ประตูฐานฝึกกองทัพปราณมังกร รถจี๊ปสีเขียวเข้มคันหนึ่งจอดลงอย่างช้า ๆ
ไม่ว่าจะเป็นรุ่นหรือแบบของรถก็ล้วนแต่ไม่มีความแตกต่างกับรถทหารของภายในกองทัพปราณมังกร
เพียงแต่ไม่มีทะเบียนรถแบบที่ใช้พิเศษในกองทัพปราณมังกร
ดังนั้นบรรดาทหารองครักษ์ของกองทัพปราณมังกรมองครั้งเดียวก็ดูออกว่าไม่ใช่รถของพวกเขา
กึก!
องครักษ์สองนายถือปืนเหล็กอยู่ที่ประตู ขัดขวางรถคันนั้นไว้ที่ประตู
“ใคร?”
พวกเขาตะโกนอย่างพร้อมเพรียง สายตาเย็นเยียบ
รถจี๊ปสีเขียวเข้มจอดลงอย่างมั่นคง ประตูรถเปิดออก ผู้ชายสองคนเดินลงมา
ผู้ชายที่เดินอยู่ข้างหน้าสวมเครื่องแบบทหารทั้งชุดดูทรงพลัง บนศีรษะสวมหมวกขุนนางผ้าแพร แต่กลับไม่ปรากฏใบหน้า กลับสวมหน้ากากหน้ายิ้มสีดำอันหนึ่ง ตอนที่แสงอาทิตย์ส่องก็ดูน่าสะพรึงกลัว
ส่วนผู้ชายที่อยู่ด้านหลังละมุนละไมราวกับหยก สวมชุดสูทรองเท้าหนังทั้งตัว เขาเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ทำส่งแรงกดดันมหาศาลให้กับผู้คนราวกับภูเขาไท่ซาน
“คุณ… คุณหลิน?”
องครักษ์ทั้งสองคนจะไม่รู้จักผู้ชายแปลกประหลาดที่สวมหน้ากากนั้นก็ได้ แต่จะไม่รู้จักหลินรั่วหวีไม่ได้
หลินรั่วหวีเดินขึ้นมา พยักหน้าให้กับพวกเขา “เขาคือคนที่ผมพาเข้ามา”
องครักษ์ทั้งสองคนลังเลใจอยู่พักหนึ่ง ไม่รู้ว่าควรจะปล่อยไปหรือไม่
หลินรั่วหวีมีอิทธิพล แต่อิทธิพลของเขาไม่ใช่ในกองทหารแน่ ๆ
“ให้เขาเข้ามาเถอะ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเยือกเย็นของผู้หญิงเสียงหนึ่งดังมาจากในฐานทัพ
ได้ยินอย่างนั้น องครักษ์ทั้งสองถึงได้กล้าปล่อยให้ผ่านไป
ได้ยินเสียงนี้แล้ว ใบหน้าภายใต้หน้ากากของค้างคาวก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะมองไปตามเสียง
ผู้หญิงสวยที่มีนิสัยเยือกเย็นคนหนึ่งเดินมาประจันหน้า
ด้วยเหตุนี้เขาจึงแสยะยิ้มขึ้นมา “เจียงไป๋เสว่”
เจียงไป๋เสว่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “เข้ามาเถอะ”
หลินรั่วหวีมองไปยังค้างคาว “ฉันแค่มาเป็นเพื่อน จะสำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับนายแล้ว”
ค้างคาวแสยะยิ้มออกมา ไม่ได้พูดอะไร เดินก้าวยาว ๆ เข้าไป
