บทที่ 121 หนึ่งร้อยเงื่อนไข
กู้หยุนหลันเป็นคนที่ไม่อยากให้ฮั่วเจี้ยนเฟิงเจอกับหลี่โม่มากที่สุด แต่ว่าเพื่อนสนิทญาติมิตรล้วนอยู่ หลี่โม่ยังคงต้องออกมาพบปะผู้คน
กู้หยุนหลันที่วิตกกังวลหลับตาลง ภายในใจแอบเกลียดชังต่อหลี่โม่ที่ไร้ความสามารถ!
เพียงแต่หลี่โม่มีความสามารถสักเล็กน้อย ตนเองก็คงไม่ต้องเหนื่อยใจเช่นนี้
ปัง
ประตูห้องนอนถูกเปิดออก หลี่โม่ที่สวมเสื้อผ้าเป็นระเบียบเรียบร้อยก็เดินเข้ามา
ฮั่วเจี้ยนเฟิงมองเสื้อผ้าของหลี่โม่แล้วตกตะลึงไปทันที ในใจร้องตื่นเต้นยกใหญ่!
นี่มันเป็นจีวองชี่รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นใหม่ล่าสุดในแฟชั่นนี้!
ชุดนี้ทั้งชุด ราคาสูงกว่าจีวองชี่บนร่างของตนเองห้าสุดเสียอีก!
กู้หยุนหลันเห็นแล้วก็ตกตะลึงเช่นกัน ยังไม่เคยเห็นหลี่โม่ในด้านที่มีชีวิตชีวาขนาดนี้มาก่อน แต่ก่อนหลี่โม่แทบจะไม่เคยแต่งตัวเช่นนี้ ก็เป็นเพราะหลี่โม่ไม่มีชุดเสื้อผ้าที่เหมาะสม
พรึบๆ
สายตาของเพื่อนพ้องญาติพี่น้องต่างมองมาทางหลี่โม่ เห็นท่าทางของหลี่โม่แล้ว ล้วนมีความตกตะลึง
แม้แต่กู้เจี้ยนหมินและหวังฟางทั้งสองสามีภรรยา ในใจเกิดความคิดว่า หลี่โม่นับว่าจะให้หน้าตนเองแล้วสักครั้ง
“อุ๊บ~ ฮ่าๆ ”
เสียงหัวเราะของกู้ชิงหลิน ทำลายบรรยากาศที่เงียบสงบ
เสียงหัวเราะดึงสติของผู้คนกลับมาแล้ว ทุกคนต่างมองไปทางกู้ชิงหลิน
กู้ชิงหลินเผยสีหน้าท่าทางที่ฉันรู้นานแล้วว่าจะเป็นอย่างนี้ออกมา เชิดหน้ามองที่หลี่โม่อย่างดูถูก
“หลี่โม่ นายสวมชุดนี้ออกมาจริงเสียด้วย หน้าไม่อายจริงๆ คิดว่าทั้งตัวสวมใส่ของเลียนแบบเกรดสูงก็จะไม่มีคนจำได้หรือ? ช่างดูถูกไอคิวของพวกเราเกินไปแล้ว อุจจาระสุนัขอย่างนายก็เหมาะที่จะสวมสินค้าข้างทาง”
คำพูดของกู้ชิงหลิน ราวกับหินที่ถูกโยนลงแม่น้ำเช่นนั้น ถาโถมระลอกคลื่นขึ้นในใจของทุกคนรอบหนึ่งทันที
ทุกคนที่เดิมทีถูกการเปลี่ยนแปลงของหลี่โม่ทำให้ตกตะลึง ในตอนนี้ก็ส่งเสียงหัวเราะขึ้นมา ในเสียงหัวเราะล้วนเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย
ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็เผยสีหน้าที่รู้กระจ่างแจ้งในฉับพลันขึ้นมา ในใจรู้สึกละอายต่อการตกใจของตนเองเมื่อครู่ คิดไม่ถึงว่าจะถูกของเลียนแบบเกรดสูงบนร่างของเจ้าอุจจาระสุนัขนี่ทำให้รู้สึกทึ่งได้
