ตอนที่ 234 แผนใส่ร้าย
แต่โบราณมีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่สืบสกุล ถ้าซูเหิงตาย ซูจิ่วซือแม้เก่งกาจเพียงไร หากนางแต่งงานไป ก็ไม่อาจยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในจวนอันผิงโหว
“ตอนบ่ายข้าจะไปปรึกษาท่านอาเรื่องนี้ วันมะรืนหลี่ซูหลานก็จะเข้าจวนแล้ว เจ้าให้เมียเจ้าจัดการให้เรียบร้อย”
หลี่ซูหลานเป็นภรรยาใหม่ของซูเหวิน เป็นผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าร้ายกาจที่สุดในเมืองหลวง ลูกหลานตระกูลใหญ่ทั่วไปพากันหลีกห่างนาง ทำให้นางอายุยี่สิบปีแล้วก็ยังไม่ได้แต่งงาน ซูเหวินแต่งนางเข้าจวน เพื่อจัดการกับซูจิ่วซือ ให้นางข่มซูจิ่วซือ
ซูคังไม่พอใจที่ซูเหวินแต่งงานใหม่ เขาพูดด้วยสีหน้าวิตก “งานแต่งของท่านพ่อ ท่านพ่อก็จัดการเอง ข้ามีธุระ ขอตัวก่อน”
พูดจบซูคังก็ออกไปจากห้องหนังสือ ซูเหวินโกรธเอากำปั้นทุบกับโต๊ะ ร้องด่า “ไอ้ลูกอกตัญญู”
เขาเองก็ไม่อยากรีบร้อนแต่งงานใหม่ แต่ใครใช้ให้ลูกสะใภ้ไร้ความสามารถ ถ้าพอจะทำอะไรเป็นบ้าง เขาก็จะมอบหมายให้ลูกสะใภ้จัดการงานบ้าน ตอนนี้จึงจำเป็นต้องแต่งงานใหม่ แต่ซูคังกับเมียกลับโทษเขา
พอซูคังกลับไปที่ห้อง นางเจิ้งก็เข้ามาหา รินชาให้ “ท่านพี่ คิดหาทางเถอะ! หลี่ซูหลานจะมาอยู่นี่แล้ว ข้าได้ยินว่าหลี่ซูหลานเป็นคนใจกล้า และยังสาว เข้าจวนมาต้องมีลูกแน่ ถ้าได้ลูกชาย พอถึงตอนนั้นเราคงโดนหลี่ซูหลานรังแก”
ซูคังกำลังหงุดหงิด พอได้ยินนางเจิ้งพูดอย่างนี้ก็ยิ่งโมโห เขารับถ้วยชาที่นางเจิ้งยื่นให้ กระแทกลงบนโต๊ะ “พอแล้ว ไม่ต้องพูดมาก คิดว่าข้ายังไม่ยุ่งพอหรือ ท่านพ่อแต่งงานใหม่ ใครจะขัดได้ ผู้หญิงคนนี้ท่านพ่อเป็นคนเลือกเอง ถ้าเจ้าพอจะทำอะไรเป็นบ้าง ท่านพ่อจะเลือกคนอย่างนี้หรือ”
นางเจิ้งสีหน้าน้อยใจ “ท่านพี่ ข้าทำอะไรไม่เป็นจริงๆ องค์หญิงอันผิงถึงจะเก่งแค่ไหนก็ต้องแต่งออกไป อยู่จวนอันผิงไปตลอดได้อย่างไร แต่หลี่ซูหลานไม่ใช่อย่างนั้น พอเข้าจวนมา นางก็เป็นคนของจวนอันผิงโหว ชาตินี้ต้องอยู่ในจวน เวลานี้ซูเหิงก็กลับมาแล้ว ท่านพี่ต้องคิดหาทาง”
“ข้าจะหาทางอะไรได้ หลี่ซูหลานก็ขัดไม่ได้ คงต้องหาโอกาสกำจัดซูเหิง”
นางเจิ้งคิดครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น “ท่านพี่ ท่านพี่เข้าวังไปหาฮองเฮาดีกว่า พระนางฉลาด ไม่ถูกกับองค์หญิงอันผิงมาตลอด ต้องช่วยเราแน่ ไม่แน่อาจจะมีวิธีดีๆ”