หลังของเขายืดตรงเหมือนกับแม่ทัพคนหนึ่งที่ชนะสงครามกลับมาอย่างไรอย่างนั้น ทุกคนที่ผ่านไปผ่านมาล้วนแต่รู้สึกว่าเขาหยิ่งทะนงออกมาจากเบื้องลึก
ทุกคนล้วนแต่มีภาพมายาขึ้นมา ดูเหมือนว่าเขาควรจะกลับมาตั้งแต่แรกเริ่ม กลับมาที่นี่
สายตาของเจียงไป๋เสว่กลับดุดันขึ้นทีละน้อย
ถังเฉาไม่อยู่แล้ว ผู้คนต่างก็ดิ้นพล่านกันขึ้นมา
ค้างคาวมาถึงประตูของสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ที่มีรูปร่างสมมาตรพิจารณาโครงสร้างด้านในอย่างลึกซึ้ง
“ห้าปีแล้ว ที่นี่ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย”
ค้างคาวลูบตัวผนังเบา ๆ พูดพึมพำกับตัวเอง
มองอยู่นานเขาจึงได้เก็บกดความปลงอนิจจังและความโมโหอย่างรุนแรงเอาไว้ได้ ใส่กลอนประตูของสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่เบา ๆ
“เข้ามา”
ด้านในห้องส่งเสียงทุ้มต่ำทรงพลังของหลงไป่ชวนออกมา
ค้างคาวผลักประตูเข้าไป มองเห็นหลงไป่ชวนกำลังนั่งตัวตรงอยู่บนที่นั่งด้านบน สายตาดุจเปลวเพลิง พลังดุจเทพ
จ้องท่านเจ้ามังกรอย่างไม่ละสายตา ค้างคาวหัวเราะหึ ๆ ขึ้นมา โค้งกายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งครั้ง “ท่านเจ้ามังกร ไม่ได้พบกันนานนะครับ”
“ไม่เจอจะดีกว่า”
หลงไป่ชวนร้องเฮอะเสียงเย็น สีหน้าเดือดดาลเล็กน้อย
สามปีมาแล้ว เขายังปล่อยวางเรื่องที่เก็บไว้ในใจเรื่องนี้ไม่ได้
เดิมทีต้าเซี่ยควรจะมีเทพพิทักษ์สองคน ก็คือถังเฉากับหลี่เห้า
แต่กลับเป็นเพราะเจ้าหมอนี่เจอแนวรบแล้วหนีเอาตัวรอด ทำให้หลี่เห้าต้องหายสาบสูญ สองคนต้องสูญเสียหนึ่งคนในนั้น
เสียหายย่อยยับ เสียหายย่อยยับ!
ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความรังเกียจที่หลงไป่ชวนมีต่อเขา ค้างคาวขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้โกรธ เอ่ยว่า “ท่านเจ้ามังกร ในสายตาของคุณ ผมผิดจริง ๆ แต่ในสายตาของตัวผมเอง ผมไม่มีความผิด”
“คนที่ไม่ทำเพื่อตัวเอง ฟ้าดินจะลงโทษ สถานการณ์ในตอนนั้น ผมกับศิษย์พี่หลี่เห้าถูกกองทัพใหญ่ล้อมเอาไว้ ต่อให้มีปีกก็ยากจะหลบหนี ถ้าหากยังแข็งขืนอยู่อีก นั่นไม่ใช่ความกล้าหาญ แต่เป็นความโง่เขลา เขาให้ผมกลับไปเรียกคนมา แล้วเขาสกัดอยู่ด้านหลัง…”
“ดังนั้นนายก็เลยทิ้งเขาเอาไว้?”
