สองคนห่างกันแค่คืบ คนหนึ่งอยู่ข้างบนคนหนึ่งอยู่ข้างล่าง สายตาทั้งคู่ประสานกัน
ใบหน้าซีดเผือดของซูย้าวเผยอาการป่วย ดูแลสภาพย่ำแย่ ย่อมไม่มีกำลังวังชาจะชักช้ามากไป เธอได้แต่จับรั้วข้าวๆ ประคองตัวเองลุกขึ้น แล้วพูดขึ้น เสียงแหบพร่า และมืดหม่น “ฉันอยู่ที่นี่ได้มั้ย”
เธอไม่มีที่จะไปแล้ว
แม้ว่า ก่อนหน้านี้ เธอรู้สึกว่าตัวเองอยู่กับลี่เฉินซี ไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก และอาจจะทำให้เขาและลูกต้องเจอเรื่องยุ่งยากและอันตรายที่ไม่จำเป็น แต่ตอนนี้ เมื่อรู้ว่าเด็กๆ สองคนบาดเจ็บหนักเพราะตัวเอง เธอก็เปลี่ยนความตั้งใจแต่แรก
เธออยากอยู่ต่อไป เพื่อชดใช้ความผิด
แม้จะรู้ว่าวิธีนี้ ไม่มีทางล้างความผิดที่เธอมีกับเด็กๆ แต่ได้ทำอะไรบ้าง ก็ดีกว่าไม่ได้ทำเลย
ใบหน้าคมคายของลี่เฉินซีหมองลง แววตาเย็นชายิ่งเศร้าหมอง
เขาเงียบขรึมไม่พูดอะไร ซึ่งเป็นเรื่องที่ซูย้าวคิดไว้แล้ว ย่อมไม่แปลกใจ เธอเพียงแต่หลบตาลงนิดๆ พูดขึ้น “ให้ฉันเป็นคนใช้ไม่ใช่หรือ คำพูดนี้ยังเชื่อถือได้มั้ย”
ลี่เฉินซีหายใจเข้าลึกจนใจ สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่เดินตรงไปที่ขั้นบันได จากนั้นก็เดินผ่านเธอไป กดรหัสผ่าน เปิดประตูใหญ่
ซูย้าวตามหลังเขา ร่างกายเธออ่อนแอมาก ต้องหาที่พยุงตัวถึงจะยืนได้มั่นคง มองเขาเป็นกังวล “ฉันไปเยี่ยมเด็กๆ ได้มั้ย”
ตอนที่เธอออกจากโรงพยาบาล ห้องพักของลี่หมิงมีพยาบาล เธอกังวลว่าพยาบาลจะรั้งตัวเธอให้อยู่โรงพยาบาล จึงออกมาทันที
คำพูดเรียบๆ เหมือนทิ่มแทงบาดแผลสักที่ในใจของชายหนุ่ม สีหน้าหม่นหมองเปลี่ยนไป หันมาทันที แขนข้างหนึ่งคว้าข้อมือของเธอโดยไม่ทันตั้งตัว เหวี่ยงเธอกระแทกกำแพงข้างๆ เต็มแรง “ยังมีหน้าพูดถึงลูกอีก!”
“คุณมีสิทธิ์อะไรไปหาเด็กๆ”
เขากัดฟัน คำพูดแต่ละคำแสนเย็นชา ความเคียดแค้นชิงชังเข้ากระดูก ทิ่มแทงหัวใจของเธอ
ลี่เฉินซียกมือขึ้นบีบคางเธอ แรงพอที่จะทำให้แก้มของเธอบิดเบี้ยว “ตอนนั้นผมเชื่อคุณมากไป ถึงได้ให้คุณกับลูกๆ…”
เขาโมโหเดือดดาล จนพูดไม่ออก
เพราะเธอคือซูย้าว เธอเคยเป็นภรรยาของเขา เป็นแม่แท้ๆ ของลูก เขาไม่ระมัดระวัง ถึงกับไม่สงสัยพาเธอมาอยู่กับเด็กๆ ถึงได้เกิดโศกนาฏกรรมอย่างวันนี้!
ถ้าเขาระมัดระวังสักนิดแต่แรก รอบคอบอีกหน่อย ไม่ให้เธอได้ใกล้ชิดกับเด็กๆ อย่างนั้น วันที่เกิดไฟไหม้ ลี่เจิ้งกับลี่หมิงก็จะไม่เสี่ยงชีวิต วิ่งเข้าไปในกองเพลิงอย่างนั้น เพื่อช่วยเธอ ทำร้ายเด็กสองคนจนกลายเป็นอย่างทุกวันนี้!
