ตอนที่ 424 ปกป้องน้องสาว
ฟู่เฉินหรงตั้งใจจะจูบซูจิ่วซือ ขณะที่กำลังก้มหน้าลง จู่ๆ มีเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างไม่รู้จักกาลเทศะ “องค์รัชทายาท ที่นี่เป็นจวนตระกูลมู่ อย่าเอาแต่ใจตัวเองเกินไป องค์รัชทายาทโปรดควบคุมตัวเอง อย่าข่มเหงน้องสาวข้า”
คนที่พูดคือมู่หยาง เขาบังเอิญเดินผ่านมา นึกไม่ถึงว่าจะเจอฟู่เฉินหรงกับซูจิ่วซือ
ฟู่เฉินหรงช่างใจกล้าจริงๆ มากอดน้องสาวของตนในจวนตระกูลมู่ แม้ทั้งสองจะรักกัน แต่ฟู่เฉินหรงมีคู่หมั้นคู่หมายแล้ว
มู่หยางอยากปกป้องน้องสาว รีบก้าวเข้ามา จับข้อมือซูจิ่วซือทันที อยากดึงซูจิ่วซือมาที่ข้างหลังของตน เขารู้สึกเหมือนน้องสาวถูกอันธพาลข่มเหง
ฟู่เฉินหรงไม่ได้ปล่อยมือ แม้มู่หยางจะถือว่าซูจิ่วซือเป็นน้องสาว แต่เขารู้ว่าซูจิ่วซือกับมู่หยางไม่มีความเกี่ยวข้องกัน เขาไม่อยากให้ผู้ชายอื่นแตะต้องซูจิ่วซือ
ซูจิ่วซือจึงถูกผู้ชายสองคนดึงตัว ทั้งสองไม่มีใครยอมใคร ฟู่เฉินหรงพูดช้าๆ “คุณชายมู่วางใจเถอะ ข้าจะรับผิดชอบต่อจิ่วซืออย่างถึงที่สุด”
“เจ้าอยากรับผิดชอบน้องสาวข้า ก็ถอนหมั้นก่อน องค์รัชทายาท น้องสาวข้าไม่มีวันเป็นพระชายารองแน่ ถ้าองค์รัชทายาทไม่มีปัญญาแต่งงานกับน้องสาวข้าเป็นพระชายา อย่ามาทำให้นางเดือดร้อน ตระกูลมู่ไม่ยอมให้ซือซือเสียใจเด็ดขาด”
มู่หยางตอบโต้อย่างเฉียบขาด นึกไม่ถึงว่าองค์รัชทายาทจะหน้าด้านอย่างนี้ ใช้วิธีนี้เองหรือน้องสาวจึงหลงรัก
ซูจิ่วซือถลึงตาใส่ฟู่เฉินหรง ทำท่าให้เขาปล่อยมือ ฟู่เฉินหรงทำหน้าน้อยใจ แต่ก็ยอมปล่อยมือ
พอฟู่เฉินหรงปล่อยมือ มู่หยางก็รีบดึงซูจิ่วซือไปไว้ข้างหลัง เขาเอาตัวเข้าขวางฟู่เฉินหรงไว้อย่างแน่นหนา สีหน้าเคร่งครัด พูดอย่างจริงจัง “องค์รัชทายาทถ้าอยากแต่งงานกับซือซือ โปรดมาสู่ขอตกแต่งเป็นพระชายาอย่างเป็นทางการ
ก่อนถึงตอนนั้นหวังว่าองค์รัชทายาทจะรักษาแบบแผน ซือซือเป็นลูกสาวตระกูลใหญ่ ไม่เหมือนผู้ชาย ถ้าชื่อเสียงเสื่อมเสีย องค์รัชทายาทว่าวันหลังซือซือตั้งหลักในตูเฉิงได้อย่างไร”
ฟู่เฉินหรงนึกไม่ถึงว่ามู่หยางจะปกป้องซูจิ่วซือปานนี้ เขารู้สึกพอใจมาก ถ้าเป็นอย่างนี้เขายกทัพไปก็วางใจได้ อย่างน้อยตระกูลมู่สามารถดูแลซูจิ่วซือ ไม่ทำให้นางลำบาก
“คุณชายมู่เป็นห่วงน้องสาวจริงๆ”
“แน่นอน ซือซือเป็นน้องสาวคนเดียวของข้า ข้าไม่ยอมให้ใครมาข่มเหงซือซือเด็ดขาด”
