บทที่ 82 ความลับแตก
กู้หยุนหลันเงียบไป เธอเองก็ไม่รู้เหมือนว่าอยู่ดีๆ ทำไมเธอถึงมีความคิดแบบนี้ได้
ตามที่จินซ่านน่าบอก การ์ดเชิญสีทองนี่ ทั้งเมืองฮ่านมีเพียงแค่10ใบเท่านั้น!
ซู๋ไห่เทียนไม่มีความสามารถที่จะมีได้ครอบครองได้ แล้วหลี่โม่จะเอาปัญญามาจากไหน?
จินซ่านน่าหัวเราะออกมา จับจ้องแผ่นหลังของหลี่โม่ที่ยุ่งอยู่ในห้องครัวอย่างเย็นชา ด้วยความรังเกียจในใจ “พอได้แล้วหยุนหลัน ฉันรู้ว่าเธออยากให้หลี่โม่เอาถ่านบ้าง แต่ว่านะ เธอยอมรับความจริงบ้าง เขาเป็นแค่ผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกิน เธออย่าหวังในตัวเขามากเลย แม้ว่าเรื่องโรงแรมข่ายซ่ากงคราวที่แล้ว เขาจะทำได้ไม่เลว แต่ก็ได้รับผลประโยชน์จากเศรษฐีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
พอดี ที่หลี่โม่ยกชามผลไม้ออกมาพอดี ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เพิ่งหั่นเสร็จ สดมาก”
จินซ่านน่าถลึงตาใส่หลี่โม่ หยิบการ์ดเชิญสีทองขึ้นมาไว้พร้อมเอ่ยถาม “หลี่โม่ ฉันขอถามอะไรหน่อย การ์ดนี่นายเป็นคนเอามาใช่ไหม?”
หลี่โม่หัวเราะออกมาเสียงดัง ไม่เอ่ยตอบ เพียงแค่หันไปทางกู้หยุนหลันเท่านั้น “ไปสิ โอกาสแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผมหรอก”
กู้หยุนหลันนิ่งไป ขมวดคิ้วอย่างสงสัย จับจ้องหลี่โม่นิ่ง “คุณให้ฉันไป?”
เธอเอ่ย พร้อมเกิดความโกรธขึ้นมา
หลี่โม่โง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่
เขาไม่รู้หรือไงว่าการ์ดนี่เป็นไปได้สูงว่าอาจจะเป็นของซู๋ไห่เทียน แต่เขากลับยังจะให้ฉันไปอีก?
จินซ่านน่าเองก็หัวเราะออกมา ไอ้หลี่โม่นี่ ปัญญาอ่อนเสียจริง
หากการ์ดนี่เป็นของซู๋ไห่เทียนจริงๆ ถ้าอย่างนั้นการกระทำของเขา ก็เท่ากับว่าผลักไสภรรยาของตัวเองไปให้กับคนอื่น!
กู้หยุนหลันลุกขึ้นยืน ถลึงตาใส่หลี่โม่ด้วยความโกรธ พลันหยิบกระเป๋าขึ้น กล่าวกับจินซ่านน่า “น่าน่า เราไปกันเถอะ ในเมื่อเขาอยากจะให้ฉันไป แล้วทำไมฉันถึงจะไม่ไปแล้วล่ะ!”
เธอกล่าว พลางหมุนตัว เหยียบรองเท้าส้นสูงเดินออกไปด้วยความโมโห
จินซ่านน่าหยิบการ์ดมาไว้ด้วยความดีใจ ก่อนไป เธอไม่ลืมที่จะตบหน้าอกของหลี่โม่เบาๆ ยกนิ้วหัวแม่มือขึ้น ชื่นชมชายหนุ่ม “หลี่โม่ นายมันแน่มาก นายผลักภรรยาไปให้คนอื่น ถึงว่า ทำไมนายไม่ให้ชีวิตดีๆ แก่กู้หยุนหลัน วางใจเถอะ หากกู้หยุนหลันหย่ากับนาย ฉันจะช่วยหาผู้หญิงที่เหมาะสมกับแกให้”
จบคำ จินซ่านน่าสะบัดผมรอนสลวย วิ่งไล่ตามกู้หยุนหลันไป
เมื่อมาจากในบ้าน กู้หยุนหลันยืนอยู่ที่ข้างรถของจินซ่านน่า ด้วยความโมโห
“หยุนหลัน ทำไมถึงรีบจังเลย โกรธหลี่โม่เหรอ?” จินซ่านน่าเดินเข้าไป คล้องคอกู้หยุนหลัน พลางหยอกเย้า
เหอะ!