“บ่ายนี้ท่านพ่อจะไปหาท่านอา ข้าจะไปเข้าเฝ้าฮองเฮา ตั้งแต่ซูจิ่วซือกลับมา จวนอันผิงก็ไม่เป็นอันสงบ ถ้าไม่มีนาง มีหรือหลี่ซูหลานจะมา
กระดูกท่านแม่ยังไม่ทันเย็น ท่านพ่อก็จะแต่งงานใหม่ ไม่รู้ว่าท่านแม่จะเสียใจอยู่ในปรโลกหรือไม่”
“ท่านพ่อไม่เห็นท่านพี่อยู่ในสายตา ท่านพี่ เรื่องนี้เราสองคนคิดต้องหาทาง จะนั่งรอความตายอย่างนี้ไม่ได้ อีกไม่กี่เดือนลูกเราก็จะคลอดแล้ว”
นางเจิ้งมองซูคังด้วยแววตาขอร้อง นางกลัวว่าวันหลังลูกของตนจะไม่มีฐานะในจวนอันผิงโหว ซูคังเป็นลูกชายคนโต ตามแบบแผนแล้วเขาควรเป็นคนสืบทอดตำแหน่งโหว
ถ้าหลี่ซูหลานเข้ามา มีลูกชาย ซูคังอาจจะถูกยกเลิกฐานะผู้สืบทอด ที่สำคัญนางได้ยินมาว่าหลี่ซูหลานเป็นคนใจกล้า นางจึงรู้สึกกลัวหลี่ซูหลาน
คำพูดนี้ทำให้ซูคังยิ่งหงุดหงิด เขาออกจากห้องอย่างรวดเร็ว เตรียมเข้าวังไปปรึกษากู้เฝิ่นไต้ ดูว่ากู้เฝิ่นไต้จะมีวิธีไหนที่ดีกว่านี้
——
ตอนที่ 235 ซูเหวินแต่งงานใหม่
ซูจิ่วซือกำลังกินมื้อเย็นกับซูเหิงและซูเหลียงอิน ซูเหลียงอินหยิบน่องไก่ขึ้นมากินพลางพูดขึ้น “พี่ หลี่ซูหลานจะแต่งเข้ามา อารองไม่ได้ให้พี่ช่วยจัดการงานบ้านเล”
“ไม่ให้พี่ช่วยก็ดีแล้ว จะได้อยู่อย่างสงบ”
ซูจิ่วซือกินน้ำแกง ตอบช้าๆ
“แต่ข้าได้ยินมาว่าหลี่ซูหลานเป็นผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าร้ายกาจที่สุดในเมืองหลวง อารองแต่งงานกับผู้หญิงอย่างนี้ แสดงว่าตั้งใจจะให้มาจัดการพี่ คงกลัวว่าพี่จะเข้าไปยุ่งกับงานในจวนอันผิงโหว ไม่รู้ว่าพอหลี่ซูหลานมาแล้วจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ได้ข่าวว่าทั่วเมืองหลวงไม่มีใครกล้าแต่งกับนาง”
ซูเหลียงอินสีหน้ากังวล
ซูเหิงกลับไม่ทุกข์ร้อน “เหลียงอิน เจ้ากังวลเรื่องนี้ทำไม หลี่ซูหลานเป็นผู้หญิงร้ายกาจแล้วอย่างไร ไม่แน่อาจจะแข็งแต่ภายนอก ภายในไม่มีอะไร ถ้าเป็นคนอย่างนี้ วันหลังอารองก็รับกรรมไป
ซูคังอีกคน ก็แต่งงานกับผู้หญิงร้ายกาจ คนที่น่ากลัวจริงๆ น่าจะเป็นซูคัง เขาก็คงไม่อยากให้อารองแต่งงานใหม่ ทางที่ดีคือไม่มีใครเข้ามาอยู่”
“น้องรองพูดถูก หลี่ซูหลานเป็นผู้หญิงร้ายกาจหรือไม่สำหรับเราก็ไม่ต่างกัน