สายตาของหลงไป่ชวนจ้องเขาเป็นประกายวาววับ ดวงตาดุดันจนเหมือนกระบี่เล่มหนึ่ง
ภายใต้สายตาเช่นนี้ ค้างคาวที่เดิมทีคิดจะพูดต่อไปก็อ้าปากน้อย ๆ แต่กลับพูดอะไรไม่ออก
คำพูดสิ้นสุดแค่นี้ เขามานั่งอยู่ตรงหน้าของหลงไป่ชวน สีหน้าราบเรียบ “ไม่ถึงกับทอดทิ้ง ตอนนั้นระยะห่างจากฐานที่มั่นไกลหลายลี้ ไปกลับอย่างน้อยต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง รอจนผมเรียกคนไปถึง ศิษย์พี่หลี่เห้าอาจจะ…”
“นี่ไม่ใช่เหตุผล”
ในที่สุดคำพูดของหลงไป่ชวนก็มีความโมโหขึ้นมา ตัดบทของเขาไปตรง ๆ
ในใจของค้างคาวทอดถอนใจเบา ๆ ผลลัพธ์เช่นนี้เขาเดาได้แต่แรกแล้ว
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนบางทีอาจจะมีใจทุกข์ใจและสงสาร แต่ตอนนี้ หัวใจของเขาแกร่งดังหินผาไปนานแล้ว
“ท่านเจ้ามังกร เวลานั้นมีค่า อย่าพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วเลย”
ค้างคาวเอ่ยว่า “วันนี้ผมมาที่นี่มีเพียงธุระเดียว นั่นก็คือหวังว่าผมจะสามารถกลับมาที่กองทัพปราณมังกรใหม่อีกครั้ง คืนสู่ฐานะเดิมของผม”
หลงไป่ชวนประหลาดใจเล็กน้อย ดูเหมือนจะทึ่งกับความปรารถนาของค้างคาว
แต่มีเพียงเจียงไป๋เสว่เท่านั้นที่รู้ว่าที่เขาทึ่งไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นเพราะเรื่องราวทั้งหมดเหมือนกับที่ถังเฉาคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าโดยสิ้นเชิง
พอตั้งสติได้ เขาก็ยิ้มเยือกเย็นขึ้นมา “กลับกองทัพปราณมังกรใหม่อีกครั้ง นายคิดว่านายมีคุณสมบัตินั้นหรือ?”
“ไม่มี”
ค้างคาวตอบกลับด้วยสีหน้าไม่หวั่นไหวเป็นอย่างมาก “แต่เรื่องมันก็ผ่านไปสามปีแล้ว เขาเป็นความทุกข์ในใจของพวกคุณ และก็เป็นความทุกข์ในใจของผมเช่นเดียวกัน”
น้ำเสียงของค้างคาวราบเรียบจริงใจ “ผมมีพ่ออยู่คนหนึ่ง ตั้งแต่หลังจากที่ผมเป็นทหารก็ไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว… พวกเราไม่ได้กินข้าวด้วยกัน นั่งคุยกัน สุดท้ายแม้แต่การติดต่อกันทางจดหมายก็ตัดขาดไปแล้ว ผมมีบ้านแต่ไม่กล้ากลับไป มีญาติแต่ไม่กล้าไปพบ ผมยินดีที่จะใช้ชีวิตแบบนั้นอีกครั้ง”
หลงไป่ชวนยิ้มเย็น “เป็นพวกเราที่ทำให้นายกลายเป็นแบบนั้นหรือ?”
ค้างคาวเงียบ สุดท้ายก็ถอนหายใจช้า ๆ “ช่วยชีวิตคนต้องช่วยให้ถึงที่สุด ส่งพระก็ต้องส่งให้ถึงแดนตะวันตก ผมหวังว่าพวกคุณจะช่วยผมได้”
“…”
เงียบ
เงียบสงัด
ไม่เพียงแต่หลงไป่ชวนที่เงียบไปแล้ว เจียงไป๋เสว่เองก็เงียบไปแล้วเช่นเดียวกัน
พวกเขาโกรธแค้นค้างคาวมากก็จริง ๆ แต่ว่า พวกเขาเองก็สงสารค้างคาว
เจอแนวรบแล้วหนีเอาตัวรอด ว่ากันด้วยนิสัยพื้นฐานของมนุษย์แล้วไม่ได้ผิด แต่ถ้ามองจากหน้าที่การงานของพวกเขาแล้ว เขาผิดอย่างมหันต์
นานมาก สายตาของท่านเจ้ามังกรก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นดุดัน “ถ้าหากฉันปฏิเสธล่ะ?”
สายตาของค้างคาวราบเรียบ แต่กลับพูดตอบโต้กับท่านเจ้ามังกรอย่างดุเดือด “ท่านไม่มีวิธีปฏิเสธ”
“นายเป็นทหารที่หนีทหารแล้ว เส้นทางนี้ไม่เหมาะกับนาย ยิ่งไปกว่านั้นนายก็เลือกที่จะเข้ากับฝ่ายศัตรูแล้ว ใครจะไปรู้ว่านายกลับมากองทัพปราณมังกรใหม่อีกครั้งแล้วจะลักขโมยกองทหารลับของกองทัพปราณมังกรหรือไม่”
ท่านเจ้ามังกรเอ่ยเสียงเย็น “ตอนนี้นายชื่อค้างคาว ไม่ได้ชื่อเยี่ยนซื่อเฉิง!”
