ตอนที่ 316 ระบายความเจ็บปวด
ในที่สุดรถแท็กซี่ก็ไปถึงยังจุดหมายปลายทาง คนขับรถแท็กซี่รีบขับรถออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองเธออีก เธอเห็นท่าทางเขาแล้วได้แต่ยิ้มแหยๆ อย่างเข้าใจความรู้สึกของเขา
ไม่มีเหตุผลอื่นใด เพียงเพราะบ้านที่เห็นตรงหน้าทั้งเก่าทั้งทรุดโทรมทั้งซอมซ่อมมากจนเหมือนกับจะพังมิพังลงมาแหล่
น่ามหัศจรรย์มากที่ยังมีคนอาศัยอยู่ในบ้านโกโรโกโสแบบนี้ได้ เธอส่ายศีรษะแล้วก้าวเดินเข้าไป
ภายในบ้านไม่ได้ดูเก่ามากอย่างที่เห็นภายนอก อย่างน้อยก็มีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน เธอเหลียวซ้ายแลขวาแล้วพบว่าเดินเข้ามาในบ้านก็เป็นห้องรับแขก มีประตูสองบานอยู่ทางขวามือซึ่งไม่รู้ว่าเชื่อมต่อกับห้องอะไร
แต่ดูเหมือนจะไม่มีคนอยู่นี่นา
เธอหมุนตัวกลับไปมองประตูที่ปิดไม่สนิท ดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่ที่นี่สักคน เธอชักระแวงว่าตนเองมาผิดที่หรือไม่
เธอสงสัยว่าหลังประตูสองบานนั้นเป็นห้องอะไร จึงเดินตรงไปยังประตูสองบานนั้นช้าๆ ขณะที่กำลังยื่นมือออกไปเปิดประตูนั้น จู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดออกจากด้านใน ชายคนหนึ่งปรากฎขึ้นตรงหน้าเธอ
เธอชะงักนิ่งอึ้ง ความรู้สึกแรกคือชายคนนี้เหมือนคุณพ่อมาก แต่ดูแก่กว่าท่านเยอะ อย่างน้อยผมของคุณพ่อก็ไม่ได้ขาวแบบนี้…
แต่พอเธอตั้งสติกลับมาได้ถึงได้รู้ว่าชายตรงหน้าคือคุณพ่อของเธอเองจริงๆ
เฉียวจื่อจี้ยืนมองลูกสาวตัวเองด้วยความตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อสายตา ริมฝีปากขาวซีดและแห้งผากสั่นระริกอยู่นานกว่าจะเปล่งเสียงออกมาได้ “มู่มู่…”
เสี้ยววินาทีที่เฉียวซือมู่เห็นหน้าเขา หัวใจเธออ่อนยวบทันที เธอเข้าใจในทันทีว่าเหตุใดจนป่านนี้แล้วคุณแม่ถึงยังคิดจะช่วยคุณพ่ออยู่อีก
คุณพ่อที่เธอเห็นตรงหน้าผมขาวเกินครึ่ง ใบหน้าที่มีชีวิตชีวาถูกแทนที่ด้วยความหมองเศร้า บุคลิกที่เคยอกผายไหล่ผึ่ง มาบัดนี้กลับดูห่อเ**่ยวและหลังค่อม ราวกับว่าท่านแก่ขึ้นอีกยี่สิบปีก็ไม่ปาน
ความจริงเฉียวจื่อจี้หนีไปไม่กี่ปีเอง ไม่คิดเลยว่าเขาจะแก่ขึ้นมากขนาดนี้ เฉียวซือมู่ที่เพิ่งได้พบหน้าเขาอย่างไม่ทันตั้งตัวรู้สึกสับสนปนเปจนยากจะอธิบาย
เธอยืนมองเขาด้วยความตกตะลึงตั้งนานกว่าจะเค้นเสียงออกมาได้ “คุณพ่อ”
เฉียวจื่อจี้พยักหน้าน้อยๆ น้ำตาเอ่อคลอ “มู่มู่ พ่อทำผิดต่อลูก…”
