ตอนที่ 344 เนื้อแท้เป็นผู้ชาย
กู้หลียวนนึกว่าตนหูฝาด เจ้าสำนักวิหคเขียวท่าจะบ้าไปแล้ว
ไม่งั้นทำไมจึงบีบให้ซูจิ่วซืออ้อน คนตาดีดูก็รู้ว่าซูจิ่วซือเป็นผู้หญิงที่แข็งกระด้าง เขารู้จักซูจิ่วซือมานาน ไม่เคยเห็นท่าทางอ่อนหวานของซูจิ่วซือเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการออดอ้อน แม้แต่คำหวานก็ยังพูดไม่เป็น
จงใจแกล้งกันชัดๆ
ซูจิ่วซือเริ่มรู้สึกไม่พอใจ นางไม่ชอบคนเจ้าชู้ และไม่ชอบให้ใครมาทำกรุ้มกริ่มกับนาง ยกเว้นฟู่เฉินหรง ส่วนคนอื่น นางไม่ยอมรับ
ซูจิ่วซือพยายามสะกดความไม่พอใจ จงมั่วเจียงไม่ฆ่านาง แต่จงใจยั่วนาง นางมองจงมั่วเจียงด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “แม้ข้าจะหน้าตาเหมือนผู้หญิง แต่ภายในมีนิสัยผู้ชาย เรื่องที่ผู้หญิงทำกันข้าทำไม่เป็น”
พอได้ยินคำพูดของซูจิ่วซือ กู้หลียวนก็เกือบหัวเราะออกมา ตอบได้ดีมาก พูดถูกต้อง บางครั้ง ซูจิ่วซือแข็งกร้าวกว่าผู้ชายเสียอีก
“เจ้าจะบอกข้าว่า เนื้อแท้ของเจ้าเป็นผู้ชายใช่ไหม”
จงมั่วเจียงอารมณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ เขาเดินเข้ามาหาซูจิ่วซือ “ข้าเองก็ชอบอย่างนี้เหมือนกัน งั้นเจ้าไปอยู่กับข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
“ข้ามีคนรักแล้ว เจ้าสำนักโปรดระวังตัว”
ซูจิ่วซือสายตาแหลมคม นางสังเกตเห็นว่าสายตาของจงมั่วเจียงหยุดอยู่ที่ข้อมือนาง
กำไลนี้ไม่ใช่กำไลธรรมดา เขาคงจะสนใจกำไลนาง ในเมื่อมีของที่เขาสนใจ ชีวิตของนางก็ยังรักษาไว้ได้ชั่วคราว
กำไลมีความเป็นมาอย่างไรซูจิ่วซือก็อยากรู้ ไม่แน่อาจจะได้คำตอบจากจงมั่วเจียง
เพียงแต่นางไม่ชอบท่าทีกรุ้มกริ่มของจงมั่วเจียง นางไม่มีวันพูดอ้อนจงมั่วเจียงแน่ แม้จะจนตรอกอย่างไร นางก็ไม่มีวันทำ
นางไม่มีวันเอาอกเอาใจผู้ชาย ไม่มีวันอาศัยผู้ชายในการใช้ชีวิต ไม่ว่าซูหลิ่วหรือซูจิ่วซือก็เป็นอย่างนี้
“มีแล้วจะเป็นอย่างไร ลืมเขาเสียเถอะ ตั้งแต่นี้ไปเจ้าจำข้าคนเดียวก็พอ
ที่นี่สกปรกเกินไป แม่หนู ไปกับข้าก่อน เราไปอยู่ที่สะอาดแล้วค่อยคุยกัน”
จงมั่วเจียงพูดจบไม่รอให้ซูจิ่วซือตอบก็อุ้มซูจิ่วซือขึ้น การกระทำที่ไร้มารยาททำให้ซูจิ่วซือไม่พอใจมาก ขณะที่นางดิ้นรน ก็ถูกจงมั่วเจียงสกัดจุดทันที ซูจิ่วซือไม่อาจขัดขืน
กู้หลียวนเดินตามหลัง ในสมองคิดอยู่อย่างเดียว แย่แล้ว ฟู่เฉินหรงเจอคู่แข่งที่เหนือกว่า ถ้าจงมั่วเจียงไม่ปล่อยตัว คงเป็นไปไม่ได้ที่จะหนี