“เหอะๆ ฉันก็ว่าแล้ว แฟชั่นจีวองชี่ชุดนี้ เป็นรุ่นลิมิเต็ดที่ปล่อยออกมา มีเงินก็ใช่ว่าจะซื้อมาได้ จำเป็นต้องมีตำแหน่งฐานะที่มากพอถึงจะมีสิทธิ์ซื้อ”
“ได้ยินมานานแล้วว่าหลี่โม่นายยากจนจนน่าสงสาร แต่ว่าคนจนความทะเยอทะยานก็ไม่สิ้นสุดใช่หรือไม่ ใส่ของเลียนแบบคุณภาพสูงนายก็ทำให้หยุนหลันขายหน้าคนอื่นนะ นายลองฟังเสียงหัวเราะของทุกคนสิ ความเยาะเย้ยในเสียงหัวเราะนั้นครึ่งหนึ่งให้นาย อีกครึ่งหนึ่งให้หยุนหลัน”
“นายทำแบบนี้กำลังทำร้ายหยุนหลัน! นายในฐานะที่เป็นผู้ชายไม่ควรที่จะพิจารณาตนเองหน่อยหรือ? ฉันยังปวดใจแทนหยุนหลัน รู้สึกไม่มีคุณค่าแทนหยุนหลัน อุจจาระสุนัขอย่างนายไม่คู่ควรกับหยุนหลัน! “
ฮั่วเจี้ยนเฟิงยิ่งพูดยิ่งสบายใจ หันหน้ากลับมาดวงตาเต็มไปด้วยความห่วงใยรักใคร่มองไปที่กู้หยุนหลัน “หยุนหลัน หลายปีมานี้เธอได้รับความลำบากแล้ว ฉันสามารถคิดออกเลยว่าเธอได้รับความลำบากมากแค่ไหน ฉันหวังว่าตั้งแต่นี้ไปเธอจะไม่รับความลำบากอีก ไม่เป็นเพราะคนสารเลวนี่ถึงได้รับความทุกข์ยากลำบากอีก”
คำพูดพวกนี้ ฮั่วเจี้ยนเฟิงเดิมทีก็เตรียมพร้อมไว้แล้ว
ก็รอเพียงโอกาสเดียว!
และโอกาสนี้ หลี่โม่ก็ให้มาแล้ว!
ฮั่วเจี้ยนเฟิงยิ่งนานยิ่งเข้าถึงบทบาท แสดงความคิดเห็นอย่างฮึกเหิมซาบซึ้งกินใจผู้คนรอบหนึ่ง ทำให้เพื่อนพ้องญาติพี่น้องตระกูลกู้ต่างล้วนตื่นเต้นขึ้นมา ในใจคิดว่า ถ้ากู้หยุนหลันสามารถติดตามฮั่วเจี้ยนเฟิงแล้ว ต่อไปการลงทุนทางการเงินก็มีช่องทางที่ดีแล้ว เช่นนั้นก็เป็นผลดีกับทุกคน
“เจี้ยนเฟิงมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อหยุนหลันจริงๆ เลย ฉันเห็นแล้วก็ตื้นตันใจ ถ้าฉันเป็นหยุนหลันละก็ จะต้องหย่าร้างกับหลี่โม่แล้ว”
“คนไร้ความสามารถอย่างหลี่โม่นั่นเดิมก็ไม่คู่ควรกับหยุนหลัน หลายปีมานี้หยุนหลันทนทรมานผ่านมาได้จริงๆ แต่งให้เศษสวะก็เป็นงานแต่งงานละครฉากโศกฉากหนึ่ง”
“เศษสวะก็เป็นเศษสวะแล้ว ยังจะใส่เสื้อผ้าเลียนแบบ เสแสร้งผายลมน่ะสิ ถูกคนเปิดโปงแล้วนั่นเสียหน้าตระกูลกู้จริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียหน้าบ้านรองของพวกเรา”