กู้หยุนหยุนไม่พอใจ หันกลับไปมองที่ประตูบ้าน ตะโกนใส่ตัวบ้านเสียงดัง “หลี่โม่ ไอ้คนไม่เอาไหน!” ก่อนที่จะเปิดประตูรถ สั่งให้จินซ่านน่าออกรถ
ทั้งคู่ทานอาหารที่ร้านอาหารตะวันตก เมื่อได้เวลาแล้ว ถึงได้เดินทางไปที่Vienna Concert Hall
Vienna Concert Hallในคืนนี้ เป็นจุดสนใจของเมืองฮ่าน
เป็นงานพรหมแดง ด้านนอกมีวงดนตรีที่มีระดับ แสดงดนตรีสด
รถหรูจอดสนิทอยู่ที่หน้าพรหมแดงต่อเนื่อง เหล่าหญิงชายที่เดินลงมาจากรถต่างแต่งการด้วยความสวยสดงดงาม เป็นผู้ที่มีหน้ามีตาของเมืองฮ่านทั้งนั้น เหล่าลูกหลานเศรษฐีเองก็มาในงานนี้ด้วยไม่น้อย
รอบทิศในVienna Concert Hall ประกอบไปด้วยโปสเตอร์มากมาย ที่น่าจับตามอง ดึงดูดเหล่านักข่าวมาในงานนี้อยู่ไม่น้อย
จินซ่านน่าลากกู้หยุนหลัน มาที่หน้าโถงใหญ่ เพิ่งก้าวผ่านประตู เสียงตะโกนเรียกก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง “หยุนหลัน หยุนหลัน คุณมาแล้วหรือ ผมรออยู่นานเลย”
ซู๋ไห่เทียนวิ่งมาจากทางด้านหลังอย่าง ด้วยชุดสูทรองเท้าหนัง ผมถูกเซตไปทางด้านหลัง ดูสะอาดสะอ้าน และหล่อเหลา
จินซ่านน่าเหลือบมองซู๋ไห่เทียน ฉีกรอยยิ้มหวาน “ซู๋ไห่เทียน นายแต่งตัวมาโดยเฉพาะเลยหรือ? ทางผมนี้ไม่ค่อยจะเหมาะกับนายเลย หน้าผากกว้างขนาดนี้ ฉันคิดว่าเป็นหน้าของลาซะอีก”
“เธอ!”
ซู๋ไห่เทียนโกรธจัด แต่ก็ต้องกำหมัดเอาไว้เมื่อเห็นกู้หยุนหลันที่อยู่ข้างๆ กัดฟันทน “จินซ่านน่า ฉันไม่อยากจะทะเลาะกับเธอ”
ก่อนที่จะหันไปทางกู้หยุนหลันด้วยรอยยิ้ม “หยุนหลัน เราเข้าไปเถอะ งานจะเริ่มแล้ว”
กู้หนุนหลันเองก็แอบหยิบเข้าที่แขนของจินซ่านน่า เพื่อบอกให้เธออย่าพูดมาก
ทั้งคู่ไม่ถูกกันอยู่แล้ว
เพราะแต่ก่อน ซู๋ไห่เทียนเคยตามจีบจินซ่านน่ามาก่อน แต่กลับถูกปฏิเสธ
จินซ่านน่าเป็นคนเย่อหยิ่ง ไม่มีใครที่อยู่ในสายตาของเธออยู่แล้ว
สำหรับเธอ มีเพียงแค่เจ้าชายขี่ม้าขาวที่เป็นจุดสนใจของคนทั้งเมืองเท่านั้น ถึงจะเข้าตาเธอ
หลังจากนั้น ทั้งสามเข้าไปในงานพร้อมกับการ์ดเชิญ
ซู๋ไห่เทียนไม่ทันได้สังเกตว่าการ์ดในมือของกู้หยุนหลันนั้นเป็นสีทอง มัวแต่โอ้อวดตัวเองอยู่ข้างหน้า บอกว่าครั้งนี้เขาทุ่มเงินไปมากแค่ไหนกว่าจะได้การ์ดเชิญมา แถมยังบอกว่าหลังจากที่จบงาน จะมีเซอร์ไพรส์ให้กับกู้หยุนหลัน
กู้หยุนหลันและจินซ่านน่าเดินตามหลังของซู๋ไห่เทียน จินซ่านน่าล้อเลียนทีท่าของซู๋ไห่เทียนอยู่ข้างหลังตลอด พูดซ้ำประโยคของชายหนุ่ม
ทำให้ซู๋ไห่เทียนปวดกบาล แทบจะทนไม่ไหวอยู่หลายรอบ
ยังดี ที่กู้หยุนหลันขัดขึ้นเสียก่อน “เราอยู่แถวแรก”
กู้หยุนหลันกวาดสายตามอง ถึงได้พบว่า แถวแรกนั้น มองเห็นได้อย่างชัดเจน และมีเพียงแค่สิบที่นั่งเท่านั้น
ระยะห่างกับแถวที่สอง โดยประมาณสองเมตรได้
ดูก็รู้ว่าเป็นที่ที่มีสถานะสูงศักดิ์
ซู๋ไห่เทียนจ้องมองที่กู้หยุนหลันและจินซ่านน่า พร้อมเอ่ยอย่างประหลาดใจ “พวกเธออยู่แถวแรกงั้นเหรอ”
เขาถึงได้รู้สึกตัว ว่าเขาอยู่แถวที่สี่ แต่กู้หยุนหลันกลับอยู่แถวแรก?