ฟู่เฉินหรงเหงื่อผุดเต็มหน้า เขากลายเป็นคนข่มเหงซูจิ่วซือไปแล้ว
พอได้ยินอย่างนี้ ซูจิ่วซือก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ มู่หยางดีต่อนางจริงๆ ตระกูลมู่ทั้งหมด คนที่ดีกับนางที่สุดก็คือมู่หยางกับฮูหยินมู่ นางรู้ว่ามู่หยางรู้สึกผิดต่อมู่ซือซือ หลายปีมานี้เขาไม่สบายใจเลย
“เรื่องนี้ข้าคิดอย่างเดียวกับคุณชายมู่ ไม่ยอมให้ใครมาข่มเหงจิ่วซือเด็ดขาด”
“ดึกแล้ว ซือซือควรกลับไปพักที่ห้อง พวกข้าขอลาก่อน เชิญองค์รัชทายาทตามสบาย”
พูดจบก็ดึงซูจิ่วซือออกไป ก่อนไปซูจิ่วซือมองหน้าฟู่เฉินหรงแวบหนึ่ง ทำท่าให้เขากลับไปก่อน ฟู่เฉินหรงจนใจ มู่หยางไม่มาเร็วกว่านี้ หรือช้ากว่านี้ แต่มาขัดจังหวะช่วงสำคัญพอดี
ตลอดทางมู่หยางสะกดใจไว้ ในที่สุดก็อดไม่ได้พูดเตือนขึ้น “ซือซือ ถึงเจ้าจะชอบองค์รัชทายาท แต่เจ้าก็เป็นแม่นางคนหนึ่ง องค์รัชทายาทมีคู่หมั้นคู่หมายแล้ว ควรจะสำรวมบ้าง
วันนี้ยังดีที่ข้าเห็นก่อน ถ้าคนอื่นเห็นเข้า พอถึงตอนนั้นคนที่จะถูกต่อว่าก็คือเจ้า”
“พี่รองสอนถูกแล้ว วันนี้ข้าทำผิดแบบแผน พี่รองเข้าใจองค์รัชทายาทผิดไป เฉินหรงรู้ว่าอะไรควรไม่ควร”
มู่หยางสีหน้าไม่พอใจ “รู้ว่าอะไรควรไม่ควรก็ยังกอดเจ้าในจวนตระกูลมู่”
ตอนที่ 425 ยังขายหน้าไม่พอหรือ
ซูจิ่วซือไม่รู้จะตอบอย่างไร เรื่องนี้พูดไปก็ไม่เหมาะ นางรู้ว่ามู่หยางหวังดีต่อนาง
นางไม่มีพี่ชาย นี่เป็นครั้งแรกที่นางสัมผัสความรักความเอาใจใส่ของพี่ชาย ทำให้นางคิดถึงซูหมิงผู้เป็นน้องชาย
“วันหลังจะไม่ทำอย่างนี้อีก”
น้ำเสียงของซูจิ่วซืออ่อนโยนลงมาก มู่หยางก็ไม่พูดอะไรอีก น้องสาวคนนี้กว่าจะได้กลับมาบ้านไม่ใช่ง่ายๆ เขาไม่ห่วงอะไร กลัวแต่ว่านางจะเจ็บปวด เพราะฟู่เฉินหรงไม่ใช่คนทั่วไป ถ้าไม่ระวังซูจิ่วซืออาจจะไม่มีโอกาสแก้ตัว
ตั้งแต่มู่ซือซือพลัดหลงไป เขาก็รู้สึกผิดมาตลอด เรื่องนี้เป็นปมในใจที่เขาไม่อาจแก้ได้ เวลานี้เขาอยากชดเชยความผิดของตนเองในอดีต
จวนซิ่นอ๋อง
จูอวี้ซิ่วได้สติแล้ว รู้ว่าตนทำอะไรลงไปตอนอยู่ที่จวนตระกูลมู่ นางคุกเข่าลงกับพื้น
ฟู่จิ่งนั่งบนที่นั่งประธานในห้องโถง เวลานี้สีหน้าของฟู่จิ่งบึ้งตึง แม้เขาไม่ได้ไป แต่ก็รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงอย่างชัดเจน
คาดไว้ไม่ผิด รุ่งเช้าเรื่องนี้ก็กระจายไปทั่วเมืองหลวง พอถึงตอนนี้จวนซิ่นอ๋องกลายเป็นที่เย้ยหยันในสายตาของผู้คน ไม่รู้ว่าพวกเขาหัวเราะเยาะจวนซิ่นอ๋องลับหลังอย่างไรบ้าง
