บทที่ 36 เขายังเป็นขยะ
หลี่โม่กระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชาและพูดว่า “ให้เขาขึ้นมา ผมจะรอฟัง คุณจัดการ”
“ครับ คุณหลี่” หลี่โม่พูด
ไม่กี่นาทีต่อมา กู้ซิงเว๋ยก็เดินขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า สองมือยื่นออกประจบประแจง “โอ้ ประธานหรุง ในที่สุดผมก็ได้พบคุณ จิตใจเต็มตื้นจริงๆ ตื่นเต้นมากครับ”
หรุงปินยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ยินดีต้อนรับครับผู้จัดการกู้”
กู้ซิงเว๋ยเห็นหรุงปินจับมือตัวเองก็ยกยิ้มมุมปาก ดูเหมือนว่าวันนี้บริษัทรุงคางจะยอมรับการเปลี่ยนผู้รับผิดชอบ
แบบนี้ก็สนุกสิ
อย่างที่คาด ฉันกู้ซิงเว๋ย เป็นมังกรในฝูงมนุษย์ เขาสิถึงจะเป็นอนาคตของตระกูล
แต่ว่าสายตาของเขาเหลืบไปพบสิ่งที่ไม่คาดคิด ในสำนักงานยังมีคนอื่นอยู่ด้วย และกำลังนั่งดื่มชาอยู่ที่โต๊ะอย่างสง่า
“หลี่โม่งั้นเหรอ ไอ้ขยะมาทำอะไรที่นี่” กู้ซิงเว๋ยเปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน ดูท่าทางไม่พอใจมาก หางตาเจือร่องรอยเย็นชาและเหยียดหยาม
ไอ้เศษสวะมาทำอะไรที่นี่
แถมยังนั่งโซฟาดื่มชาอย่างสบายอารมณ์อีก
ผู้ชายคนนี้ ไม่รู้หรือไงว่าที่นี่คือที่ไหน
นี่เป็นสำนักงานของประธานบริษัทรุงคางนะ!
หลี่โม่หัวเราะฮ่าฮ่า โบกมือและพูดยิ้มๆ “สวัสดี กู้ซิงเว๋ย”
“สวัสดีพ่อมึงสิ! ทำไมแกมาอยู่ที่นี่!” กู้ซิงเว๋ยโกรธทันที ขมวดคิ้วเย็นชามองตาขวาง
หลี่โม่คนนี้ ทำไมมานั่งสบายใจอยู่ที่นี่ได้
“อีกอย่าง ทำไมนั่งอยู่นั่น แถมยังดื่มชาอีกงั้นเหรอ! แกรู้ไหมว่าที่นี่มันที่ไหน ยังไม่ยืนขึ้นให้ฉันอีก!”
กู้ซิงเว๋ยโมโห ถ้าไอ้หลี่โม่สารเลวไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่นี่ทำให้หรุงปินโกรธขึ้นมา เช่นนั้นเขากับตระกูลกู้ คงไม่ได้กินผลไม้ดีๆ แน่
ในเวลานี้หรุงปินเห็นกู้ซิงเว๋ยหยาบคายใส่หลี่โม่ ในใจก็กรุ่นโกรธ หลายครั้งที่พยายามจะเอ่ยห้าม แต่ทั้งหมดถูกสายตาของหลี่โม่หยุดไว้
คุณหลี่นี่ ทั้งทั้งที่ไม่ธรรมดาอย่างมาก แล้วทำไมต้องทำตัวต่ำต้อยและอ่อนแอแบบนี้
หรือว่า เป็นนิสัยพิเศษของคนรรวย
อีกทาง หลี่โม่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงบางเบา “ทำไมฉันจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ ฉันมาหาประธานหรุงเพราะมีเรื่องบางอย่าง”
ฮ่าฮ่า!