ดูแล้วจงมั่วเจียงสนใจซูจิ่วซือเป็นพิเศษ แย่จริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะมีคนมาสนใจซูจิ่วซือหลายคน กู้จื่อหยวนปล่อยมือก็มีจงมั่วเจียง และจงมั่วเจียงรับมือยากกว่ากู้จื่อหยวนมาก
คนคนนี้ดูเหมือนไม่คำนึงถึงแบบแผน การพูดการกระทำของเขาแสดงให้เห็นอย่างนี้
ซูจิ่วซือถูกจงมั่วเจียงบังคับขึ้นรถม้า จงมั่วเจียงกับซูจิ่วซือนั่งรถม้าคันเดียวกัน กู้หลียวนไม่ได้รับการดูแลดีอย่างนั้น เขาขี่ม้าไป ข้างนอกฝนตกหนัก ฝนเม็ดใหญ่กระทบใบหน้า จนลืมตาไม่ขึ้น
จงมั่วเจียงวางซูจิ่วซือบนที่นั่งตรงกันข้าม ซูจิ่วซือเอนตัวพิงข้างรถ ตลอดทาง แม้จงมั่วเจียงจะเอาผ้าคลุมกันฝนให้ แต่นางก็เปียกไปทั้งตัว เส้นผมยาวแนบกับแก้ม
“แม่หนู คนที่เจ้ารักคือฟู่เฉินหรงใช่ไหม! มิน่าถึงมีคนจ้างฆ่าเจ้าด้วยเงินสูงลิ่ว ที่แท้ก็เกี่ยวพันถึงรัชทายาทแคว้นเจียง ฟู่เฉินหรงมอบกำไลนี้ให้เจ้า แสดงว่าในใจของเขาเจ้ามีฐานะสำคัญไม่น้อย”
——
ตอนที่ 345 ความเป็นมาของกำไล
จงมั่วเจียงพูดอย่างผ่อนคลาย “ที่แท้เจ้าก็คือองค์หญิงอันผิงผู้โด่งดังในแคว้นเว่ย ข้าขอเตือนเจ้าอย่าไปตามหาฟู่เฉินหรง แม้เขาจะเป็นรัชทายาท แต่ไม่ใช่ผู้สืบทอดบัลลังก์ที่มั่นคง อาจจะตายเมื่อไรก็ได้ พอถึงตอนนั้นเจ้าจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย เจ้ามาอยู่กับข้าดีกว่า เป็นฮูหยินของเจ้าสำนัก ข้ารับรองเจ้าจะสบายไปตลอดชีวิต”
“ถ้าสบายไปตลอดชีวิต ข้าตัวคนเดียวก็ทำได้ ไม่จำเป็นต้องอาศัยใคร เจ้าสำนัก ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าเป็นใคร ทำไมจึงหาเรื่องให้ตัวเองเดือดร้อนล่ะ”
จงมั่วเจียงหัวเราะ “แม่หนูนี่ช่างดึงดันจริงๆ คนรอบข้างเจ้าทรยศต่อเจ้า แสดงว่าพวกเขาถูกซื้อตัวแล้ว
ข้าได้ยินว่าฮ่องเต้แคว้นเจียงจัดการหมั้นหมายให้ฟู่เฉินหรงแล้ว ถ้าเจ้าไปก็จะเป็นส่วนเกิน ไม่แน่คนที่ต้องการให้ฆ่าเจ้าอาจจะเป็นฮ่องเต้แคว้นเจียง เวลานี้ฟู่เฉินหรงชอบเฟิงชิงสุ่ยมาก ทำไมต้องทำให้ตัวเองเป็นคนน่าเบื่อน่ารังเกียจ เพื่อผู้ชายคนหนึ่งสมควรหรือ”
“เรื่องของข้า เจ้าสำนักไม่ต้องวิตก”
“เจ้าจะฟังหรือไม่เป็นเรื่องของเจ้า แต่เจ้าจะไปไหนไม่ได้”
จู่ๆ จงมั่วเจียงก็ก้มตัวเข้ามาหา กลิ่นผู้ชายแปลกหน้าประดังเข้ามา ทำให้ซูจิ่วซือรู้สึกอึดอัดมาก แต่ก็ขยับตัวไม่ได้ ได้แต่ถลึงตาใส่จงมั่วเจียง สายตาเย็นชา
