บทที่ 77 ไปขอโทษ
สมองของกู้หยุนหลันในตอนนี้ว่างเปล่า เธอพยักหน้ารับ แล้วให้หลี่โม่พาเธอออกไป
แต่แล้ว หวางเมิ่งเหยาที่อยู่ด้านข้างก็ถลาตัวเข้ามาขวางทางหลี่โม่กับกู้หยุนหลันเอาไว้ แล้วตะโกนตีโพยตีพายว่า “แกออกมาได้ยังไง? ทำไมแกถึงไม่บาดเจ็บเลยฮะ? แล้วคนที่ถูกทำร้ายเมื่อกี้คือใครกัน?”
เธอไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าหลี่โม่จะออกมาโดยไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บใดๆแบบนี้
หลี่โม่หันกลับไปมองหวางเมิ่งเหยาด้วยสายตาเย็นชา แล้วกล่าวเตือนไปว่า “หลีกไป!”
คำง่ายๆเพียงสองคำ ทำเอาหวางเมิ่งเหยาตกใจจนก้าวถอยหลัง
น่ากลัวจริงๆทั้งน้ำเสียงและท่าทางนั่น!
นี่เป็นสิ่งที่คนไร้ประโยชน์แบบเขาจะแสดงออกมาได้งั้นเหรอ?
นี่ทำให้ภายในใจของหวางเมิ่งเหยาทั้งเกลียดทั้งหวาดกลัว จู่ๆเธอก็ยกมือขึ้นตั้งใจจะตบแรงๆไปที่หน้าของหลี่โม่พร้อมกับตะโกนว่า “แกกล้าดุฉันหรอ? พี่ฉันกับท่านเฉียวยังอยู่แกก็กล้าดุฉันเหรอ?”
ป้าบ!
เธอหวดมือลง แต่กลับถูกอีกฝ่ายบีบค้างเอาไว้แน่นกลางอากาศ
หลี่โม่บีบข้อมือของเธอ เขาใช้แรงเพียงเล็กน้อย หวางเมิ่งเหยาก็เจ็บจนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
“อย่าบังคับให้ผมต้องลงมือ!” หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก จากนั้นก็สะบัดมือของหวางเมิ่งเหยา ก่อนจะตั้งท่าพากู้หยุนหลันจากออกมา
หวางเมิ่งเหยาที่ถูกผลักจนเซเกิดความโกรธแค้นใจ เธอกัดฟันแน่น ก่อนจะมองไปเห็นหวางห้านเชาที่เดินกะเผลกออกมาจากประตู
จมูกฟกช้ำใบหน้าบวมเป่ง บาดเจ็บไปทั้งตัว!
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
“พี่คะ!”
หวางเมิ่งเหยารีบพุ่งตัวเข้าไปพยุงหวางห้านเชาเอาไว้ทันที “ทำไมถึงเป็นแบบนี้? ใครตบพี่กันคะ? เป็นไอ้เศษสวะหลี่โม่นั่นใช่ไหม!”
พูดจบ หวางเมิ่งเหยาก็มองจ้องหลี่โม่กับกู้หยุนหลันที่กำลังจะเดินออกจากประตูด้วยสายตาอาฆาตแค้น เธอรีบพุ่งตัวไปคว้าเอาแจกันอันหนึ่งที่ด้านข้าง ก่อนจะฟาดไปที่กู้หยุนหลัน!
ในตอนนั้นหวางห้านเชาอยากจะคว้าตัวน้องสาวที่โง่เขลาของเขาเอาไว้ แต่ก็ไม่ทันการณ์ เขาได้แต่มองฉากเบื้องหน้าอย่างสิ้นหวัง
เรื่องเกิดขึ้นไวมาก!