กู้ซิงเว๋ยหัวเราะสองคำ เรียวคิ้วแสดงความเหยียดหยาม พูดเยาะเย้ยว่า “ขยะอย่างแกน่ะ มีคุณสมบัติอะไรมาหาประธานหรุง อ้อ กูเข้าใจแล้ว คงจะไม่ใช่เพราะเรื่องสัญญาเลยวิ่งมาขอร้องประธานหรุงหรอกใช่ไหม”
เมื่อพูดจบ กู้ซิงเว๋ยก็มีสายตาที่เต็มไปด้วยความขบขัน
หลี่โม่นี่มันแปลกประหลาดเกินไปแล้ว อาศัยแค่เขา จะสามารถทำอะไรได้
หลี่โม่ไม่ได้พูดอะไร เพียงมุมปากเผยรอยยิ้มจาง
และแล้วหรุงปินก็เอ่ยปาก มองกู้ซิงเว๋ยด้วยสีหน้าไม่พอใจและถามว่า “ผู้จัดการกู้ สัญญาที่คุณพูดถึงคือสัญญาที่ผมส่งให้กู้หยุนหลันผู้อำนวยการกู้ของบริษัทคุณเมื่อครั้งที่แล้วน่ะเหรอ”
กู้ซิงเว๋ยเดินหน้าไปสองก้าวทันที ผงกหัวคำนับและพูดยิ้มแย้ม “ประธานหรุงนี่ช่างรอบคอบอย่างที่คิดเลย คือแบบนี้ครับ กู้หยุนหลันไม่มีประสิทธิภาพพอ แล้วก็ไร้ความสามารถ หลังจากที่บริษัทได้ตัดสินใจ และด้วยความยินยอมของเธอเอง คนที่รับผิดชอบบริษัทของคุณครั้งนี้ จึงเปลี่ยนเป็นผมแทน ผมก็เลยมาที่นี่เพื่อบอกเรื่องนี้กับประธานหรุง ถือโอกาสลงนามความร่วมมือกับประธานหรุงด้วยเลยครับ”
พูดจบ กู้ซิงเว๋ยก็หยิบปากกาขึ้นมาอย่างไร้ยางอาย ต้องการลงชื่อเสียเดี๋ยวนี้
แต่ว่าหลี่โม่กลับพูดขึ้นอย่างเย็นชา “กู้หยุนหลันไร้ความสามารถงั้นเหรอ หรือว่ารุ่นสองที่มั่วผู้หญิงสำมะเลเทเมาอย่างนายมีความสามารถ อีกอย่าง เธอเห็นด้วยงั้นเหรอ ไม่ใช่เพราะนายร่วมมือกับคุณปู่แย่งสัญญาไปหน้าตาเฉยหรือไง”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น สายตากู้ซิงเว๋ยก็ร้อนรน หันหน้าไปจ้องหลี่โม่อย่างโกรธจัดและตะเบ็งเสียงลั่น “หลี่โม่! แกไม่พูดไม่มีใครคิดว่าแกโง่นะ! แล้วก็มันเป็นเรื่องของตระกูลกู้ของฉัน แกไม่มีสิทธิ์เข้ามาแส่! ทำไม มาสู้เพื่อเมียงั้นเหรอ แกไม่เห็นเหรอว่ากู้หยุนหลันน่ะไม่มีความสำคัญแล้ว แกก็ไม่ได้เรื่อง! ประธานหรุงเป็นคนโง่อย่างแกหรือไง แน่นอนว่าเขาต้องเห็นด้วยกับการเปลี่ยนผู้รับผิดชอบ เมื่อถึงเวลา ฉันจะเป็นคนไล่แกกับนังสารเลวกู้หยุนหลันออกจากตระกูลกู้ด้วยตัวเองแน่นอน!”
เมื่อด่าจบ กู้ซิงเว๋ยก็เบิกบานใจมาก!
จากนั้นเขาก็หันหน้ากลับมา พูดกับหรุงปินด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า “ประธานหรุง ผมจะเซ็นให้เลยนะครับ”
พูดจบแล้วเขาก็หยิบปากกามาจะเซ็น
แต่ทันใดนั้น ก็มีมือใหญ่มือหนึ่งมากดสัญญาลง เก็บมันกลับไปและพูดอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ผมคิดว่า งั้นก็รอวันที่ผู้อำนวยการกู้ของบริษัทคุณมีความสามารถก่อน ค่อยร่วมมือกันอีกครั้งแล้วกันนะครับ”
เมื่อพูดจบ หรุงปินก็เก็บสัญญากลับไป
กู้ซิงเว๋ยยืนตะลึงอยู่กับที่ สีหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ก่อนจะรีบพูดว่า “ประธานหรุงๆ การร่วมมือครั้งนี้ผมก็รับผิดชอบเหมือนกัน ความสามารถของผมแข็งแกร่งกว่ากู้หยุนหลัน แล้วก็ผม…”
กู้ซิงเว๋ยยังพูดไม่ทันจบ หรุงปินก็ขัดจังหวะคำพูดของเขาเสียก่อนและพูดว่า “ในเมื่อตระกูลกู้ไม่มีความจริงใจ ผมรู้สึกว่าการร่วมมือของเราควรชะลอไว้ก่อน ผู้จัดการกู้ ผมต้องเตือนคุณสักคำ ที่ต้องการร่วมมือกับบริษัทรุงคาง ไม่ได้มีแค่ตระกูลกู้ แล้วตระกูลกู้ที่อยู่เมืองฮ่าน ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ หรุงปินก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ส่งแขก!”
กึก!
กู้ซิงเว๋ยตกใจ หัวใจเต้นแรง
ตอนแรกคิดว่าหรุงปินจะตกลงเรื่องนี้อย่างยินดีมาก แต่คิดไม่ถึงว่า อีกฝ่ายจะยอมรับแต่นังสารเลวกู้หยุนหลันนั่น!
น่ารังเกียจ!
หรือว่าที่กู้หยุนหลันมีอะไรด้วยไม่ใช่หรุงฉางเวย แต่เป็นหรุงปิน…
ตอนนี้กู้ซิงเว๋ยรู้สึกเพียงชาที่หนังศีรษะ อึดอัดใจ เพราะคำพูดสุดท้ายของหรุงปิน มันคือการเตือนเขา บริษัทรุงคังไม่ได้มีแค่ตระกูลกู้เป็นตัวเลือกเดียว
ทำยังไงดี
การร่วมมือครั้งนี้ ต้องพังทลายลงด้วยมือตน คุณปู่คงไม่ยกโทษให้ตนแน่!
