพูดฐานะที่แท้จริงของหลี่โม่ไป เช่นนั้นจะไม่เป็นการสร้างเรื่องผิดพลาดใหญ่หรอกหรือ
กู้หยุนหลันร้อนใจถลึงตาใส่หลี่โม่ครั้งหนึ่ง เอ่ยตำหนิว่า “เมื่อครู่เพิ่งบอกให้นายอย่าได้พูดอะไรส่งเดชแล้วนะ ทำไมนายยัง……”
ไม่รอให้กู้หยุนหลันพูดจบ หลี่โม่ตบที่หลังมือกู้หยุนหลันเบาๆ ส่งสายตาวางใจให้กู้หยุนหลันรอบหนึ่ง
“ประธานหวงเป็นคนใหญ่คนโต คนใหญ่คนโตล้วนเป็นคนที่เข้าใจเหตุผลมีมารยาท ไม่มีทางทำเรื่องเช่นการบุกเข้ามาเอาของของคนอื่นอย่างแน่นอน อีกทั้งประธานหวงเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในวงการธุรกิจที่มีชื่อเสียงสมคำเล่าลือ คนตั้งเท่าไหร่ที่เฝ้ามองการกระทำของประธานหวง ดังนั้นประธานหวงยิ่งไม่มีทางทำเรื่องเช่นการแก่งแย่งช่วงชิงออกมาได้ ใช่ไหม ประธานหวง?”
หลี่โม่ยิ้มกล่าวคำที่สง่าผ่าเผย
ความหมายในนั้นมีเพียงข้อเดียว ให้หวงฝูชิงรีบไสหัวไป
กู้หยุนหลันมองไปที่หลี่โม่อย่างประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าในเวลานี้แล้ว หลี่โม่ยังจะพูดสิ่งไร้ประโยชน์เหล่านี้อีก อยู่ต่อหน้าอำนาจที่ยิ่งใหญ่ มารยาทคุณธรรมทั้งหมดล้วนเป็นเมฆที่ล่องลอยเท่านั้น!
กู้เจี้ยนหมินโมโหจนกุมอก รู้สึกกว่าตนเองถูกทำให้โมโหจนจะบ้าตายแล้ว ปากพึมพำว่า “บ้าเกินไปแล้ว เจ้าสารเลวหลี่โม่บ้าไปแล้วแน่ๆ! นี่คือจะลากพวกเราจบเห่ไปด้วยกัน! “
หวังฟางที่ด้านข้างราวกับลูกหนังที่ถูกปล่อยลม พิงพนักเก้าอี้อย่างขวัญหนีดีฝ่อ ทั่วร่างไร้สิ้นเรี่ยวแรง คิดว่ารออีกสักหน่อยเกรงว่าจะถูกโยนออกไปฆ่าคนปิดปากแล้วสินะ
กู้ซิงเว๋ย กู้ชิงหลินและคนอื่นๆ ต่างกำลังใช้สายตาโกรธเกรี้ยวมองหลี่โม่ แค้นจนแทบจะกลายร่างเป็นสุนัขป่า กระโจนเข้าไปฉีกกัดหลี่โม่จนเป็นชิ้นๆ
หวงฝูชิงแน่นอนว่าเข้าใจความหมายของหลี่โม่ และก็เข้าใจในทันทีว่าหลี่โม่นั้นไม่อยากถูกตนเองพูดถึงฐานะแท้จริง บนใบหน้าเผยท่าทางได้รับการสั่งสอนออกมา
“คุณผู้ชายท่านนี้พูดได้ถูกต้อง ก่อนหน้านี้เป็นฉันเองที่พิจารณาไม่รอบคอบ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ถึงกับคิดจะบังคับเอาห้องชั้นพิเศษของพวกคุณ ทั้งหมดนี่ล้วนเป็นความผิดของฉัน คำโบราณว่าคนที่เดินอยู่สามคนต้องมีอาจารย์ของเราอยู่หนึ่ง วันนี้ผู้แซ่หวงนับว่าพบเจออาจารย์แล้ว ขอบคุณอาจารย์ที่สั่งสอน”