เฉียวซือมู่สูดหายใจลึก สะกดกลั้นความเจ็บปวดที่เอ่อท้นขึ้นในใจแล้วเอ่ยกับเขา “คุณพ่อไม่ได้แค่ทำผิดต่อหนู แต่ยังทำผิดต่อคุณแม่ด้วยค่ะ”
เฉียวจื่อจี้ก้มหน้างุด “ใช่ พ่อหลงผิดจนทำเรื่องน่าละอายพวกนั้น ลูกคงเกลียดพ่อมากใช่ไหม พ่อขอโทษ พ่อผิดไปแล้ว ลูกยกโทษให้พ่อได้ไหม”
เขาถูสองมือที่เหลืองซีดไปมาด้วยความกระสับกระส่าย เสียงพูดเหมือนดังมาจากที่ไกลๆ “พ่อไม่รู้ว่าตอนนั้นพ่อเป็นอะไรไป คิดแต่จะเอาทุนคืน แต่ยิ่งเล่นยิ่งเสียจนหมดทางเยียวยา ลูกเชื่อพ่อเถอะนะ ถ้าไม่ใช่เพราะไม่มีทางเลือกจริงๆ พ่อไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด…”
เธอจ้องหน้าคุณพ่อนิ่งพลางส่ายศีรษะ “หนูไม่ยกโทษให้คุณพ่อหรอกค่ะ เพราะหนูไม่มีวันลืมวันที่คุณพ่อทิ้งพวกหนูไปว่ามันสิ้นหวังมากแค่ไหน คุณพ่อรู้บ้างไหมว่าคุณแม่ล้มป่วยจนเกือบตายไปกี่ครั้งแล้ว? คุณพ่อรู้บ้างไหมว่าตอนที่พวกเจ้าหนี้บุกไปทวงหนี้ถึงที่บ้านแล้วทำร้ายร่างกายหนู ตอนนั้นชีวิตมันสิ้นหวังขนาดไหน? คุณพ่อไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่าใช้เงินหมดแล้วก็กลับมาขอให้พวกเราช่วยชีวิต หนูอยากจะถามคุณพ่อสักคำ…”
เธอสูดหายใจลึก เอ่ยคำพูดทิ่มแทงหัวใจออกไป “คุณพ่อยังมีหน้ากลับมาอีกเหรอคะ?”
เธอเอ่ยจบแล้วเห็นคุณพ่อหดตัวลีบกว่าเดิม ราวกับจะล้มลงกับพื้นให้ได้
ตอนที่ 317 เงื่อนไข
พูดตามตรง ก่อนมาที่นี่เธอจินตนาการถึงท่าทีต่างๆ ของคุณพ่อและวิธีรับมือต่างๆ นานา แต่เธอนึกไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอคุณพ่อในสภาพที่ดูต่ำต้อยและน่าสลดหดหู่ใจแบบนี้ มันทำให้เธอไม่สามารถพูดอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะเมื่อก่อนคนตรงหน้าเคยดีกับเธอมากจริงๆ
หลังเอ่ยถามประโยคนั้นออกไป เธอเม้มริมฝีปากแน่น จ้องเฉียวจื่อจี้นิ่ง “คุณพ่อว่าหนูพูดถูกหรือเปล่าคะ?”
เฉียวจื่อจี้พยักหน้าเบาๆ น้ำตาไหลนองหน้า เขาชายตาขึ้นมองลูกสาวตัวเอง แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “พ่อไม่รู้… ว่าพวกลูก… พวกลูกจะ…”
ก่อนหน้านี้มีเหตุบางอย่างทำให้เวินเยวี่ยฉิงไม่ได้เล่าเรื่องพวกนี้ให้เขาฟัง เขาเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เอง ที่แท้ หลังจากเขาจากไปแล้ว สองแม่ลูกต้องทนทุกข์ทรมานและตกระกำลำบากมากขนาดนั้น…
เขามันเลวระยำสิ้นดี!
แล้ว… แล้วตอนนี้เขาควรทำอย่างไร?
