ตอนที่ 308 ความหลังของกู้หลียวน
กู้หลียวนยิ้มอย่างขมขื่น แล้วพูดขึ้น “จนกระทั่งวันหนึ่ง ข้าพาจื่อหยวนหนีเรียน เรื่องนี้พอท่านแม่รู้เข้า ท่านแม่พาจื่อหยวนไป ข้าเป็นห่วงจื่อหยวน จึงแอบไปหาที่ห้องท่านแม่อย่างเงียบๆ จะพูดขอร้องแทนจื่อหยวน นึกไม่ถึงว่าพอข้าไปก็เห็นจื่อหยวนคุกเข่าลงกับพื้น แม่อบรมจื่อหยวนไม่ขาดปาก ให้ตั้งใจเรียน อย่าเอาแต่เล่น”
จื่อหยวนถามท่านแม่ว่า ทำไมท่านแม่จึงไม่ต่อว่าพี่ กู้เฝิ่นไต้ซึ่งอยู่ข้างๆ พูดแทรกขึ้นว่า “เจ้าช่างโง่จริงๆ กู้หลียวนไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของแม่ วันหลังถ้าเขากลายเป็นคนเหลวไหลไร้ความสามารถยิ่งเป็นผลดีต่อเจ้า สนใจเขาทำไม”
“ตั้งแต่วันนั้นมา ข้าจึงรู้แล้วว่า แม่ตั้งใจทำอย่างนี้ ก็เพราะอยากให้ข้าเป็นคนไร้ความสามารถ จะได้ไม่คุกคามฐานะของจื่อหยวนในการสืบทอดภารกิจครอบครัว ความจริงแล้วแม่ไม่ได้รักข้า และไม่ถือข้าเป็นลูก ที่ดูเหมือนรักเป็นของปลอม”
ซูเหมยมีจุดหมายอย่างนี้ ซูจิ่วซือรู้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่นางนึกไม่ถึงว่าตั้งแต่เล็กกู้หลียวนก็ดูซูเหมยออกอย่างปรุโปร่ง นางรู้สึกชื่นชมและรักใคร่ลูกคนนี้ เวลานั้นเขาต้องการความรักความเอาใจใส่ เมื่อรู้อย่างนี้คงจะเสียใจมาก
ซูเหมยแย่งลูกไปจากมือนาง แต่ไม่ได้รักลูกของนาง แค่อยากแก้แค้นนาง
ด้วยเหตุนี้ซูเหมยจึงอบรมหลียวนให้เป็นเด็กเกะกะเกเร และให้ลูกสาวของตนชิงทุกสิ่งทุกอย่างไปจากชิงเฉิง ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เพื่อแก้แค้นนาง
ซูเหมยเป็นคนเจ้าเล่ห์โหดร้ายมาตลอด
“หลียวน ความจริงแล้วแม่แท้ๆ ของเจ้ารักเจ้ามาก”
นางไม่คิดจะบอกฐานะที่แท้จริงของนางให้กู้หลียวนรู้ อยู่ใกล้ชิดเขาในฐานะน้องสาวก็ได้ ถ้าบอกความจริงทั้งหมด อาจจะทำให้เขาลำบากใจ
“แม่ข้าเป็นอย่างไรข้าจำไม่ได้แล้ว แต่ได้ยินเรื่องราวของแม่มาไม่น้อย เวลานั้นถ้าแม่ไม่ตาย ข้าก็คงไม่เป็นอย่างนี้
ถึงข้าไม่อยากสืบทอดภารกิจครอบครัว แต่ข้าก็รู้สึกสิ้นหวัง เคยประชดชีวิต ต่อมาพอได้ไปอยู่ในวงการนักเลง ได้พบเห็นอะไรมามาก ก็คิดตก อยู่อย่างอิสระไม่มีภาระก็ดีเหมือนกัน
ซูจิ่วซืออยากพูดออกมาว่าขอโทษ แต่ก็พูดไม่ได้ เพียงแต่เก็บเอาไว้ในใจ
พอเห็นสีหน้าของซูจิ่วซือหม่นหมอง กู้หลียวนก็พูดเล่น “เจ้ารักแม่ข้ายิ่งกว่าข้าเสียอีก ใส่ใจเรื่องราวของแม่ ข้าเป็นลูกชายรู้สึกละอายใจที่ทำไม่ได้เท่าเจ้า