แววตาเป็นทุกข์ของลี่เฉินซีย้อมเพลิงแค้น อาฆาตแค้นจนอยากจะฆ่าเธอทุกวินาที “ฟังให้ดี ตั้งแต่นี้ไป ห้ามไปโรงพยาบาล ห้ามไปเจอเด็กๆ สองคน!”
ซูย้าวเม้มริมฝีปากเจ็บปวด ฝืนใจที่สั่นสะท้าน พยายามพยักหน้า “…ค่ะ”
สายตาของเขาที่มองเธอยิ่งลึกขึ้น ในพริบตา ก็ออกแรงทันที เหวี่ยงเธอไปข้างๆ เต็มแรง
ซูย้าวเดิมทีอ่อนแรงอยู่แล้ว และไม่ทันระวังตัว ร่างผอมแห้งก็ล้มกระแทกรั้วอย่างจัง ล้มลงกองกับพื้น
“ซูย้าว!”
เสียงผู้หญิงจู่ๆ ดังขึ้นจากไกลๆ จากนั้น ก็เห็นโม่หว่านหว่านที่เพิ่งลงจากรถของคุณชายลู่ เร่งฝีเท้าวิ่งเข้ามาทางนี้
พอเธอวิ่งเข้ามาใกล้ ก็รีบผลักลี่เฉินซีออกไป พุ่งเข้าไปข้างซูย้าวโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น ประคองเธอขึ้นมา
ขณะนั้น โม่หว่านหว่านเพราะทำท่าประคอง สัมผัสแขนของซูย้าว รู้สึกว่าตัวเธอร้อนจัด ก็อุทาน “เธอเป็นไข้ ทำไมเป็นไข้สูงขนาดนี้ล่ะ”
บาดแผลของเธอกำลังติดเชื้อ ประกอบกับก่อนหน้านี้พวก น้าชิว โหดเหี้ยม บาดแผลเต็มตัว จึงเป็นไข้ไม่ลด
แต่เรื่องนี้ ซูย้าวกลับเหมือนไม่แยแส เพียงแต่ปัดมือเธอออก ส่งสายตาซาบซึ้ง พูดสั้นๆ “ขอบใจนะ คุณโม่”
โม่หว่านหว่านสายตาเป็นกังวล ประคองแขนเธออีกครั้ง “เธอเป็นอะไรกันแน่ ทำไมสีหน้าแย่จัง ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
เธอเป็นห่วงซูย้าวมากจริงๆ หลายเดือนมานี้ โม่หว่านหว่านเพื่อเธอแล้ว เธอบ่นซ้ำๆ แทบจะทุกวันกับคุณชายลู่ ในที่สุด คุณชายลู่ก็ได้ยินข่าวแว่วมาว่าซูย้าวกลับมาแล้ว โม่หว่านหว่านทนไม่ไหวรีบมาที่นี่
ตอนนี้เห็นซูย้าวในสภาพนี้ โม่หว่านหว่านยิ่งสงสาร ประคองเธอ พลางมองผู้ชายที่อยู่ข้างๆ “ลี่เฉินซี คุณเป็นบ้าอะไรอีก”
“ก็บอกแล้วไง ไฟไหม้ตอนนั้น เป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น เรื่องเจิ้งเอ๋อกับหมิงเอ๋อ ซูย้าวก็ไม่ได้ตั้งใจ คุณมีสิทธิ์อะไรมาทำอย่างนี้กับเธอ
หลายปีมานี้ มีแต่โม่หว่านหว่านเลือกที่จะเชื่อเธอเสมอโดยไม่มีเงื่อนไข และไม่ลังเลที่จะยืนเคียงข้างคอยปกป้องคุ้มครองเธอ
น่าเสียดายที่ซูย้าวลืมทุกอย่างในอดีตหมดแล้ว ไม่อย่างนั้น ตอนนี้จะต้องซาบซึ้งมากแน่ๆ
สายตาของลี่เฉินซีเต็มไปด้วยความโกรธ เสียงเย็นชาเคร่งขรึม “อุบัติเหตุหรือ แค่อุบัติเหตุงั้นหรือ”
คำถามนี้ ไม่ต้องการให้โม่หว่านหว่านตอบ เขาตอบคำถามนั้นเอง “ถ้าหากเป็นอุบัติเหตุ ก็เป็นอุบัติเหตุที่เธอทำเองกับมือ!”