จงมั่วเจียงไม่ใส่ใจสายตาของซูจิ่วซือ ยื่นมือไปจับข้อมือซูจิ่วซือไว้ ลูบกำไลบนข้อมือซูจิ่วซือ “เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าสวมอะไรไว้ ฟู่เฉินหรงเคยบอกเจ้าไหม”
“นี่เป็นมรดกจากท่านแม่ของเฉินหรง เจ้าสำนักเคยเห็นของมีค่ามานับไม่ถ้วน ยังสนใจกำไลผู้หญิงคู่นี้หรือ”
“นี่ไม่ใช่กำไลธรรมดา เป็นมรดกของพระชายารัชทายาท แต่ความเป็นมาของกำไลนี้ไม่ธรรมดา ดูแล้วเจ้าคงไม่รู้อะไรเลย ฟู่เฉินหรงไม่ได้บอกอะไรเจ้าเลย”
จงมั่วเจียงพูดจบก็ปล่อยข้อมือซูจิ่วซือ กลับไปนั่งที่เดิม
“ไหนๆ ข้าก็พอใจเจ้า ข้าจะเล่าเรื่องให้ฟัง เจ้าจะได้ไม่ถูกหักหลังโดยไม่รู้ตัว”จงมั่วเจียงสีหน้าอ่อนโยน “เรื่องนี้ต้องเริ่มจากแม่แท้ๆ ของฟู่เฉินหรง แม่ของเขาไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา”
“แม่แท้ๆ ของฟู่เฉินหรงเป็นลูกสาวคนโตของจวนราชบัณฑิตโจว ถือกำเนิดในตระกูลสูง ได้รับเลือกเป็นพระชายารัชทายาท ต้องเป็นผู้หญิงที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม”
ซูจิ่วซือย่อมปกป้องแม่แท้ๆ ของฟู่เฉินหรง แม้จงมั่วเจียงยังไม่พูดอะไร แต่น้ำเสียงดูแคลนเป็นพิเศษ
จงมั่วเจียงยังคงพูดต่ออย่างดูแคลน “นางไม่ใช่ลูกสาวคนโตจริงๆ ตอนนั้นมีการยกลูกสาวคนโตของจวนสกุลโจวให้รัชทายาทตวนฮุ่ยจริงๆ แต่คนที่แต่งงานกับรัชทายาทตวนฮุ่ยไม่ใช่คนนั้น คุณหนูใหญ่สกุลโจวตัวจริงตายไปนานแล้ว คนที่แต่งงานกับรัชทายาทคือเสิ่นไห่ถังซึ่งหน้าตาคล้ายคุณหนูใหญ่สกุลโจวมาก”
“เจ้าว่ายังไงนะ”
ซูจิ่วซือดวงตาฉายแววประหลาดใจแวบหนึ่ง ทำไมจงมั่วเจียงจึงรู้เรื่องนี้ ถ้าเป็นความจริง ก็เป็นความลับของราชสำนัก ไม่มีทางแพร่ออกไป แม้แต่ฟู่เฉินหรงก็ไม่รู้
“เจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ ข้าไม่จำเป็นต้องหลอกเจ้า ทำไมข้ารู้จักเสิ่นไห่ถัง เพราะนางเป็นคนของสำนักวิหคเขียว กำไลที่มือเจ้าเป็นของมีค่าของสำนักวิหคเขียว ที่อาจารย์ข้ามอบให้เสิ่นไห่ถัง”
ซูจิ่วซือไม่ได้พูดแทรก รอให้จงมั่วเจียงพูดต่อจนจบ
“อาจารย์ข้าตอนหนุ่มเคยพบเสิ่นไห่ถังขณะที่นางหิวโซกลางทาง จึงพานางกลับมาที่บ้าน และตั้งชื่อนางว่าเสิ่นไห่ถัง
นางอายุน้อยกว่าอาจารย์ข้าแปดปี ติดตามอาจารย์ข้าอย่างใกล้ชิด ต่อมาอาจารย์ก่อตั้งสำนักวิหคเขียว นางก็ยังช่วยงานมาตลอด อาจารย์มอบของล้ำค่าที่สืบทอดจากบรรพบุรุษให้นาง ก็คือกำไลในมือเจ้า เพราะอยากแต่งงานกับนาง”