เสียงที่เย็นชาของชายหนุ่มเคร่งขรึมและหนาวเหน็บ เหมือนกับเข็มเหล็ก เสียงนั้นทิ่มแทงแก้วหูของเธอ
ซูย้าวตกตะลึงแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง เหมือนหาเสียงของตัวเองไม่เจอ คอแห้งผากจนไม่สามารถเปล่งเสียงได้ และไม่อาจตอบโต้ได้
เธอหลับตาลงเจ็บปวดรวดร้าว ร่างที่สั่นสะท้านเบาๆ สะท้อนถึงหัวใจเต้นเร็วในเวลานี้ เธอไม่อยากเชื่อ ทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องจริง
ตอนที่เธอวางแผนทั้งหมด หนีไปในวันแต่งงาน จะ…ทำร้ายลูกตัวเอง!
ดวงตาหนาวเหน็บของลี่เฉินซีมืดมนดำดิ่ง เขาดึงแขนเธอแรงๆ ลากเธอไปที่ห้องถัดไป ไม่เปิดประตูเช่นเดิม เพียงแต่มองผ่านหน้าต่างกระจก ทุกอย่างที่เข้ามาในสายตา กระแทกความคิดที่แตกสลายของซูย้าวอีกครั้ง
ใกล้เคียงกับห้องผู้ป่วยVVIPเมื่อครู่ สิ่งแวดล้อมและการจัดวางเกือบเหมือนกัน ต่างกันเพียงอย่างเดียว เตียงของห้องนี้ เด็กน้อยไม่ได้นอนไม่รู้สึกตัว ต่างจากลี่เจิ้งที่มีท่อระโยงระยาง ขาของเด็กคนนี้ ใส่เฝือกหนาๆ เพราะอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ขันให้อยู่กับที่ ยากที่จะขยับเขยื้อนตัว
เด็กชายดูเหมือนไม่ได้พักผ่อน มือเล็กๆ ข้างหนึ่งแทงเข็มน้ำเกลือ มืออีกข้างถือแทปเล็ต เล่นจริงจัง แต่ใบหน้าป่วยซีดเซียว ยิ่งสะเทือนใจเธอ
“เห็นแล้วหรือยัง” ลี่เฉินซีจ้องหน้าเธอ บังคับให้เธอมองผ่านหน้าต่างกระจกให้ชัดเจน “รู้มั้ยขาของหมิงเอ๋อบาดเจ็บได้ยังไง ตอนที่เกิดเพลิงไหม้ เขากับเจิ้งเอ๋อวิ่งเข้าไปเหมือนกัน เพื่อช่วยชีวิตคุณ ขาถูกผนังล้มใส่ ขาข้างหนึ่ง กระดูกแตกหักแทบจะละเอียด ผ่าตัดหลายครั้งแล้ว ยังแทบไม่มีความหวังจะฟื้นกลับมาได้ปกติ!”
“เด็กคนนี้ปีนี้เพิ่งจะเจ็ดขวบ! ตอนนั้น พอคลอดก็ถูกคุณทำหายไป ต้องเร่ร่อนอยู่ข้างนอกห้าปีเต็มๆ ถูกครอบครัวอื่นรับเลี้ยงและทอดทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า แม้แต่ชื่อจริงก็ไม่มี คุณกับผมติดค้างเด็กคนนี้มากมายเหลือเกิน แต่ตอนนี้ เพื่อช่วยคุณแล้ว ยอมเสียขาข้างหนึ่ง!”
อารมณ์โกรธเกรี้ยวของลี่เฉินซีพลุ่งพล่าน สองมือดึงเธอเข้ามารุนแรง “ทำไมต้องทำอย่างนี้! ไม่อยากแต่งก็บอกผมได้ หนีไปอย่างเปิดเผย ผมก็จะไม่ห้ามคุณ ทำไมต้องทำอย่างนี้!”
เขาควบคุมความเดือดดาลไม่อยู่ วันแต่งงานเมื่อหลายเดือนก่อน เขาปรารถนามาเนิ่นนาน ตั้งหน้าตั้งตารองานวิวาห์มาแสนนาน ฝันอยากจะให้เธอทุกอย่าง ต่อไปสองคนจูงมือกันไปตลอดชีวิต ไม่มีวันพรากจากกัน แต่เธอกลับตั้งใจวางแผนเพื่อที่จะวางเพลิง ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างพังพินาศ
หลังจากเรื่องนี้ ลี่เฉินซีเกลียดเธอจริงๆ เกลียดเข้ากระดูก แต่ขณะเดียวกันที่เกลียดเธอ กลับเกลียดตัวเองมากกว่า เกลียดตัวเองที่เชื่อเธอง่ายๆ รู้ทั้งรู้เธอความจำเสื่อม เปลี่ยนสถานะแล้ว เปลี่ยนความทรงจำแล้ว รู้ทั้งรู้ อานหว่านชิงไม่ใช่คนดีอะไร ถึงกับรู้ด้วยซ้ำในใจเธอ ไม่เคยมีเขาเลย!
และยังมีอีก เขายิ่งเกลียดตัวเองที่ตอนไฟไหม้ ทำไมเขาไม่อยู่ตรงนั้น ทำไมคนที่วิ่งเข้าไปช่วยเธอถึงต้องเป็นเด็กสองคนนี้!