เพลิงไหม้ครั้งนั้น รวมทั้งระเบิดในภายหลัง มีคนวางแผนไว้ก่อนแล้ว
ส่วนใครเป็นคนทำ แน่นอนว่าคือซูย้าวเอง
เช้ามืดวันนั้นเธอถึงได้ ไล่ทุกคนออกไป ตัวเองอยู่ในบ้านว่างเปล่าคนเดียว แม้แต่อู๋หยานที่มาหาเธอพูดจาแดกดัน ก็ถูกเธอไล่ไปห้วนๆ
เจตนาของเธอก็ไม่ทำร้ายคนบริสุทธิ์
แต่นึกไม่ถึง สุดท้ายแล้วเธอจะทำร้ายคนที่ไม่อยากทำร้ายมากที่สุด…
โม่หว่านหว่านขมวดคิ้วโกรธ พูดขึ้น “วางแผนอะไรกัน เจิ้งเอ๋อกับหมิงเอ๋อ ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของซูย้าว เด็กๆ เกิดเรื่องแล้ว เธอเป็นแม่แท้ๆ จะทนรับไหวได้ยังไง คุณอย่าเอาแต่ทำอย่างนี้ได้มั้ย”
“แม่แท้ๆ หรือ” ลี่เฉินซีราวกับได้ยินคำโกหก หัวเราะเยาะเลือดเย็น สายตาขรึมลง เสียงที่เย็นชากว่าเดิมพูดขึ้นต่อ “แม่แท้ๆ คือซูย้าวไม่ผิด แต่ตอนนี้เธอคืออานหว่านชิง!”
เรื่องนี้ โม่หว่านหว่านพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำพูดนี้
เธอชะงักไปหลายวินาทีทำตัวไม่ถูก จากนั้นก็มองไปที่ซูย้าวร้อนใจ จับแขนของเธอ ละล่ำละลัก “อธิบายหน่อยสิ เธอทำอย่างนี้ ใช่มั้ย”
“ไม่ว่าเธอเปลี่ยนชื่อเป็นอะไร เธอก็คือซูย้าวคนนั้นไง เด็กๆ พวกนั้น ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเธอ เรื่องนี้ไม่มีทางเปลี่ยนได้ เธอต้องมีเหตุผลสิ ลองพูดมา…”
ไม่รอให้โม่หว่านหว่านพูดต่อไป ซูย้าวก็ห้ามเธอ “เขาพูดถูกแล้ว”
โม่หว่านหว่านพลันตะลึงจังงัง จากนั้น ซูย้าวก็แกะมือเธอออก ยื่นมือไปเกาะรั้วข้างๆ แทน “ตอนนั้นฉันตั้งใจวางแผนทั้งหมดนี้เอง เพื่อหนีไป เพื่อให้เขาไม่ทันระวัง ฉวยโอกาสขโมยบริษัทของเขาที่เมืองนอก นี่คือสาเหตุทั้งหมด”
“อีกอย่างหนึ่ง คุณโม่ ขอบคุณที่ช่วยพูดแทนฉัน แต่ขอโทษจริงๆ ฉันไม่คู่ควรให้คุณทำอย่างนี้”
ซูย้าวหายใจแผ่วเบา ยังคงพยายามฝืนยืนหยัด “รวมถึงตอนนี้ ฉันรู้ว่าเด็กสองคน ช่วยฉันจนตัวเองต้องบาดเจ็บ ใจของฉัน ค่อนข้างเจ็บทีเดียว แต่…”
เธอยกมือช้าๆ ชี้หัวของตัวเอง “ตรงนี้กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดสักนิด ราวกับเด็กสองคนนั้น เป็นคนแปลกหน้า”
“ฉะนั้น คุณโม่ อย่าพูดแทนฉันอีกเลย เขาพูดถูกแล้ว ซูย้าวคนนั้นอาจจะเคยจิตใจดี มีเมตตา ทำทุกอย่างเพื่อลูก แต่ฉันไม่ใช่เธอ ฉันคืออานหว่านชิง ผู้หญิงที่เลวสมบูรณ์แบบ ไม่คู่ควรให้คุณช่วยปกป้องแก้ต่างหรอก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โม่หว่านหว่านตะลึงงัน มองเธอสายตาอึดอัดและไม่สบายใจ ขยับริมฝีปาก กลับพบว่าตัวเองราวกับสูญเสียความสามารถในการพูด ไม่อาจเปล่งเสียงได้สักคำ