หวงฝูชิงพูดจบก็โค้งตัวเก้าสิบองศา ก้มศีรษะที่สูงส่งลงต่อหลี่โม่
ในเวลาที่เร่งรีบ หวงฝูชิงก็คิดข้ออ้างที่ค่อนข้างดีไม่ออก แต่ว่าข้ออ้างนี้ก็เพียงพอใช้ได้แล้ว
ที่สำคัญที่สุดคือ ข้ออ้างนี้สามารถยอมรับนายน้อยของสำนักหลงเหมินเป็นอาจารย์ได้ ต่อไปก็ตีงูตามไม้ได้ พบเจอนายน้อยอีกก็สามารถใช้ฐานะของศิษย์มาแสดงตัวได้แล้ว
คิดๆ ว่ารอถึงงานชุมนุมครั้งต่อไป ภาพเหตุการณ์ที่พวกเหล่าจางต่างเรียกหลี่โม่ว่านายน้อย แต่ตนเองกลับสามารถเรียกหลี่โม่เป็นอาจารย์ หวงฝูชิงก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด อยากจะโทรศัพท์ไปคุยโม้ตอนนี้สักหน่อยแล้ว
ความรู้สึกที่รีบร้อนอยากจะคุยโม้เช่นนี้ หวงฝูชิงนั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว นาทีนี้หวงฝูชิงถึงกับรู้สึกว่า ตนเองย้อนกลับไปในวันเวลาสมัยวัยเยาว์อีกครั้ง
หวงเหวินจิ่นเบิกตากว้าง พึมพำเสียงเบา “โลกนี้บ้าไปแล้วหรือ? นี่ประธานกำลังทำอะไร? ทำไมถึงได้เรียกเขาว่าอาจารย์? “
กู้เจี้ยนหมินและคนอื่นๆ นิ่งสนิทเป็นไก่ไม้ เหม่อมองหวงฝูชิงที่โค้งตัวต่อหลี่โม่ จิตใจสับสนจนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีแล้ว
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่หวงฝูชิงกลายเป็นคนที่พูดด้วยง่ายดายเช่นนี้แล้ว?
เหมือนว่าแต่ไหนแต่ไรมาหวงฝูชิงเป็นคนที่ฆ่าคนก่อนถามทีหลัง ไม่เคยเปลี่ยนคำพูด!
แต่ว่าในเวลานี้หวงฝูชิงไม่เพียงแต่เปลี่ยนท่าทีแล้ว อีกทั้งยังยอมรับผิดอีก ยิ่งไปกว่านั้นคือเรียกขานหลี่โม่เป็นอาจารย์!
นี่มันเกิดอะไรขึ้น เป็นหวงฝูชิงบ้าไปแล้ว หรือว่าหวงฝูชิงที่อยู่ตรงหน้าเป็นตัวปลอม?
กู้หยุนหลันมองไปที่หวงฝูชิงอย่างตื่นตะลึง แล้วก็หันกลับมามองหลี่โม่ ในใจมีคำพูดเป็นพันเป็นหมื่นอยากจะถาม
แต่ว่าคำพูดขึ้นมาถึงปาก กู้หยุนหลันก็ไม่รู้ว่าควรถามอะไร ทุกอย่างตรงหน้าทั้งหมดแปลกประหลาดเกินไปแล้ว ถามก็ไม่รู้ว่าจะถามอะไรน่ะสิ!
เวลานี้หลี่โม่มีความรู้สึกที่ทุกคนเมามายมีเพียงฉันที่ตื่นอยู่เพียงคนเดียว
ในห้องชั้นพิเศษนี้ มีเพียงแค่หลี่โม่ที่รู้ความจริงของเรื่องราวทั้งหมด
“ประธานหวงเป็นคนถ่อมตนรู้จักเรียนรู้ รู้ผิดแล้วแก้ไขนับว่าเยี่ยมนัก”
หลี่โม่พูดเบาๆ ราวกับพระอรหันต์ที่กำลังเทศนาธรรม
“ศิษย์จะต้องพินิจตนสามประการทุกวัน ภายภาคหน้าจะไม่ทำผิดอีกแน่นอน” หวงฝูชิงโค้งตัวตอบ