ตอนที่ 324 ไปหาซูเหมย
ซูจิ่วซือไม่รู้สภาพทางฟู่เฉินหรง เวลานี้นางจดจ่ออยู่ที่ซูเหมย
หลังจากนางได้รับของที่จื่อหลานส่งมาให้ นางก็นิ่งเงียบอยู่นาน นางนั่งหน้ากระจกสัมฤทธิ์ สวมหน้ากากหนังคนบนหน้า ใบหน้าที่คุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง
ใช่ นางวานหวังเฉิงหาคนในวงการนักเลงทำหน้ากากหนังคน นางจะยุติเรื่องราวทั้งหมดในฐานะซูหลิ่ว
จื่อหลานไม่รู้จักซูหลิ่ว ไม่รู้ด้วยว่าทำไมซูจิ่วซือจึงต้องสวมหน้ากากหนังคนแบบนี้ จึงถามด้วยความแปลกใจ “คุณหนู นี่ใครเจ้าคะ”
“จื่อหลาน เรื่องนี้เจ้าอย่าถามเลย เราไปที่หอหมิงเซียงกันเถอะ”
จื่อหลานไม่ถามอะไรอีก รีบออกไปสั่งให้คนเตรียมรถม้า ซูจิ่วซือกำชับให้จอดรถที่ประตูหลัง นางไม่อยากเป็นเป้าสายตาคนอื่น ต้องการไปยุติเรื่องราวทั้งหมดอย่างเงียบๆ
จื่อหลานตามซูจิ่วซือขึ้นรถม้า ระหว่างทางซูจิ่วซือไม่พูดอะไร ในสมองมีภาพเหตุการณ์ในอดีตผุดขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า หนี้ที่ซูเหมยติดค้างได้เวลาชดใช้แล้ว
นางรู้เรื่องราวที่ซ่อนเร้นตอนนั้น นางจะไม่ฆ่ากู้เหยี่ยน แต่ก็ไม่ให้อภัยเขา ตั้งแต่นี้ไปสำหรับนางแล้วกู้เหยี่ยนเป็นเพียงคนแปลกหน้า
จื่อหลานรู้สึกว่าวันนี้ซูจิ่วซือมีอะไรผิดปกติ เงียบขรึมเป็นพิเศษ ราวกับเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น นางเป็นห่วงซูจิ่วซือ กลัวว่าจะเกิดเหตุที่ไม่คาดฝัน
ทั้งสองไม่พูดไม่จา จื่อหลานเองก็ไม่กล้าถามมาก
พอมาถึงหอหมิงเซียง จื่อหลานกระโดดลงจากรถม้าก่อน แล้วยื่นมือมาประคองซูจิ่วซือลงจากรถม้า ซูจิ่วซือให้นางรออยู่ในรถม้า อย่าออกมาให้คนอื่นเห็น จื่อหลานไม่รู้เจตนาที่ซูจิ่วซือทำเช่นนี้ แต่ยังคงพยักหน้ารับคำ ซูจิ่วซือเดินตามลำพังไปบนห้องพิเศษบนชั้นสองของหอหมิงเซียง
ก่อนมานางใช้ชื่อซูจิ่วซือนัดหมายให้ซูเหมยมาพบที่นี่ ซูเหมยเคียดแค้นซูจิ่วซือมาก จึงพาคนมาด้วย
เสี่ยวเอ้อคนรับใช้ในร้านเปิดประตูห้อง ซูจิ่วซือซึ่งตามหลังมาเดินเข้าไปในห้อง
ซูเหมยเงยหน้าขึ้น ทันทีที่เห็นหน้าตาของซูจิ่วซือ ก็ได้ยินเสียงปิดประตู แล้วถ้วยชาในมือก็ตกลงบนพื้น น้ำชาร้อนกระจายไปทั่ว แต่นางกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ได้แต่มองซูจิ่วซืออย่างตกตะลึง ใบหน้าซีดเผือดทันที
เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ซูหลิ่วตายไปยี่สิบปีแล้ว 0tมาปรากฏตัวได้อย่างไร ทั้งยังมาอยู่เบื้องหน้านางกลางวันแสกๆ ผีหลอกแน่ๆ