ปกติจูอวี้ซิ่วเป็นคนใจกล้าไม่กลัวใคร แต่นา’ กลัวฟู่จิ่งมาก รู้ว่าตนทำผิด จึงไม่กล้าพูด ได้แต่ก้มหน้าคุกเข่าที่พื้น สะอื้นเบาๆ
“นังสารเลวกล้ามาร้องไห้ ยังขายหน้าไม่พอหรือ”
ไฟโกรธในใจของฟู่อี้หานยังไม่ดับ พอนึกถึงจูอวี้ซิ่วทั้งร้องทั้งเต้นและพูดอะไรออกมาต่อหน้าผู้คน เขาก็รู้ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เขารู้สึกว่าจูอวี้ซิ่วทำให้เขาขายหน้าจริงๆ
จูอวี้ซิ่วน้อยใจมาก แต่ไม่กล้าโต้แย้ง “ท่านพี่ เรื่องนี้จะโทษข้าก็ไม่ได้ ซูจิ่วซือเป็นคนวางยา ข้า…”
“ถ้าเจ้าไม่ไปแหย่นาง นางจะวางยาเจ้าโดยไม่มีสาเหตุหรือ
อวี้ซิ่ว ที่นั่นเป็นจวนตระกูลมู่ ถ้าเจ้าจะสั่งสอนนางก็ไม่ควรทำที่จวนตระกูลมู่ เจ้าเป็นชายามาหลายปีแล้ว ยังรับมือกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้ แล้วทำเรื่องน่าอับอายต่อหน้าผู้คน เจ้าจะให้จวนซิ่นอ๋องเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
ฟู่จิ่งพูดอย่างไม่พอใจ จูอวี้ซิ่วรู้ว่าฟู่จิ่งโกรธจริงๆ นางทั้งน้อยใจและโกรธแค้น แต่ก็ไม่ลืมแก้ตัว “ท่านพ่อ ลูกสำนึกผิดแล้ว เดิมทีลูกคิดว่าในเมื่อคนเด่นคนดังทั่วเมืองหลวงมารวมอยู่ที่นี่ ก็อยากให้ซูจิ่วซือขายหน้า ลืมไปว่าข้าหลงกลเด็กนั่น”
ฟู่อี้หานโกรธจัด ยกเท้าขึ้นถีบจูอวี้ซิ่ว โดนเข้าที่ไหล่ของนางอย่างจัง จูอวี้ซิ่วไม่ทันรู้ตัว จึงหงายหลัง ล้มลงกับพื้น นางนึกไม่ถึงว่าฟู่อี้หานจะทำร้ายนางต่อหน้าคนอื่น
แม้ฟู่อี้หานเป็นคนอารมณ์ไม่ดีนัก นิสัยก็เย่อหยิ่ง แต่เขาก็ไม่เคยตบตีนางมาก่อน ทำให้นางตกใจและโกรธมาก พอเห็นฟู่จิ่งหน้าตาบูดบึ้ง นางจึงกล้ำกลืนคำพูดลงไป
ได้แต่มองหน้าฟู่อี้หานอย่างตกใจ “ท่านพี่ ท่านพี่…”
ฟู่เยว่อี้รู้สึกว่าสั่งสอนพอสมควรแล้ว จึงรีบยื่นมือไปประคองจูอวี้ซิ่ว ขมวดคิ้วใส่ฟู่อี้หาน “พี่ใหญ่ ทำอะไรนี่ พี่สะใภ้สำนึกผิดแล้ว เรื่องนี้ว่าไปแล้วจะโทษพี่สะใภ้ไม่ได้ เป็นเพราะเราประเมินซูจิ่วซือต่ำไป”
“ไหนๆ เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว วันหลังไม่ต้องพูดถึงอีก อวี้ซิ่ว เจ้าเองก็ระวังหน่อย อย่าทำให้จวนซิ่นอ๋องอับอายขายหน้า ช่วงนี้อยู่คิดทบทวนในเรือนให้ดี”
จูอวี้ซิ่วไม่กล้าค้าน รับปากอย่างเรียบร้อย “ข้าจะจำไว้”
“ไม่รีบออกไปอีก”
พอเห็นจูอวี้ซิ่วคุกเข่าที่พื้น ฟู่อี้หานก็ด่าอย่างรำคาญ เมื่อก่อนเขายังรู้สึกว่าจูอวี้ซิ่วน่ารักมาก