ทุกคนต่างพาก็ตกใจ หลี่โม่สัมผัสได้ถึงความอันตรายที่ด้านหลังของเขา เขาผลักกู้หยุนหลันออกไปด้วยสัญชาตญาณ ก่อนจะยกมือขึ้นบังไว้ และก็บังเอาไว้ได้ทันจริงๆ
แจกันถูกฟาดลงบนแขนของหลี่โม่ ความเจ็บบังเกิดขึ้น ส่วนแจกันนั้นแตกออก
เลือดสดๆไหลลงมาตามแขนของเขา
แขนของหลี่โม่ถูกบาดจนเป็นแผลใหญ่
กู้หยุนหลันเบิกตากว้าง เธอกระวนกระวายใจโผตัวเข้าไป แล้วมองดูมือของหลี่โม่ที่เต็มไปด้วยเลือด
ในเวลานี้เธอโมโหมาก เธอหันหลังกลับไป เดินกระแทกส้นสูงเสียงดักตึกตึกตึกตรงเข้าหาหวางเมิ่งเหยา ก่อนจะยกมือขึ้นแล้วหวดลงบนใบหน้าของหวางเมิ่งเหยาอย่างแรง พร้อมพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “หวางเมิ่งเหยา ตบครั้งนี้ฉันคืนให้เธอ!”
ป้าบ!
แล้วก็ตบอีกครั้ง!
“ส่วนครั้งนี้เป็นการตบแทนสามีฉัน!”
จากนั้น กู้หยุนหลันก็ใช้กระดาษชำระปิดที่แผลของหลี่โม่เอาไว้ ก่อนจะรีบผ่านหลี่โม่ออกมา
ในตอนนั้นเอง คนทั้งสำนักงานแทบจะระเบิด!
ไม่มีใครกล้าออกเสียง
ฉากแต่ละฉากเบื้องหน้า ทำเอาพวกเขาไร้ซึ่งการตอบสนอง
หวางห้านเชาโดนทำร้ายจนแทบดูไม่ได้ หวางเมิ่งเหยาก็ถูกกู้หยุนหลันตบติดกันไปสองครั้ง
เฉียวเจิ้งหลงยืนอยู่หน้าประตู เขาใช้สายตาโกรธแค้นมองไปยังสองพี่น้อง แล้วพูดเสียงเข้มว่า “พวกเรากลับ”
เมื่อกี้ หลี่โม่ได้พูดกับเขา ว่าเรื่องของหวางห้านเชาเขาจะจัดการเอง ไม่ต้องการให้เฉียวเจิ้งหลงยื่นมือเข้ามาแทรกอีกแล้ว
ในเวลานั้นเฉียวเจิ้งหลงก็เข้าใจว่า ในเมืองฮ่านจะไม่มีตระกูลหวางอีกต่อไป
หวางห้านเชาก็เข้าใจเหมือนกัน ดังนั้นหลังจากที่เขาออกมาแล้วถึงได้เป็นราวกับคนตาย ในเวลานั้นก็ยังเห็นน้องสาวตัวเองทำให้หลี่โม่บาดเจ็บอีก ใจของเขาก็รู้ทันทีว่า พวกเขาตายแน่
ภายในคลินิกเล็กๆบนถนน
กู้หยุนหลันไปจัดการกับบาดแผลเป็นเพื่อนหลี่โม่ เธอนั่งเจ็บปวดใจอยู่ข้างเขา ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เป็นยังไงบ้าง เจ็บหรือเปล่า?”
หลี่โม่ยิ้มอย่างมีความสุข “ไม่เป็นไรครับ แผลเล็กนิดเดียว คุณนั่นล่ะ เจ็บหน้าหรือเปล่า?”
กู้หยุนหลันคิ้วโค้งงอ บนใบหน้ายังมีรอยบวมแดงอยู่เล็กน้อย
นึกถึงว่าในเหตุการณ์เมื่อกี้นี้ หลี่โม่เป็นราวกับเจ้าชายขี่ม้าขาวที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของเธอ
หัวใจเต้นแรงแบบนั้น ไม่ได้มีมานานแล้ว
หลี่โม่เหมือนจะเปลี่ยนไปจริงๆ
กู้หยุนหลันส่ายหน้า เธอยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันไม่เป็นไร เมื่อกี้…ขอบคุณนะ”
หลี่โม่ยิ้ม “คุณเป็นภรรยาผมนะครับ พูดขอบคุณอะไรกับผมกัน”
กู้หยุนหลันมองค้อนเขาไปหนึ่งที ก่อนจะหยิกเนื้อน้อยบริเวณเอวของเขา แล้วพูดว่า “ก็นายน่ะปากเสีย แต่ว่า เมื่อกี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมคนที่โดนทำร้ายในห้องทำงานนั่นถึงไม่ใช่นายล่ะ?”