แววตาเฉียวจื่อจี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว เฉียวซือมู่เห็นแล้วได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
เธอหมุนตัวนั่งลง ทำร้ายจิตใจเขาไม่ลงอีกแล้ว
เฉียวจื่อจี้มองเธอตาละห้อย “ลูกเชื่อพ่อเถอะนะ ต่อไปพ่อจะไม่ทำร้ายพวกลูกอีกแล้ว จริงนะ…”
เขาเอ่ยเน้นย้ำความคิดของตนเอง คิดว่าเธอจะพอใจกับการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยวของตนเอง แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ เลย เธอเอ่ยสีหน้าเรียบเฉย “ที่หนูมาที่นี่ก็เพราะอยากจะมาดูคุณพ่อ และมาเพื่อช่วยคุณพ่อตามคำขอของคุณแม่เท่านั้นค่ะ”
เขาพยักหน้าพลางเอ่ยอย่างซาบซึ้งใจ “แม่ของลูกเป็นผู้หญิงที่ดี ต่อไปพ่อจะดีกับแม่ให้มากๆ”
เฉียวซือมู่มองใบหน้าจริงจังของคุณพ่อแล้วรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย แต่เพียงไม่นานเธอก็กลับมาใจแข็งเหมือนเดิม คุณพ่อเคยทำผิดไปแล้วครั้งหนึ่ง จะให้คุณพ่อทำผิดซ้ำสองไม่ได้เด็ดขาด เพราะขืนทำผิดอีกครั้ง คราวนี้คุณแม่คงได้ตายคามือคุณพ่อแน่
เธอเอ่ยขึ้นใหม่ “หนูช่วยคุณพ่อใช้หนี้ได้ แต่คุณพ่อต้องบอกหนูก่อนว่าเป็นหนี้เท่าไหร่ แล้วก็ คุณพ่อต้องรับปากหนูเรื่องหนึ่งก่อนค่ะ”
“ได้ ได้ ไม่ว่าอะไรก็ตาม พ่อรับปากลูกทั้งนั้น” เฉียวจื่อจี้รีบตกปากรับคำทันควัน
เฉียวซือมู่ส่ายศีรษะ “คุณพ่อรอให้หนูพูดจบก่อนดีกว่าค่ะ คุณพ่อเสียพนันไปเท่าไหร่คะ?”
“ห้า… ห้าล้าน…” พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ เฉียวจื่อจี้ได้แต่ก้มหน้างุดอีกครั้ง
“มากขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” เธออุทานด้วยความตกใจ “คุณพ่อหมายความว่ารวมเงินที่คุณพ่อเอาไปจากที่บ้านด้วย เสียไปทั้งหมดห้าล้านใช่ไหมคะ?”
เธอคำนวณคร่าวๆ เวลานั้นอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวเธอน่าจะมีมูลค่าประมาณสามล้านกว่าหยวน และเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งหมดน่าจะไม่เกินสี่ล้านหยวน ถ้าเช่นนั้น เท่ากับว่าตอนนี้ยังเป็นหนี้อยู่อีกประมาณหนึ่งล้านกว่าหยวน ถือว่าไม่เยอะจนน่าตกใจ เธอพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง ส่วนที่ไม่พอก็หยิบยืมเอา คงจะพอแก้ขัดได้
แต่เฉียวจื่อจี้กลับส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ ตอนนี้พ่อเป็นหนี้ทั้งหมดห้าล้าน…” เขารู้ว่าเงินจำนวนนี้เยอะมากจนน่าตกใจ เขายิ่งพูดเสียงยิ่งเบาลงเรื่อยๆ จนแทบจะไม่ได้จน
“คุณพ่อ…” เฉียวซือมู่นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะใจกล้ามากถึงขนาดเล่นพนันจนเสียเงินเยอะมากขนาดนั้น เธอจ้องเขาตาแทบถลนราวกับจะจ้องให้ศีรษะของเขาทะลุเป็นรูสองรู เธอเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ทำไมคุณพ่อถึงเล่นเสียเยอะมากขนาดนั้น? แล้วพวกเจ้าหนี้กล้าปล่อยกู้ให้คุณพ่อได้ยังไงกันคะ?”
ช่วงที่เธอทำงานเป็นนักข่าวนั้น เธอเคยรู้จักกับคนมากหน้าหลายตา และนั่นทำให้เธอพอรู้เรื่องหนี้นอกระบบอยู่บ้าง ก่อนที่เจ้าหนี้พวกนั้นจะปล่อยกู้ให้ใครสักคน พวกเขาต้องรู้จักหัวนอนปลายเท้าของลูกหนี้ก่อน หากเป็นคนที่ไม่มีอะไรเลยไปขอกู้เงิน ต่อให้พูดให้ตัวเองดูน่าสงสารมากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่มีวันปล่อยกู้ให้แม้แต่สตางค์แดงเดียวหรอก