นี่มันหมายความว่ายังไง?
ทันใดนั้น เขาคิดในใจ หรือว่าผู้จัดการหลินตั้งใจจัดการให้เป็นพิเศษ?
ยังไงซะ เขาก็จ่ายไปสองเท่า คงจะเป็นอย่างนั้นแน่
จึงไม่คิดอะไรไปมากกว่านั้น นั่งที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ ที่สำคัญคือเซอร์ไพรส์หลังจบงาน
ซู๋ไห่เทียนไม่ได้มาฟังดนตรีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จึงไม่ใส่ใจกับที่นั่ง
“ไม่เป็นไร พวกเธอนั่งเถอะ ผมอยู่ข้างหลัง หลังจบงาน คุณรอผมที่หน้าประตู ผมมีเซอร์ไพรส์” ซู๋ไห่เทียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะเดินไปที่แถวที่สี่
กู้หยุนหลันหันไปยิ้มให้กับเขาด้วยความรู้สึกผิด ก่อนที่จะดึงแขนจินซ่านน่าให้นั่งลง
แถมยังเป็นที่นั่งที่อยู่กลางสุดอีกต่างหาก!
กู้หยุนหลันเริ่มตงิดใจขึ้นมา จึงกระซิบเสียงแผ่ว “น่าน่า แกว่าที่เป็นการจัดการของซู๋ไห่เทียนจริงหรือ?”
จินซ่านน่ายักไหล่ “ใครจะไปรู้ล่ะ บางทีอาจจะเพื่อเอาอกเอาใจเธอ จึงใช้เงินจำนวนมาก ช่างมันเถอะ แกคิดซะว่าเป็นตัวสำรองแล้วกัน”
กู้หยุนหลันทำตาขวางใส่จินซ่านน่า “แกจะคิดแบบนี้ไม่ถูก นี่เป็นการหลอกเขาชัดๆ”
“ใครขอให้เขาโง่เองล่ะ แล้วฉันก็ไม่ชอบเขาอยู่แล้วด้วย”
จินซ่านน่าบ่นอุบ
ไม่นาน ดนตรีเริ่มขึ้น
การแสดงต่อเนื่อง เป็นเวลากว่าชั่วโมง
ตามด้วยรายการสุดท้าย จะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากจิ่วสืออีร่างนักเปียโนที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่าง《ท้องฟ้า》
กู้หยุนหลันตื่นเต้นมาก พลันปรบมือ พร้อมเผยสายตาประกาย
นี่เป็นงานดนตรี
หลังจากที่งานจบลง กู้หยุนหลันประทับใจอย่างมาก
หลังจากที่ออกจากโถงดนตรี ซู๋ไห่เทียนยืนรออยู่ที่หน้าประตู ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า พร้อมกับในมือที่ถือช่อดอกไม้เอาไว้ ดูเหมือนว่าจะสารภาพรัก
“หยุนหลัน นี่ปมให้คุณ อีกประเดี๋ยว ผมจะพาคุณไปที่ที่หนึ่ง”
ซู๋ไห่เทียนยื่นช่อดอกไม้ให้กับหญิงสาว
กู้หยุนหลันประหม่า ไม่อยากจะรับ
ดี ที่เวลานี้หญิงสาวที่อยู่ในชุดสูทสีดำเดินเข้ามา ด้วยรอยยิ้มหวาน “ไม่ทราบว่า ใช่คุณกู้หยุนหลันไหมคะ?”
กู้หยุนหลันนิ่งไป ก่อนพยักหน้ารับ “ใช่ค่ะ ฉันเอง”
“สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นผู้จัดการของที่นี่ ชื่อว่าหลินชิงหาน” หลินชิงหานกล่าวด้วยรอยยิ้ม เหลือบมองไปที่ซู๋ไห่เทียนที่อยู่ข้างๆ
ผู้จัดการของVienna Concert Hall?!
กู้หยุนหลันเองก็รู้สึกประหลาดใจ “ผู้จัดการหลิน มีอะไรหรือคะ?”
“หากคุณกู้สะดวก ช่วยมากับดิฉันสักครู่ทางนี้ค่ะ” หลินชิงหานเผยรอยยิ้ม
กู้หยุนหลันหันไปทางจินซ่านน่า ก่อนกล่าวตอบ “สะดวกค่ะ”
ทันใดนั้น เธอนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนที่จะหยิบการ์ดสีทองออกมาจากกระเป๋า “ใช่สิผู้จัดการหลิน ฉันมีเรื่องจะถามสักหน่อย การ์ดสีทองนี่ใครเป็นคนให้มาหรือคะ?”