กู้หยุนหลันไม่เข้าใจเลยสักนิด
หวางห้านเชาเป็นคนของคุณชายเฉียวแท้ๆ ทำไมสุดท้ายคนที่บาดเจ็บออกมากลับเป็นหวางห้านเชากันนะ
หรือว่า หลี่โม่จะมีความลับอะไรผิดบังเธออยู่?
หลี่โม่คิดก่อนที่จะยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ผมก็ไม่รู้ครับ หลังจากเข้าไปแล้ว ท่านเฉียวคนนั้นก็เกิดขัดแย้งกับหวางห้านเชาขึ้นมา คงจะเป็นเรื่องอะไรจัดการได้ไม่ดีล่ะมั้งครับ ผมเลยแค่ยืนดูอยู่ข้างๆ เป็นเรื่องไรผมก็ไม่แน่ใจ ทำไม คุณคงไม่ได้คิดว่าท่านเฉียวแห่งเมืองฮ่านคนนั้นจะรู้จักผม แล้วช่วยจัดการแทนผมหรอกใช่ไหม”
ได้ยินหลี่โม่พูดแบบนั้น ความสงสัยในใจของกู้หยุนหลันก็หายไปหมด
“ก็ได้…แต่ว่า เรื่องนี้จะต้องยุ่งยากแน่ ยังไงซะหวางเมิ่งเหยาก็เป็นผู้ร่วมลงทุนของบริษัทเรา กู้ซิงเว๋ยจะต้องไปพูดจาเหลวไหลต่อหน้าคุณปู่แน่”
กู้หยุนหลันสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
หลี่โม่คิดๆแล้วพูดไปว่า “ไม่เป็นไร ไม่ได้จริงๆก็เปลี่ยนคนลงทุนสิครับ จะว่าไปแล้วเรื่องวันนี้น่ะ แต่เดิมก็เป็นความผิดของหวางเมิ่งเหยา คุณอย่าไปสนใจเลยนะครับ”
“จะไม่สนใจได้ยังไง ทำให้ผู้ลงทุนไม่พอใจแบบนั้น ฉันเป็นรองประธานที่เพิ่งจะขึ้นรับตำแหน่งนะ ถ้าโดนคุณปู่ตำหนิลงมาล่ะก็ ไม่แน่ตำแหน่งรองประธานนี้ก็คงจะโดนถอดทิ้ง แล้วกู้ซิงเว๋ยก็ได้เป็นคางคกขึ้นวออีกน่ะสิ” กู้หยุนหลันดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด
หลี่โม่หยักไหล่ ก่อนจะพูดอย่างเรียบเฉยว่า “อย่างกังวลเลยครับ ไม่ใช่ว่ายังมีผมเหรอ สามีคุณคนนี้จะเป็นเบื้องหลังที่แข็งแรงให้คุณเอง”
กู้หยุนหลันมองหลี่โม่ ก่อนจะค้อนเขา
เมื่อออกจากคลินิกแล้ว หลี่โม่ก็พากู้หยุนหลันไปส่งที่โรงพยาบาล ส่วนตัวเขาเองขอตัวไปห้องน้ำเพื่อที่จะโทรศัพท์ ในสายนั้น มีเสียงที่นอบน้อมเสียงหนึ่งดังขึ้น “คุณหลี่ ท่านมีอะไรต้องการจะสั่งครับ?”
ในเวลานี้ ฉู่จงเทียนกำลังคุยเรื่องธุรกิจกับเพื่อนของเขาอยู่ เมื่อรับโทรศัพท์ของหลี่โม่แล้วก็ยกหูขึ้นทันที พร้อมกับเผยรอยยิ้มที่แสดงถึงความเคารพ
สิ่งนี้ทำเอาเพื่อนๆหลายคนถึงกับตกตะลึง!