“…”
พอคำนี้ลั่นออกมา สีหน้าของเยี่ยนซื่อเฉิงก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมากในชั่วพริบตา ในสมองมีความรู้สึกราวกับมีเลือดร้อน ๆ ทะลักออกมา ความไร้เหตุผลในสมองสามารถปะทะขึ้นได้ทุกเมื่อราวกับภูเขาไฟ
เขาไม่ได้ยินชื่อนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ
นานจน… ตัวเองแทบจะลืมไปแล้ว
แต่ว่าเยี่ยนซื่อเฉิงกับไม่ได้โกรธ เขาสวมหน้ากากยิ้ม ท่านเจ้ามังกรมองไม่เห็นใบหน้าของเขา “ใคร ๆ ก็สามารถเดินหลงทางกันได้ทั้งนั้น ใคร ๆ ก็ล้วนแต่มุ่งหน้าสู่แสงสว่างกันอีกครั้ง ทำไมท่านถึงจะต้องขัดขวางไม่ให้ผมเดินทางสู่แสงสว่างล่ะ?”
เขาถอนใจเบา ๆ “ตอนนี้ผมไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง มีชีวิตอยู่เพื่อญาติของผม… ผมอยากจะกลับไปพบพ่อของผมสักหน่อย ไปพบท่านอย่างองอาจ ให้เขาได้เบิกบานสักหน่อย”
โกหกครั้งหนึ่ง ก็จะต้องโกหกไปอีกร้อยครั้ง
ในตอนนั้นเยี่ยนซื่อเฉิงพูดกับพ่อว่าจะไปเป็นทหาร ตอนนี้ผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว ควรจะเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในการงานแล้วสินะ?
ถ้าหากว่าพ่อของเขาได้รู้ว่าตนเองเป็นคนหนีทหาร ถูกกองทัพปราณมังกรขับไล่ ท่านจะต้องโกรธจนโรคหัวใจกำเริบ เป็นลมตายไปแน่ ๆ
เกิดเป็นคนจะอกตัญญูได้อย่างไร?
เพียงแต่ว่าท่านเจ้ามังกรไม่มีทางตอบรับความปรารถนาของเยี่ยนซื่อเฉิงได้
“นายอยากจะกตัญญูต่อพ่อ ฉันไม่ขัดขวาง แต่ว่าฉันเองก็ต้องยุติธรรม สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ ทำผิดแล้วก็คือทำผิดแล้ว!”
หลงไป่ชวนพูดอย่างเอาจริงเอาจัง
“…”
ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงการตัดสินใจของถังเฉา ค้างคาวจมดิ่งอยู่ในความเงียบงัน ไม่พูดโน้มน้าวดี ๆ อีก
เจียงไป๋เสว่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่แน่นหนาทันที ตอนนี้ร่างกายตึงเครียดไปทั้งร่าง ในมีมือกริชคมกริบเล่มหนึ่งเพิ่มขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ
ทว่านาทีถัดมา มือใหญ่ ๆ ข้างหนึ่งกลับตกลงบนบ่าของเจียงไป๋เสว่อย่างไม่มีข่าวคราว ทำให้เธอตกตะลึงจนหน้าซีด
เธอหันกลับไปทันที มองเห็นหลินรั่วหวียืนอยู่ข้างหลังเธอ มองเธอด้วยใบหน้าราบเรียบ จากนั้นก็ส่ายศีรษะเบา ๆ
หมายความว่าอย่าสอดมือเข้าไปในบุญคุณความแค้นของพวกเขา
หวาดกลัวในศักยภาพที่แข็งแกร่ง เจียงไป๋เสว่จึงเก็บกริชกลับไปอย่างเงียบงัน ทั้งตอนนี้ยังไม่ได้วู่วาม ยังไม่ถึงช่วงเวลาที่แย่ที่สุด
“ท่านเจ้ามังกร ท่านคิดว่ากองทัพปราณมังกรของพวกท่านยังมีคุณสมบัติจะมาปฏิเสธผมได้หรือ?”
