ตอนที่ 340 ท่านประธานตามหาคุณทั้งคืน
เป็นอย่างไรล่ะทีนี้ แบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือหมดจนเครื่องปิดอัตโนมัติแบบนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อคืนมีใครโทรศัพท์หาเธอบ้างหรือเปล่า ไม่รู้ว่า…
เธอนึกถึงผู้ชายคนนั้น แล้วนึกถึงบทสนทนากำกวมทางโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ที่ทำให้เธอทั้งโกรธทั้งผิดหวังขึ้นมา มันทำให้เธอว้าวุ่นใจมาก
เธอครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะเหมือนเดิม
ช่างเถอะ เธอไม่อยากจะสนใจอะไรมากมายแล้ว ตอนนี้เธอต้องอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่ก่อน เอาไว้กลับไปแล้วค่อยว่ากันใหม่ก็แล้วกัน
กว่าคุณหมอจะเข้ามาตรวจดูอาการและแจ้งว่าสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้วก็เป็นเวลาเที่ยงพอดี
เวินเยวี่ยฉิงไม่มีอาการผลข้างเคียงใดๆ และสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี หลังออกจากโรงพยาบาลแล้วสองแม่ลูกจึงแวะรับประทานอาหารเที่ยงก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน
ทั้งสองเห็นประตูบ้านที่ปิดสนิทแล้วหวนนึกถึงเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ต่างรู้สึกหวาดผวาอยู่ในใจ
ขณะที่พวกเธอกำลังจะหยิบกุญแจออกมาไขเปิดประตู ทันใดนั้น จู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งกระโดดออกมาจากข้างทาง “คุณเฉียว”
“นั่นใครน่ะ?” เฉียวซือมู่ร้องถามด้วยความหวาดผวา “นายเป็นใคร?”
เธอเอ่ยถามเสร็จแล้วจึงจำได้ว่าแขกไม่ได้รับเชิญคนนี้เป็นคนที่มักจะปรากฎตัวอยู่ข้างจิ้นหยวนนั่นเอง
เขาหน้าตายิ้มแย้ม ท่าทางสุภาพ เขาก้มหน้าเล็กน้อยขณะเอ่ยตอบเธอ “ท่านประธานตามหาคุณทั้งคืน ท่านสั่งให้ผมมารอคุณอยู่ที่นี่ ถ้าคุณกลับมาแล้วให้รีบพาคุณกลับไปพบท่านประธานทันทีครับ”
เขาเอ่ยอย่างลื่นไหลด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่เฉียวซือมู่ฟังแล้วรู้ทันทีว่านั่นเป็นคำพูดที่ถอดแบบมาจากคำพูดของจิ้นหยวนเป๊ะๆ เธอหวนนึกถึงโทรศัพท์เมื่อคืนขึ้นมาแล้วรู้สึกไม่พอใจมาก จึงเอ่ยตอบเพียงแค่ “ฉันรู้แล้ว”
เวินเยวี่ยฉิงมองเธอด้วยความแปลกใจแวบหนึ่ง
เฉียวซือมู่เอ่ยกับเวินเยวี่ยฉิงราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “หนูพาคุณแม่เข้าบ้านนะคะ”
เวินเยวี่ยฉิงพยักหน้าน้อยๆ จู่ๆ เธอก็นึกเป็นห่วงลูกสาวขึ้นมา
เฉียวซือมู่ไม่ได้คิดที่จะไม่กลับบ้าน แต่พอเธอนึกถึงคำพูดกำกวมของเจียงจื่อเสียนเมื่อคืนนี้ อีกทั้งคำพูดของผู้ชายคนนั้นที่ตำหนิว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมกลับบ้านแล้ว เธอก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที
เธอทำเป็นมองไม่เห็นสายตารอคอยของชายคนนั้น พยายามอ้อยอิ่งอยู่นานสองนานโดยการช่วยคุณแม่ทำความสะอาดบ้าน และยังเปลี่ยนกุญแจบ้านชุดใหม่อีก จนไม่มีอะไรให้เธอทำแล้วจริงๆ นั่นแหละ เธอถึงยอมตามชายคนนั้นกลับบ้านอย่างจำยอม
เฉียวซือมู่คิดสรตะไปตลอดทาง เธอคิดไปต่างๆ นานาว่าเดี๋ยวเจอหน้าจิ้นหยวนแล้วเธอควรจะรับมือเขาอย่างไรดี เธอควรจะถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเจียงจื่อเสียนตรงๆ ให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลยดีหรือไม่? แล้วถ้าเกิดเขาไม่ยอมรับล่ะ?