เหล่าญาติของตระกูลกู้ต่างพากันพึมพำแสดงความเห็น สายตาที่ทุกคนมองไปที่หลี่โม่ล้วนเต็มไปด้วยความดูถูก
กู้หยุนหลันมือไม้อ่อนมองไปที่หลี่โม่ ในเวลานี้เธอที่ถูกบีบอยู่ตรงกลาง ในใจรู้สึกเจ็บปวดยิ่งแล้วถึงแม้จะรู้ว่าที่หลี่โม่ทำเช่นนี้ก็เพื่อสนับสนุนตนเอง แต่ว่าตอนนี้ถูกคนเปิดโปงต่อหน้า ทั้งยังพาให้กู้หยุนหลันได้รับการเยาะเย้ยไปด้วย นี่ทำให้ในใจของกู้หยุนหลันย่ำแย่ถึงที่สุด
“หยุนหลัน เสื้อผ้าชุดนี้ของฉันเป็นของจริง ไม่ใช่ของเลียนแบบจริงๆ นะ”
หลี่โม่เห็นกู้หยุนหลันไม่สบายใจ ใจในก็บีบรัด รีบร้อนจับมือของกู้หยุนหลันไว้ คิดจะอธิบายต่อกู้หยุนหลัน
“เหอะๆ ไอ้ขยะนี่ถูกเปิดโปงแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังกล้าปากแข็งไม่ยอมรับ เสื้อผ้าชุดนี้ราคาแพงแค่ไหน เป็นนายที่ยากจนขนาดนี้จะสามารถซื้อไหวหรือไง”
“พี่ฮั่วก็พูดแล้ว เสื้อผ้าชุดนี้ถ้าเป็นสินค้าจริง คิดจะซื้อมาได้ไม่เพียงแค่ต้องการเงินยังต้องการฐานะ นายลองพูดมาเศษสวะอย่างนายมีฐานะอะไร? “
“หลี่โม่ นายนี่ขึ้นอันดับการจัดลำดับผู้ร่ำรวยทรงอิทธิพลแล้ว หรือว่ามีอำนาจมือเดียวปิดผืนฟ้าแล้ว? อย่างมากนายก็เป็นแค่หลุมหนึ่งในห้องน้ำสาธารณะ ดูแลได้แค่สถานะของคอห่านเท่านั้นแหละ! “
ภายใต้การนำของกู้ชิงหลิน เหล่าญาติพี่น้องของตระกูลกู้ต่างก็เยาะหยันหลี่โม่ด้วยกัน
อย่างไรเสียก็สามารถเหยียบได้ทำไมจะไม่เหยียบเล่า เหยียบหลี่โม่แล้วยังพาความสุขมาได้นิดหน่อย
หลี่โม่สีหน้าสงบ สำหรับการเยาะหยันของญาติพี่น้องตระกูลกู้นั้นคุ้นชินมานานแล้ว
ลูบๆ กล่องในกระเป๋าเสื้อ ความโกรธในใจของหลี่โม่ก็ค่อยๆ สงบลง ไม่ใช่ไม่แก้แค้นแต่เวลาแก้แค้นยังมาไม่ถึงเท่านั้น ตอนนี้คำเยาะเย้ยที่พวกนายส่งให้ฉัน ท้ายที่สุดแล้วจะทำให้พวกนายเสียใจที่สุดกับการตัดสินใจในตอนแรก!
กู้หยุนหลันถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ผลักหลี่โม่เบาๆ พูดเสียงต่ำ “รีบไปเปลี่ยนชุดใหม่เถอะ ชุดนี้ต่อไปไม่ต้องใส่อีกแล้ว”
กู้หยุนหลันในใจว้าวุ่นพัวพัน สีหน้าก็ไม่น่ามอง
ทำไมหลี่โม่ต้องทำให้ตนเองอึดอัดใจในเวลานี้ด้วย?