หน้ากากยิ้มบนใบหน้าของเยี่ยนซื่อเฉิงมองไปยังท่านเจ้ามังกร หัวเราเบา ๆ “เจ้ามังกรตายแล้ว ถ้าหากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไปจะต้องดึงดูดคลื่นลูกใหญ่มาทั้งประเทศแน่ ๆ? กองทัพปราณมังกรที่ไม่มีเจ้ามังกรจะยังเป็นกองทัพปราณมังกรหรือ?”
“กองทัพปราณมังกรจะยังสู้กับ ‘หว่างเหลี่ยง’ ได้อีกหรือ?”
บึ้ม!
พอคำนี้ลั่นออกมา สีหน้าของเจียงไป๋เสว่ก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมากในทันที พอรู้ตัวก็หันกลับไปมองไปยังหลินรั่วหวี
กลับพบว่าสีหน้าของหลินรั่วหวีเป็นปกติ ดูเหมือนจะรู้เรื่องที่ถังเฉาเป็นเจ้ามังกรมาตั้งนานแล้ว
ตอนนี้จึงได้ประหลาดใจน้อย ๆ อยู่ในใจ
ถ้าหากหลินรั่วหวีแสดงให้เห็นถึงความประหลาดใจ สีหน้าหวาดกลัวออกมายังพอพูดต่อไปได้ แต่ว่าหลินรั่วหวียังคงมีสีหน้าเป็นปกติตั้งแต่ต้นจนจบ ภูเขาไท่ซานพังทลายอยู่ตรงหน้าหน้ายังไม่เปลี่ยนสี จึงจะเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุด
หมายความว่าเขาไม่เอาเรื่องที่ฐานะของถังเฉาคือเจ้ามังกรเก็บมาใส่ใจเลยสักนิด
‘เขาเป็นใครกันแน่…’
เจียงไป๋เสว่พูดพึมพำอยู่ในใจ หลั่งเหงื่อเย็นออกมาทั้งตัว
บอกเธอมาตามตรง หลินรั่วหวีไม่เป็นเพียงแค่ผู้นำเล็ก ๆ ของตระกูลหลวงในเยี่ยนตูเพียงเท่านั้น
พูดประโยคนี้จบ พลังที่อยู่บนร่างของเยี่ยนซื่อเฉิงก็เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งในทันที รังสีสังหารที่เข้มข้นกลุ่มหนึ่งม้วนตัวเข้ามา
แม้ว่าจะเป็นเจียงไป๋เสว่ ก็ล้วนแต่ใจสั่นอยู่พักหนึ่ง มีความหวาดกลัวปรากฏขึ้นในก้นบึ้งของหัวใจ
ครั้งที่แล้วในสนามกีฬาเมืองเจียงเฉิง ค้างคาวก็แสดงถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งเป็นที่สุดออกมา แข็งแกร่งกว่าเจียงไป๋เสว่อยู่นิดหน่อย
ตอนนี้จึงจะผ่านเวลามาช่วงหนึ่ง ศักยภาพของเยี่ยนซือเฉิงได้ขึ้นระดับใหม่ขึ้นมาแล้ว
ถังเฉาพูดไว้ไม่ผิดว่าเยี่ยนซื่อเฉิงจะกลับมากองทัพปราณมังกรอีกครั้ง กลัวเพียงถังเฉาเพียงคนเดียว ตอนนี้ถังเฉาตายแล้ว เขาไม่มีเรื่องที่ต้องพะว้าพะวัง
มองเยี่ยนซื่อเฉิงอย่างเยียบเย็น ท่านเจ้ามังกรมีสีหน้าดุดัน “ทำไมหรือ ไม่ให้นายเข้ากองทัพปราณมังกร นายก็เลยคิดจะขัดขืน?”
เยี่ยนซื่อเฉิงหัวเราะหึหึ เอ่ยเสียงเย็นว่า “ในเมื่อพวกคุณไม่ให้ผมเข้าไป กองทัพปราณมังกรก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อแล้ว ผมจะสร้างกองทัพปราณมังกรขึ้นมาใหม่อีกแห่งหนึ่ง”
สิ้นเสียง กองทัพปราณมังกรก็เปลี่ยนไปมีรังสีสังหารเข้มข้นในทันที