ข้าเชื่อว่าแม่ข้ารักข้ากับชิงเฉิงมาก ข้ากับชิงเฉิงก็รักแม่ คิดถึงแม่ตลอดเวลา ตอนเล็ก ชิงเฉิงถามข้าเสมอว่ายังจำหน้าตาท่าทางแม่ได้ไหม เสียดายที่ข้าจำไม่ได้”
ซูจิ่วซือรู้สึกขอบตาชื้นขึ้นมา เกือบจะยอมรับกับลูกชายว่าตนเป็นแม่ แต่ก็ต้องควบคุมความรู้สึกของตนไว้อย่างมิดชิด
นางฟื้นชีวิตได้มาฟังคำพูดของกู้หลียวนอย่างนี้ ก็พอใจ สมใจแล้ว เวลานี้นางหวังแต่ว่าลูกทั้งสองจะอยู่อย่างมีความสุข มีครอบครัวที่ดี
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยอยู่นั้น จู่ๆ จื่อหลานก็วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ ด้วยความร้อนใจ จึงเกือบล้มลงกับพื้น “คุณหนู แย่แล้ว คุณหนูรองเกิดเรื่อง”
กรรไกรในมือของซูจิ่วซือหล่นลงกับพื้นทันที นางผุดลุกขึ้น “เหลียงอินเป็นอะไรไป”
“บ่าวเพิ่งรู้ข่าว คุณหนูรองฆ่าตัวตายในคุกวังหลวงแล้ว ยังเขียนจดหมายลาตายไว้ด้วย”
ซูจิ่วซือหน้ามืดทันที กู้หลียวนรีบประคองซูจิ่วซือ “เด็กคนนี้ทำไมโง่จริงๆ”
ซูจิ่วซือนึกไม่ถึงว่าซูเหลียงอินจะฆ่าตัวตาย นางบอกเหลียงอินไว้แล้ว ว่าอีกไม่นานก็จะพ้นโทษ ทำไมจึงทำอะไรโง่ๆอย่างนี้ ทำไมไม่รอก่อน
ซูจิ่วซือพยายามควบคุมอารมณ์ไว้ “ข้าจะเข้าวัง จื่อหลาน เจ้าไปกับข้า”
——
ตอนที่ 309 เด็กโง่
ซูจิ่วซือยังไม่ทันเข้าวัง ทางวังก็ส่งคนมาแล้ว มีพระราชโองการให้ซูเหวินกับซูจิ่วซือเข้าเฝ้า
พอได้รับพระราชโองการ ซูจิ่วซือไม่พูดไม่จารีบขึ้นรถม้า ซูเหลียงอินคงไม่อยากให้ตนพลอยเดือดร้อนไปด้วยจึงฆ่าตัวตาย เด็กโง่เอ๋ย ช่างโง่อะไรอย่างนี้
ซูจิ่วซือยิ่งคิดยิ่งปวดร้าวใจ หลังฟื้นชีพ การกระทำทุกอย่างของนาง นางหวังอาจจะไม่เข้าใจ มีแต่ซูเหลียงอินเท่านั้นที่สนับสนุนและปกป้องนางเสมอ ไม่ว่าเวลาใด
ซูจิ่วซือเองก็รักหลานสาวคนนี้อย่างจริงใจ ถือเป็นน้องสาวแท้ๆ เวลานี้เหลียงอินเพิ่งอายุสิบสี่ปี ปีหน้าจึงจะทำพิธีเกล้าผม ทำไมจึงทำเรื่องโง่ๆอย่างนี้
ซูเหมย ข้าไม่มีวันปล่อยพวกเจ้าแน่
หลังจากลงรถม้าแล้ว ตลอดทางซูจิ่วซือกับซูเหวินไม่ได้พูดคุยกัน ทั้งสองเดินเรียงตามลำดับเข้าไปในวังเจี้ยนจางกง เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงประทับรออยู่ก่อนแล้ว
ทั้งสองคุกเข่าถวายบังคมเฟิ่งอวิ๋นหล่าง
เฟิ่งอวิ๋นหล่างสีพระพักตร์ไม่ดีนัก พระพักตร์เครียด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงนี้ทำให้พระองค์ไม่สบายพระทัย นางกำนัลที่รับใช้ใกล้ชิดต่างระแวดระวัง เกรงว่าจะทำให้พระองค์ทรงพิโรธ
“ลุกขึ้นเถอะ!”