เธอจมอยู่ในความคิดของตนเองและนั่งเงียบไปตลอดทาง ชายคนนั้นไม่กล้าคุยกับเธอเช่นเดียวกัน ใครๆ ก็รู้ว่าคุณเฉียวเป็นแก้วตาดวงใจของท่านประธาน ในสถานการณ์ที่เธออารมณ์ไม่ดีเช่นนี้ เขาไม่กล้าพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้าอย่างแน่นอน
“ถึงแล้วครับ” ชายคนนั้นจอดรถ
เธอดึงสติกลับมา เพิ่งเห็นว่าตอนนี้รถถูกขับมาจอดลงตรงหน้าตึกบริษัท จิ้นซื่อ กรุ๊ป เธอหันกลับไป มองเขาด้วยความแปลกใจ
เขารีบอธิบายอย่างสุภาพ “ตอนนี้ท่านประธานอยู่ที่บริษัทครับ”
เธอพยักหน้าเล็กน้อยแล้วลงจากรถ เธอแหงนหน้ามองสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในเมืองนี้ อาคารสูงเสียดฟ้าที่ทำให้คนเห็นรู้สึกทั้งเคารพทั้งยำเกรง และเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าตระกูลจิ้นนั้นสูงส่งและยิ่งใหญ่มากแค่ไหน
ชายคนนั้นยืนสงบเงียบอยู่ข้างๆ โดยไม่กล้ารบกวนเธอแม้แต่น้อย
เธอแหงนหน้ามองอยู่อย่างนั้นสักพัก จากนั้นถอนหายใจเบาๆ แล้วก้าวเดินเข้าไปในอาคาร
สิ่งที่ต้องเผชิญหน้าถึงอย่างไรก็ต้องเผชิญหน้าอยู่วันยังค่ำ สิ่งที่จะมาถึงอย่างไรก็ต้องมาถึงสักวัน
เธอเดินไปยังลิฟท์เฉพาะสำหรับท่านประธานด้วยท่าทางสงบ ชายคนนั้นกดปุ่มชั้นที่ต้องการด้วยความกระตือรือร้น และคอยรับสายตาประหลาดใจที่มองมาจากรอบทิศทางด้วยท่าทางใจเย็น จากนั้นลิฟท์เคลื่อนตัวพาผู้โดยสารทั้งสองขึ้นไปยังชั้นสูงสุดในอาคาร
เธอเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องทำงานของจิ้นหยวน ตอนนี้ใจเธอสงบนิ่ง เธอสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วผลักประตูเปิดออก
ตอนที่ 341 ตาสุนัขมองคนต่ำ
แต่ประตูยังคงปิดสนิทไม่ไหวติงใดๆ ขณะที่เธอกำลังรู้สึกแปลกใจอยู่นั้น เลขาของจิ้นหยวนก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามา “คุณเฉียวครับ ท่านประธานกำลังประชุมอยู่ รบกวนคุณรอด้านนอกสักครู่นะครับ”
ที่แท้ก็ไม่ได้อยู่ในห้องนี่เอง เธอพยักหน้าเล็กน้อย ชี้ไปยังประตูห้องแล้วเอ่ยขึ้น “ช่วยเปิดประตูให้ฉันหน่อยสิคะ ฉันจะเข้าไปรอเขาข้างในค่ะ”
“ครับ” สำหรับคนอื่นแล้ว ห้องทำงานของท่านประธานถือเป็นสถานที่ต้องห้ามที่ห้ามคนนอกเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เขารู้ดีว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่ใช่หญิงสาวธรรมดา หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเธอ ไม่รู้ว่าเขาจะถูกลงโทษอย่างไรบ้าง”
เขารีบปลดล็อกประตูออกทันที จากนั้นเปิดประตูให้เธออย่างนอบน้อม
เฉียวซือมู่ที่กำลังไม่สบายใจไม่ทันสังเกตเห็นท่าทางกระตือรือร้นผิดปกติของเขา เธอผงกศีรษะให้เขาเป็นการขอบคุณ จากนั้นเดินเข้าไปในห้องทันที
เจียงจื่อเสียนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเข้าพอดี เธอไม่เห็นเฉียวซือมู่อยู่ในสายตาเลยสักนิด เธอครางเสียงฮึเบาๆ แล้วบ่นงึมงำให้ตนเองได้ยินเพียงคนเดียวว่า “สุนัขรับใช้!”