เฮียของสังคมอิทธิพลมืดแห่งเมืองฮ่านอย่างฉู่จงเทียนเคยให้ความเคารพใครแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?
คนในสายคนนี้ ฐานะไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
“ตรวจดูตระกูลหวางผู้ลงทุนของบริษัทวินเซิง เตือนพวกเขาหน่อย ว่าถ้าหากสร้างความลำบากให้กู้หยุนหลันล่ะก็ ตระกูลหวางจะไม่มีที่อยู่ในเมืองฮ่านอีกต่อไป” หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“คุณหลี่ วางใจเถอะ ผมจะจัดการให้ครับ” ฉู่จงเทียนกล่าว
ทางด้านฉู่จงเทียนที่วางโทรศัพท์ ทีแรกตั้งใจจะให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นคนจัดการ แต่มาคิดๆดูแล้ว ตัวเขาเป็นคนโทรหาตระกูลหวางด้วยตัวเองคงจะดีกว่า
ในตอนนั้น หวางฉางเห้ออยู่ในคฤหาสน์ของตระกูล เขาเดินวนไปวนมาด้วยความโกรธถึงขีดสุด
ก่อนหน้านี้ ลูกสาวของเขามาฟ้องทั้งน้ำตา ส่วนลูกชายก็โดนทำร้ายจนแทบแทบหมดสภาพ
ประเด็นคือ คนลงมือยังเป็นถึงท่านเฉียวแห่งเมืองฮ่าน!
นี่ทำเอาคนที่ชอบถือหางอย่างหวางฉางเห้อถึงกับลำบาก
“พ่อคะ พ่อจะต้องจัดการให้หนูนะคะ ไอ้หลี่โม่นั่นมันเป็นลูกเขยแต่งเข้าไร้ประโยชน์ของตระกูลกู้ก็มากพอแล้ว มันยังกล้าตบหนูอีก! แล้วก็ยังนังแพศยากู้หยุนหลันนั่นอีก มันก็กล้าตบหน้าหนูต่อหน้าคนมากขนาดนั้น นี่เท่ากับไม่เห็นหวางเมิ่งเหยาคนนี้อยู่ในสายตาเลยนะคะ!”
หวางเมิ่งเหยาตะโกนอย่างโมโห “ยกเลิกการลงทุน พ่อคะ หนูต้องการให้พ่อยกเลิกซะ หนูจะสั่งสอนนังแพศยากู้หยุนหลันนั่น”
“พอได้แล้ว!”
แต่แล้วหวางฉางเห้อกลับตะคอกขึ้น ก่อนจะถลึงตาใส่หวางเมิ่งเหยา เขาเหลือบตามองหวางห้านเชาแล้วถามขึ้นว่า “ลูก ลูกแน่ใจใช่ไหมว่าท่านเฉียวมีท่าทางเคารพหลี่โม่มากน่ะ?”
หวางห้านเชาพยักหน้า “ใช่ครับ ผมเห็นด้วยตาตัวเองเลย หลี่โม่คนนี้จะต้องไม่ใช่แค่ลูกเขยแต่งเข้าธรรมดาๆแบบนั้นแน่”
“ฮึ! พวกพี่น่ะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปได้ หนูว่านะ ไอ้เฉียวเจิ้งหลงนั่นก็คงมีแต่ชื่อเสียงจอมปลอมนั่นล่ะ แม้แต่กับเศษสวะแบบนั้นก็ยังกลัว” หวางเมิ่งเหยาบ่นพึมพำ สีหน้าเต็มปด้วยความหยิ่งผยอง
หวางฉางเห้อถลึงตาใส่เธอ ก่อนจะส่ายหน้าและถอนหายใจ แล้วดุขึ้นว่า “ลูก ทำไมลูกถึงยังไม่เข้าใจอีก? เฉียวเจิ้งหลงไม่ใช่คนธรรมดานะ คำพูดของเขาแค่ประโยคเดียว ในเมืองฮ่านนี้ตระกูลหวางเราก็ไร้ที่ยืนได้เลย ลูกเข้าใจไหม?”