ทั้งสองลุกขึ้น เฟิ่งอวิ๋นหล่างตรัสต่อ “ซูเหลียงอินฆ่าตัวตาย เรื่องนี้เจิ้นไม่ติดใจสืบถาม แต่ก่อนที่ซูเหลียงอินจะฆ่าตัวตายได้เขียนจดหมายลาตาย ในนั้นพูดถึงท่านโหว”
ซูเหวินใจหาย จดหมายที่ซูเหลียงอินเขียนถึงคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ เขาไม่กล้าทูลถาม เฟิ่งอวิ๋นหล่างไม่ได้ตรัสต่อจนจบ เขาจึงได้แต่รอคอยให้เฟิ่งอวิ๋นหล่างตรัสต่อด้วยใจระทึก
“ซูเหลียงอินเขียนไว้ในจดหมายเรื่องที่ท่านโหวใช้วิธีที่ไม่สมควรวางยาพิษซูหมิง”
ซูเหวินสีหน้าซีดทันที คุกเข่าลงกับพื้นขอความเป็นธรรมให้ตนเอง “ฝ่าบาท กระหม่อมถูกใส่ร้าย ตอนที่พี่ชายตายกระหม่อมรู้สึกเสียใจมาก
ใครๆ ก็รู้ว่าพี่ชายป่วยด้วยโรคที่ติดมาจากชายแดนใต้ สภาพการตายเหมือนพี่สาวทุกอย่าง เหลียงอินเป็นเด็กรุ่นหลัง ไม่อาจรู้เรื่องนี้ ไม่รู้ว่าได้ยินมาจากไหน เป็นการคาดเดาเอาเอง”
ซูจิ่วซือเองก็รู้สึกประหลาดใจ เรื่องนี้นางไม่เคยเล่าให้ซูเหลียงอินฟัง เพียงแต่รู้สึกเหมือนกับว่าซูเหลียงอินเคยพูดว่าสงสัยซูหมิงจะถูกวางยาตาย
เหตุการณ์ในอดีตนางไม่อาจเล่าให้ซูเหลียงอินฟังอย่างละเอียด แม้แต่นางหวังก็ไม่รู้เรื่องนี้ แล้วซูเหลียงอินได้ข่าวมาจากไหน
เป็นไปได้ที่ซูเหลียงอินไม่รู้อะไร เพียงแต่สงสัย จึงได้เขียนอย่างนี้
ในเมื่อซูเหลียงอินเปิดประเด็น นางก็จะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปอย่างเงียบๆ สมควรเรียกร้องความยุติธรรมให้ซูหมิง เฟิ่งอวิ๋นหล่างมีพระบัญชาให้นางกับซูเหวินเข้าเฝ้าเพื่อตรัสเรื่องนี้ แสดงว่าพระองค์มีพระประสงค์จะจัดการ หากพระองค์จะจัดการ ย่อมกระทำได้อย่างง่ายดาย
พอคิดอย่างนี้ ซูจิ่วซือก็คุกเข่าลง “ขอฝ่าบาททรงโปรดช่วยท่านพ่อด้วยเถอะ”
“จิ่วซือ เบื้องพระพักตร์ฝ่าบาทระวังหน่อย อย่าพูดจาเหลวไหล”
ซูเหวินดุสีหน้าเครียด ซูหมิงตายไปหลายปีแล้ว ซูเหวินไม่เชื่อว่าจะมีหลักฐานอะไรเหลือไว้ แต่เขาก็วิตก กลัวว่าซูจิ่วซือจะพูดอะไรเกินเลย หากเฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงเชื่อ เขาคงแย่แน่
“ซูเหวิน ไม่ต้องร้อนใจ ให้ซูจิ่วซือพูดให้จบก่อน เจิ้นรอฟังอยู่”
เรื่องในครอบครัวจวนอันผิงโหวเฟิ่งอวิ๋นหล่างไม่อยากใส่พระทัย พระองค์เป็นฮ่องเต้ ไม่มีเวลาว่างพอที่จะใส่พระทัยเรื่องในครอบครัว วันนี้ที่พระองค์ตรัสถาม เป็นเพราะทรงรู้สึกว่าติดหนี้ชีวิตซูจิ่วซืออยู่
กู้เฝิ่นไต้ต้องการฆ่ากู้ชิงเฉิงเป็นความจริงที่ไม่ต้องสงสัย ถ้ากู้เฝิ่นไต้ไม่ตาย พระองค์ก็จะประหารกู้เฝิ่นไต้ ซูเหลียงอินช่วยกู้ชิงเฉิง พระองค์ทรงซาบซึ้งพระทัยต่อซูเหลียงอิน แต่เรื่องนี้จำเป็นต้องทำอะไรบางอย่างให้คนภายนอกเห็น เวลานี้จึงทรงอยากชดเชยให้
ในเมื่อซูเหลียงอินอยากเรียกร้องความยุติธรรมให้พ่อ พระองค์ก็จะทำตามความต้องการของซูเหลียงอิน