มือในชายแขนเสื้อของซูเหมยกำแน่น จนมุมเสื้อยับแล้ว นางค่อยๆ ตั้งสติ ฝืนทำใจให้สงบ
“ไม่เจอกันนานแล้วนะ”
เสียงพูดยังคงเป็นเสียงของซูหลิ่ว
สีหน้าของซูเหมยหวาดผวา เสียงนี้เป็นฝันร้ายของนาง ทำไมแม้แต่เสียงก็เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน
“ซูเหมยเจ้าคงไม่อยากให้คนนอกเห็นท่าทางเจ้าตอนนี้ใช่ไหม”
ซูจิ่วซือเดินอย่างมั่นใจมาที่เบื้องหน้าซูเหมย ดึงม้านั่งออก แล้วนั่งลง
แล้วสั่งเสี่ยวเอ้อซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราว “เอาชาผู่เอ่อร์หนึ่งกา แล้วเอาบ๊วยเค็มกับบ๊วยสดอย่างละจาน อีกหนึ่งชั่วยามค่อยยกมานี่”
นี่เป็นชาที่ซูหลิ่วชอบดื่มที่สุด ส่วนบ๊วยเค็มกับบ๊วยสดเป็นของว่างที่ทั้งสองชอบกิน ซูหลิ่วชอบกินบ๊วยเค็ม ซูเหมยชอบกินบ๊วยสด
เสี่ยวเอ้อออกไปเตรียมของทันที มือของซูเหมยสั่นระริก นางไม่อยากจะเชื่อ แต่ผู้หญิงตรงหน้านี้ทั้งหน้าตาและเสียงก็เหมือนซูหลิ่ว และยังรู้ว่าเมื่อก่อนทั้งสองชอบอะไร
หน้าตาเหมือนกันเป็นความบังเอิญ เสียงก็เหมือนกันได้ ทำให้นางคิดไม่ออกว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ผู้หญิงคนนี้อายุยังน้อย จะรู้จักเสียงของซูหลิ่วได้อย่างไร
——
ตอนที่ 325 ทั้งหมดไม่ใช่ชะตากรรมเจ้า
“ฮูหยิน ไม่เป็นไรใช่หรือไม่!”
สาวใช้ซึ่งอยู่ข้างๆ เห็นสีหน้าของซูเหมยดูผิดปกติ เดี๋ยวคล้ำเดี๋ยวซีด ราวกับพยายามข่มความรู้สึกอย่างสุดกำลัง ในที่สุดก็เอ่ยถาม
“พวกเจ้าออกไป ไปเฝ้าที่หน้าประตู”
“เจ้าค่ะ ฮูหยิน”
สาวใช้เหลือบมองซูเหมยด้วยความกังวล แต่สุดท้ายก็ออกไป
ซูจิ่วซือค่อยๆ รินชาให้ตัวเองถ้วยหนึ่ง นางใจเย็นเป็นพิเศษ “ซูเหมย หลายปีมานี้ เจ้ามีความสุขดีหรือไม่”
”เจ้าเป็นใครกันแน่”
“เจ้าไม่รู้จักข้าแล้วหรือ น้องสาวคนดีของข้า ถึงอย่างไรเราก็โตมาด้วยกัน ข้าคิดถึงเจ้าทุกวัน ทำไมเจ้าจำข้าไม่ได้”
“ซูหลิ่วตายไปยี่สิบปีแล้ว”
ซูเหมยจ้องมองซูจิ่วซืออย่างไม่กะพริบตา ไม่ยอมให้ความรู้สึกใดๆ บนใบหน้านั้นรอดสายตา
ซูจิ่วซือจิบชาด้วยกิริยาสง่างาม แล้ววางถ้วยชาในมือลง มองดูซูเหมยอย่างเย็นชา “บางทีคงเพราะสวรรค์รู้ว่าข้าทำใจไม่ได้ จึงยอมให้ข้ากลับมา ให้ข้ามาพบเจ้าอีกครั้ง ซูเหมย ยี่สิบก่อนเจ้าร่วมมือกับหงเหลียนวางยาพิษข้า แล้วแย่งลูกชายหญิงของข้าไป ข้ายังจำเท้าเจ้าที่เหยียบลงบนร่างข้าได้”
ซูเหมยขวัญผวา รู้สึกขนลุกซู่
ก่อนซูหลิ่วตาย นางเหยียบร่างซูหลิ่วจริง แต่เรื่องนี้ไม่มีใครรู้เห็น มีเพียงซูหลิ่วเท่านั้นที่รู้ แล้วนางรู้ได้อย่างไร หรือนางเป็นซูหลิ่วจริงๆ