ได้ยินพ่อพูดแบบนั้น หวางเมิ่งเหยาตระหนักถึงความหนักหนาของปัญหานี้ เธอถามอย่างไม่กล้าแม้แต่จะเชื่อว่า “พ่อคะ พ่ออย่าทำหนูตกใจสิคะ นี่มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน ก็เห็นๆอยู่ว่าหลี่โม่มันก็แค่ไอ้คนไร้ประโยชน์คนหนึ่งนะคะ”
หวางฉางเห้อส่ายหน้า ในใจร้อนรนจนแทบแย่
ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น!
หวางฉางเห้อรับโทรศัพท์ แล้วพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “แม่งเอ๊ยใครกันวะ! บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามาขายของให้ มีบ้านมีเงินครบแล้วเว้ย!”
“เหอๆ หวางฉางเห้อ นี่ผมเอง ฉู่จงเทียน” เสียงหนึ่งดังขึ้นในโทรศัพท์
ฉู่จงเทียน?
หวางฉางเห้อตกใจจนเหงื่อแตก เขาพูดตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ทั้งตื่นเต้นทั้งหวาดกลัว “ท…ท่านเทียน?”
ชื่อของฉู่จงเทียนในเมืองฮ่านนี้ ก็คือจุดสูงสุดของอำนาจ!
แค่เขาพยักหน้าครั้งเดียว ตระกูลหวางก็สามารถหายไปจากเมืองฮ่านอย่างไร้ร่องรอยได้เลย
คิดไม่ถึงเลย ว่าฉู่จงเทียนผู้ที่เป็นเฮียของสังคมอิทธิพลมืดแห่งเมืองฮ่านจะโทรศัพท์หาเขา
“ท่านเทียน ขอโทษครับ ผมไม่ทราบว่าเป็นท่าน ก็เลยนึกว่าเป็นพนักงานขายโทรมา” หวางฉางเห้ออธิบายด้วยรอยยิ้มที่แฝงความประจบเอาไว้บนใบหน้าของเขา “ท่านเทียน ทำไมจู่ๆถึงโทรหาผมเหรอครับ?”
ฉู่จงเทียนขี้เกียจที่จะอ้อมค้อม จึงกล่าวตรงประเด็นไปว่า “มีคนให้ผมมาเตือน ว่าอย่าสร้างปัญหาให้คนของบริษัทวินเซิงที่ชื่อกู้หยุนหลัน ไม่อย่างงั้น ชื่อของตระกูลหวางแห่งเมืองฮ่านจะกลายเป็นแค่ประวัติศาสตร์!”
ป้าบ!
เมื่อพูดประโยคนั้นจบ สายโทรศัพท์ก็วางไป
หวางฉางเห้อตกตะลึงจนยืนค้างอยู่กับที่ ทั้งตัวสั่นและเหงื่อออกท่วม เขาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา แล้วพึมพำออกมาว่า “จบกัน จบแน่ ตระกูลหวางของเราจบเห่แน่”
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หวางฉางเห้อก็ลุกขึ้นพูดอย่างร้อนรนว่า “เร็วเข้า พวกลูกรีบไปบริษัทวินเซิงกับพ่อเดี๋ยวนี้เลย!”
“พ่อครับ ทำไมจู่ๆจะไปบริษัทวินเซิงล่ะครับ? พ่อเป็นอะไรไป?” หวางห้านเชาไม่เข้าใจ
“ทำอะไรน่ะเหรอ? ก็ไปขอโทษกู้หยุนหลันแทนแกสองคนยังไงล่ะ!”
หวางฉางเห้อพูดอย่างโมโห “รู้ไหมว่าใครโทรมา? ฉู่จงเทียน ท่านเทียนน่ะ! ครั้งนี้พวกแกเอาปัญหาใหญ่มาให้พ่อเลยนะ! ”