คนที่จะกลัวนางก็คือซูคัง หลี่ซูหลานยังสาว ซูคังคงกลัวว่านางจะมีลูกชาย
ถ้ามีลูกชาย หลี่ซูหลานย่อมนึกถึงอนาคตของลูก พอถึงตอนนั้นเราคงได้ดูเรื่องสนุก น้องรอง เจ้าต้องระวังหน่อย เกรงว่าพวกอารองจะทำอะไรขึ้นมา”
ซูเหิงพยักหน้า “พี่ ไม่ต้องห่วง ข้าจะทำอะไรระมัดระวัง พรุ่งนี้ข้าไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทก่อน รอให้ข้าได้ทำงานแล้วค่อยว่า”
ซูเหลียงอินกลืนเนื้อไก่ในปาก แล้วหัวเราะออกมา “ถ้างั้น ข้าก็อยากให้หลี่ซูหลานมาเร็วหน่อย เราจะได้ดูเรื่องสนุก”
“เจ้าก็ อย่าให้พี่จิ่วซือเดือดร้อนก็พอแล้ว”
“พี่รอง พี่ก็ว่าข้าอย่างนี้หรือ ข้าหาเรื่องที่ไหนกัน”
ซูเหลียงอินย้อนถามอย่างไม่ยอมรับ
“เอาละ กับข้าวเย็นหมดแล้ว รีบกินเถอะ” พอเห็นซูเหลียงอินชอบกินขาไก่ ซูจิ่วซือก็คีบให้ซูเหลียงอินอีกขาหนึ่ง ในสายตาของนาง ซูเหลียงอินเป็นลูกสาว นางรักหลานสาวคนนี้เหมือนลูก
“พี่ พี่รอง กินคนละขา ตอนเล็กข้าอยากให้เราสามคนกินขาไก่ด้วยกันสักวัน”
ซูเหลียงอินหัวเราะร่า นึกถึงอดีต เวลานั้นชีวิตความเป็นอยู่ขัดสน ขาไก่ไม่ใช่ของที่จะกินได้บ่อยๆ
นานๆ ครั้งที่นางหวังซื้อขาไก่ ซูจิ่วซือกับซูเหิงมักจะยกให้ซูเหลียงอินซึ่งอายุน้อยที่สุด
เรื่องนี้ซูเหลียงอินยังมีภาพจำ จึงอยากให้สักวันหนึ่งได้นั่งกินขาไก่ของโปรดด้วยกันสามคน นึกไม่ถึงว่าต้องรอหลายปีจึงมีวันนี้
ซูเหิงก็จำเรื่องราวในอดีตได้ เขายื่นมือไปลูบผมซูเหลียงอิน “เจ้าเก่งขึ้นแล้วนะ ใกล้จะปักปิ่นแล้วแต่ยังเหมือนเด็กนึกถึงเรื่องกินขาไก่”
“เหลียงอินเป็นน้องสาวตัวเล็กของเรานี่”
ซูจิ่วซือหัวเราะ
“ข้าไม่ตัวเล็กแล้ว อายุเท่าไรก็ต้องกินนี่นา”
สามพี่น้องพูดคุยล้อเล่นกันสนุกสนาน ซูจิ่วซือรู้สึกอบอุ่น ยังดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้างตัวนางยังมีคนใกล้ชิดอย่างนี้
วันที่หลี่ซูหลานเข้ามา จวนอันผิงโหวครึกครี้นมาก แม้เป็นการแต่งงานใหม่ แต่เพื่อความเป็นสิริมงคล ซูเหวินจึงจัดงานใหญ่ คนชั้นสูงตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงต่างมาร่วมงาน
ซูจิ่วซือกับซูเหลียงอินสวมชุดสีชมพูอ่อน สีเสื้อผ้ากับท่าทางของคนใส่ไม่ต่างกันนัก แต่กลับให้ความรู้สึกพิเศษ ซูเหลียงอินดูน่ารัก ใบหน้าผุดผ่อง ดูใสซื่อ
ส่วนซูจิ่วซือดูหนักแน่นกว่า สีหวานทำให้นางดูอ่อนโยนมากขึ้น