ถ้านางเป็นผี ทำไมจึงปรากฏตัวเบื้องหน้านางกลางวันแสกๆ ถ้าไม่ใช่ แล้วนางรู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร
ซูจิ่วซือเห็นสีหน้าซูเหมยแสดงความหวาดกลัว จึงหัวเราะขึ้นทันที “เจ้ากลัวหรือ เมื่อก่อนตอนที่เจ้าฆ่าคน ยังไม่นึกกลัว เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าก่อนข้าตาย ข้าพูดอะไรกับเจ้า เจ้าบอกว่านี่เป็นชะตากรรมของข้า งั้นเวลานี้ก็เป็นชะตากรรมของเจ้าไม่ใช่หรือ
ข้าได้ยินว่าลูกสาวเจ้าตายแล้ว กู้เหยี่ยนก็ไม่ใส่ใจเจ้านัก ดูแล้วยี่สิบปีมานี้เจ้าไม่สมใจเท่าไร ข้าบอกเจ้าก่อนแล้วว่าคนอย่างเจ้าย่อมพบจุดจบไม่ดี
เจ้าดูสิ กรรมกำลังตามสนองเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ ของที่แย่งมาก็คือของที่แย่งมา เจ้าได้ครอบครองกู้เหยี่ยนจริงหรือ”
คำพูดนี้ยั่วให้ซูเหมยโกรธ นางถลึงตาใส่ซูจิ่วซือ “ยี่สิบปีมานี้คนที่อยู่เคียงข้างพี่เหยี่ยนก็คือข้า ซูหลิ่ว เจ้าตายแล้วก็ตายไป จะมาทำอะไรอีก เจ้าคิดว่าจะแย่งกู้เหยี่ยนคืนได้หรือ”
“ข้าแย่งเขาเพื่ออะไร ยี่สิบปีก่อนข้าก็บอกเจ้าแล้ว ข้าไม่ต้องการเขา คนที่ข้าไม่ต้องการ เจ้าอยากแย่งก็แย่งเถอะ! แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้เอาใจใส่เจ้าอย่างที่เจ้าคาดหวัง ยี่สิบปีมานี้เจ้าคงทุกข์ใจมาก! เจ้าไม่เคยได้สิ่งที่อยากได้จริงๆ”
ซูเหมยสีหน้าโกรธเกรี้ยว นางรู้ว่าซูหลิ่วพูดถูก นางไม่เคยได้สิ่งที่อยากได้จริงๆ นางรักกู้เหยี่ยนมาก เคยคิดว่าตนเป็นผู้ชนะ แย่งกู้เหยี่ยนจากมือซูหลิ่วได้จริงๆ
แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากซูหลิ่วตายแล้ว กู้เหยี่ยนกลับไม่ลืมซูหลิ่วเลย
หลายปีมานี้ นางไม่เคยสลัดซูหลิ่วไปได้ มีชีวิตอยู่ใต้เงาซูหลิ่วตลอดมา จนถึงบัดนี้ กู้เหยี่ยนไม่อยากพูดกับนางเกินจำเป็นแม้แต่ประโยคเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะใกล้ชิดนาง ความเป็นผัวเมียเหลือเพียงในนามนานแล้ว
สิ่งที่นางคิดว่าเป็นเกียรติยศและความรุ่งโรจน์ก็สลายไปตามการเสียชีวิตของกู้ฝิ่นไต้ กู้เฝิ่นไต้ทำให้ฝ่าบาทกริ้ว หลังจากนั้นพระองค์ก็ไม่ได้ใส่พระทัยนางอีก สิ่งที่ได้มาอยากยากเย็นสุดท้ายก็เหลือแต่ความว่างเปล่า
แต่นางไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ต่อหน้าซูหลิ่ว นางมองดูซูจิ่วซือ พูดเสียงกร้าว “เจ้าอย่าลืมสิ หลียวนกับชิงเฉิงเรียกข้าเป็นแม่มาหลายปีแล้ว พวกเขาจำหน้าตาซูหลิ่วไม่ได้ รู้แต่ว่าข้าคือแม่ ลูกๆ และสามีเจ้าอยู่ข้างตัวข้า ซูหลิ่ว เจ้าพอใจหรือ”