เธอมีเหตุผลที่ไม่เห็นเฉียวอยู่ในสายตา ครั้งก่อนเธอเองก็อยากจะเข้าไปในห้องทำงานของเขาเหมือนกัน แต่ทุกอย่างกลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ยังไม่ทันที่เธอจะได้ยกมือขึ้นเคาะประตูก็ถูกเลขาคนเมื่อกี้เข้ามาขวางเอาไว้ เขาเอ่ยกับเธอสีหน้าจริงจังว่าต้องแจ้งให้ท่านประธานทราบก่อน ท่านประธานอนุญาตแล้วจึงจะเข้าไปได้ และนั่นทำให้เธอรู้สึกเสียหน้ามาก
เธอมองเหตุการณ์ตรงหน้าทุกอย่างด้วยความเจ็บแค้นใจ จู่ๆ เธอก็นึกแผนบางอย่างออก จากนั้นหอบเอกสารเดินจากไปทันที
ก่อนเดินจากไปเธอยังตวัดสายตามองเฉียวซือมู่อย่างมาดร้ายทิ้งท้าย
เฉียวซือมู่ไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำของตนเองตกอยู่ในสายตาของเจียงจื่อเสียน แต่ต่อให้เธอรู้ตัวเธอก็ไม่เอามาใส่ใจหรอก เธอเดินเข้าไปในห้องทำงานของจิ้นหยวนแล้วเห็นว่าทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ห้องทำงานของเขาถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายหากแต่หรูหรา
เธอเดินตรงเข้าไปในห้องพักผ่อน เตรียมตัวนอนรอเขาในห้องนี้
เมื่อคืนเธอนั่งหลับข้างเตียงคนไข้ของคุณแม่ทั้งคืน แม้อากาศจะไม่หนาว แต่นั่งหลับอยู่ในท่านั้นทั้งคืนก็เหนื่อยเหมือนกัน เธอปีนขึ้นเตียงแล้วเอนกายลงนอน เพียงไม่นานก็ผลอยหลับไป
เพียงไม่นานเธอก็ถูกเสียงคุยกันปลุกให้ตื่นจากฝัน เธอหรี่ตาแคบแล้วมองไปยังประตูห้อง เธอเพิ่งสังเกตเห็นว่าตนเองไม่ได้ปิดประตูให้สนิท ทำให้เกิดช่องว่างเล็กๆ และนั่นทำให้เสียงพูดคุยดังลอดเข้ามาในห้อง
เขากลับมาแล้วสินะ
เธอเดินไปยังประตู ยื่นมือจะเปิดประตูออก แต่ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงหญิงสาวดังขึ้นนอกห้อง
นั่นมัน…
เมื่อรู้แล้วว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร ร่างกายเธอก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที
นั่นมันเสียงของเจียงจื่อเสียนนี่ ให้ตายสิ ทำไมเธอถึงเหมือนผีสางที่คอยตามมาหลอกมาหลอนเธอตลอดเวลาแบบนี้?
เธอครุ่นคิดเล็กน้อย ก้มกายลงแล้วค่อยๆ เปิดประตูให้อ้าออกอีกเล็กน้อย จากนั้นมองลอดช่องว่างระหว่างประตูออกไปข้างนอก
เจียงจื่อเสียนยืนอยู่ข้างจิ้นหยวน เธอมองเขาด้วยสายตาลึกซึ้ง แต่ปากกลับพูดอย่างเป็นงานเป็นการ “… เพราะฉะนั้น ฉันคิดว่าโครงการนี้ไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไหร่ เพราะประเมินแล้วเห็นได้ชัดว่ารายรับกับต้นทุนมันไม่บาลานซ์กัน…”
จิ้นหยวนที่กำลังยืนหันหลังให้เฉียวซือมู่ขยับตัวเล็กน้อย เขาชายตาขึ้นมองเจียงจื่อเสียนแล้วเอ่ยเสียงเย็นชา “เรื่องนี้ผมตัดสินใจไปตั้งนานแล้ว คุณทำตามนั้นเถอะ”
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองกำลังถกเถียงกันเรื่องการลงทุนอะไรสักอย่าง
เจียงจื่อเสียนเริ่มร้อนรนใจ “แต่การลงทุนนี้มันขาดทุนชัดๆ นะคะ…”
เจียงจื่อเสียนแย้งพลางขยับตัวเข้าใกล้จิ้นหยวนพลาง พยายามยื่นมือออกไปจับมือจิ้นหยวนที่ถือแฟ้มเอกสารเอาไว้
จิ้นหยวนเลิกคิ้วมองเธอหากแต่ไม่ได้ว่าอะไร
ขณะเดียวกัน จากมุมมองของเฉียวซือมู่ในขณะนี้ทำให้มองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน เจียงจื่อเสียนดูดีใจมาก เพราะจิ้นหยวนไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของเธอ และนั่นทำให้เธอรู้สึกมีความหวังมาก