“ทำไมไม่ให้ใส่อีก? นี่มันคือของจริง หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดคุณพ่อ สามารถไปที่เคาน์เตอร์สินค้าเพื่อตรวจจริงปลอมได้ ชุดนี้ถ้าเป็นของปลอม ฉันหลี่โม่จะเอาชุดนี้ทั้งชุดมากินต่อหน้าพวกนายเลย! “
หลี่โม่เอ่ยอย่างมั่นใจ
หวังฟางเห็นว่าเรื่องราวจะวุ่นวายไม่จบสิ้น ใจก็คิดว่าจะบังคับหลี่โม่ให้หย่าก็ยังไม่รีบร้อนในตอนนี้ จะต้องทำให้งานเลี้ยงวันเกิดผ่านไปได้ก่อนแล้วค่อยพูดกัน
งานเลี้ยงวันเกิดนั้นเป็นฮั่วเจี้ยนเฟิงจัดเตรียมอย่างตั้งใจเป็นพิเศษ ถึงเวลานั้นค่อยพูดให้หลี่โม่อับอายสักสองประโยค รอจนงานเลี้ยงวันเกิดจบลงแล้ว ค่อยหงายไพ่ในมือกับหลี่โม่ก็ได้แล้ว
“ในเมื่อหลี่โม่พูดเช่นนี้แล้ว ทุกคนก็อย่าทำให้เขาลำบากใจเลย แต่ว่างานเลี้ยงวันเกิดผ่านไปแล้ว ถ้าไปเคาน์เตอร์สินค้าตรวจสอบว่าเป็นของปลอมแล้ว ฉันก็ไม่ต้องการให้นายกินเสื้อผ้า ขอเพียงแค่นายสัญญากับฉันสักเรื่องก็พอ”
หวังฟางมองไปที่หลี่โม่อย่างแน่วแน่ มุมปากมีรอยยิ้มเย็น ราวกับว่ากินหลี่โม่เข้าไปแล้ว
คำสัญญาหนึ่งเรื่องที่หวังฟางเอ่ยปาก หลี่โม่ใช้นิ้วเท้าคิดก็คิดออกว่าคืออะไร จะต้องเป็นการให้ตนเองกับกู้หยุนหลันหย่าร้างกัน
“คุณแม่ ทำไมต้องคิดเล็กคิดน้อยกับหลี่โม่ ฉันกำลังจะให้เขาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว”
กู้หยุนหลันพูดอย่างกังวล จากนั้นถลึงตาจ้องไปทางหลี่โม่ ใช้สายตาบอกเป็นนัยกับหลี่โม่ให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
หลี่โม่สีหน้าสงบนิ่งไร้ใดเปรียบ พูดอย่างเรียบๆ ว่า “ได้ เสื้อผ้าชุดนี้ของฉันถ้าไม่มีปัญหา ก็หวังว่าคุณจะสัญญากับฉันเรื่องหนึ่ง”
ทุกคนตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าหลี่โม่จะกล้าต่อคำ!
หวังฟางในใจสะอึกเล็กน้อย เป็นครั้งแรกที่เห็นหลี่โม่พูดกับตนเองเช่นนี้ คิดจะตบโต๊ะถลึงตาตำหนิหลี่โม่ในที่นี้
แต่คิดถึงว่าญาติพี่น้องผองเพื่อนและฮั่วเจี้ยนเฟิงต่างอยู่ที่นี่ หวังฟางยังคงอดทนไว้ได้ ยังคงต้องรักษาภาพลักษณ์อยู่สักหน่อย ไม่เช่นนั้นทำให้ฮั่วเจี้ยนเฟิงตกใจก็ไม่ดีแล้ว
“เหอะๆ คนไร้ความสามารถแบบนายยังมีความกล้าไม่น้อยเลยนะ เกรงว่าคงไม่ใช่ดื้อรั้นเสแสร้งหรอกนะ ให้โอกาสนายสักครั้งพอแล้ว ไม่ต้องพูดถึงหนึ่งเรื่อง เพียงแค่ชุดนี้ของนายเป็นของจริง ฉันหวังฟาง สัญญากับนายร้อยเรื่อง! “