ในใจกู้ซิงเว๋ยกังวลมาก หรือว่าต้องไปเชิญนังสารเลวกู้หยุนหลันนั่นมา
ตอนนี้หลี่โม่ลุกขึ้น ตรงออกจากสำนักงานไป
กู้ซิงเว๋ยก็ไม่ได้มีใจจะอยู่ต่ออีก ส่วนหรุงปินก็หัวเราะออกมาสองคำแล้วจากไป
ชั้นล่างบริษัทรุงคาง กู้ซิงเว๋ยไล่ตามไปขวางหน้าหลี่โม่ด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว กระชากคอเสื้อเขาและเตือนอย่างดุร้าย “หลี่โม่ ฉันไม่สนว่าแกใช้วิธีอะไร แต่ฉันขอบอกแก การร่วมมือกับบริษัทรุงคาง ต้องเป็นของฉันแน่นอน! แกอยากสู้เพื่อนังสารเลวกู้หยุนหลัน มันไม่มีทาง!”
หลี่โม่ดวงตาเย็นชา ดึงข้อมือของกู้ซิงเว๋ยออก แล้วออกแรงพลิกมือ ทันใดนั้นกู้ซิงเว๋ยก็หวีดร้องอย่างน่ากลัวออกมาสองคำ
“อ๊ากก ปล่อยมือฉัน ปล่อยมือ…เจ็บๆๆ…”
หลี่โม่สายตาเย็นชาเล็กน้อยและพูดว่า “กู้ซิงเว๋ย ฉันแนะนำให้นายอย่ามายั่วโมโหฉัน! ยังมีอีก เธอชื่อกู้หยุนหลัน ไม่ได้ชื่อนังสารเลว! ถ้านายดูถูกเธออีก ฉันไม่เอานายไว้แน่!”
เมื่อพูดจบ หลี่โม่ก็ผลักกู้ซิงเว๋ยออกจนเซสะดุดไปหลายก้าว แล้วล้มลงก้นกระแทกพื้น
“หลี่โม่ แกมันสมควรตาย แกกล้าดียังไงมาลงมือกับฉัน แกจบแน่!”
กู้ซิงเว๋ยคำราม ชี้ด้านหลังของหลี่โม่ที่เดินจากไปนานแล้วด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
เมื่อครู่นี่มันสถานการณ์อะไร
หลี่โม่กล้าลงมือกับตน แถมยังเตือนตนอีกงั้นเหรอ!
เขาบ้าไปแล้วหรือไง
เขาไม่รู้เหรอว่าตนเป็นใคร
ใจกู้ซิงเว๋ยโกรธเกรี้ยว แต่ก็ทั้งตื่นตระหนกทั้งหวาดกลัว
เพราะสายตาของหลี่โม่เมื่อครู่ ความจริงแล้วมันมีบางอย่างที่ทำให้เขากลัว
เหมือนสิงโตนอนหลับ กำลังจะตื่นขึ้นมากระหายเลือด
ไม่ๆๆ
มันต้องเป็นภาพลวงตาแน่ๆ
เขามันก็แค่เศษสวะ มีความสามารถอะไรบ้าง!
กู้ซิงเว๋ยโมโหมาก ลุกขึ้นด่าอย่างไม่พอใจ “ไอ้ระยำๆ!”
ทันใดนั้นโทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น
“ซิงเว๋ย คุณปู่ถึงบริษัทแล้ว แล้วทางแกล่ะเป็นยังไงบ้าง เซ็นแล้วใช่ไหม” กู้เจี้ยนกั๋วเอ่ยถาม ในใจโลกสวยมาก ตราบใดที่ลูกชายตัวเองลงนาม เช่นนั้นลูกชายตนก็มีตำแหน่งในวินเซิง ไม่มีวันสั่นคลอน อนาคตจะได้เป็นเจ้าตระกูลตระกูลกู้ต่อ เป็นเรื่องแน่นอนไม่เปลี่ยนแปลง
“คุณพ่อ เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ผมจะกลับแล้ว” กู้ซิงเว๋ยพูดอย่างเกลียดๆ
กลับไปทางหลี่โม่ เขาเดินออกไปไม่นาน ก็ขึ้นรถโรลส์รอยซ์ที่หัวมุมถนน
นัดไว้ครั้งก่อน ต้องไปพบใครบางคน
หลี่โม่เพิ่งขึ้นรถ ที่ด้านหลังไม่ไกล รถของกู้ซิงเว๋ยก็ออกจากโรงรถพอดี เขาเหลือบมองทางนี้ รูม่านตาหดตัว ใจสั่นเล็กน้อย น้ำเสียงขาดหาย “ข้างหลังนั่นทำไมถึงได้ดูคล้ายหลี่โม่…”