ถ้าหากเขาอยู่ตรงนั้น คนที่เข้าไปในกองเพลิงและบาดเจ็บก็คือตนเอง เมื่อเทียบกับต้องเห็นลูกชายสองคนเจ็บปวดทรมาน ตายทั้งเป็น สู้ให้ความทุกข์ทรมานนี้ เกิดขึ้นกับตัวเขาเองดีกว่า!
ซูย้าวขมวดคิ้วเจ็บปวด ยิ่งเจ็บปวดเมื่อเขาแทบจะเสียสติท่ามกลางเพลิงโทสะ เขาถูกความเกลียดชังจนสมองคิดอะไรไม่ออกมานานแล้ว ดวงตาของเขาแดงก่ำราวกับสัตว์ป่าที่ควบคุมไม่ได้ อารมณ์ที่พังทลาย ยิ่งทำให้การกระทำของเขารุนแรงยิ่งขึ้น จับแขนสองข้างของเธอแน่นขึ้นเหมือนจะทำลายล้าง แทบจะหักกระดูกของเธอ!
เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นอย่างนี้ เจ็บปวด เดือดดาล บ้าคลั่ง และยิ่งกว่านั้นคือสิ้นหวัง
กำลังน้อยนิดของหญิงสาวไม่มีทางต่อสู้ได้ ได้แต่ปล่อยให้เขาลากตัวเองไปแบบนี้ ล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง
ความเจ็บปวดตามร่างกายทำให้หายใจไม่ออก ยังน้อยกว่าความเจ็บปวดเสียใจที่เกิดขึ้นในใจ ความทรมานซึ่งกัน เธอกลับทำอะไรไม่ได้เลย
ซูย้าวไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป ตกใจกลัวเพราะความจริงที่เข้ามากะทันหัน หรือว่ายากที่จะเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด หรือว่า…
เห็นลูกสองคนต้องเจ็บหนักเพราะตัวเอง ถึงกับนอนไม่รู้สึกตัว ใจของเธอ เจ็บปวดเหลือเกิน ทั้งเจ็บปวดทั้งเสียใจ เจ็บปวดจนใจแทบแหลกสลาย
แต่จิตสำนึกของเธอกลับชัดเจนและสงบอย่างประหลาด ความมีสติ ความสงบนี้ ทำให้เธอทั้งดูถูกและเกลียดชัง!
เธอไม่มีความทรงจำในอดีตของซูย้าว และไม่มีความรู้สึกแม่รักทะนุถนอมลูกอย่างผู้หญิงที่ให้กำเนิดลูก มีเพียงสำนึกนิดๆ ที่เหลืออยู่ รู้ว่าเด็กสามคนนี้ เธอเป็นคนให้กำเนิด
ในหัวไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่ใจรู้สึก ดังนั้น ยิ่งสมองนิ่งสงบเท่าไหร่ หัวใจกลับเจ็บเหลือแสน แทบจะหายใจไม่ได้
เสียง “โครม” ดังขึ้น ปลุกลี่เฉินซีให้รู้สึกตัว
ซูย้าวตะเกียกตะกายลุกขึ้น แต่เพราะร่างกายบาดเจ็บหนักเกินไป จึงล้มลงอีกครั้ง เธอพยายามตะกายขึ้นมาอีกครั้งอย่างน่าเวทนา ได้แต่เกาะกำแพงประคอง พยายามอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็ไร้ผล จึงเลิกพยายาม
“ทั้งหมดนี้ ทั้งหมด เป็นเพราะฉัน ใช่มั้ย”
เสียงแหบพร่าของเธอค่อนข้างประหลาดใจ และยิ่งยากที่จะเข้าใจ ฝืนออกเสียงแผ่วเบา “ดูอย่างนี้แล้ว เหมือนว่าฉัน…เป็นคนบาปจริงๆ”
มิน่าเขาถึงได้เคียดแค้นตัวเองขนาดนี้ มิน่าเขาถึงได้ทำอย่างนี้
เธอเข้าใจทุกอย่างแล้ว และรู้สาเหตุแล้ว
ซูย้าวฝืนประคองตัวขึ้นมา น้ำหนักส่วนใหญ่ของร่างกายอาศัยกำแพงที่อยู่ข้างหลัง โซเซพร้อมจะล้มได้ทุกเมื่อ ใบหน้าซีดเผือดจนไม่มีสีเลือด “ดูเหมือนคำขอโทษจะไม่พอแก้ไขปัญหานี้แล้ว”
เด็กๆ สำคัญกับลี่เฉินซีมาก เธอรู้แจ้งแก่ใจ
ตอนนี้ ต่อให้ลี่เฉินซีใจกว้างให้อภัย เธอก็ไม่มีทางให้อภัยตัวเอง!
ซูย้าวพยายามเงยหน้าขึ้น สายตาเศร้าสร้อยมองใบหน้างามของชายหนุ่มที่หมองหม่น “คุณอยากทำอะไร ก็ทำเถอะ ฉันจะไม่โกรธแค้น และจะไม่หนี ไม่ไปไหนทั้งนั้น…”
นัยน์ตาเย็นชาของลี่เฉินซีจ้องมองเธอ เธอตอนนี้ ท่าทางต่ำต้อยเหมือนฝุ่นผง เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ราวกับวิญญาณโดดเดี่ยวที่หลงทางในโลกมนุษย์ ตุ๊กตาผ้าฉีกขาด เพียงกำลังน้อยนิด ก็ทำให้เธอหมดลมหายใจได้
เขากำหมัดแน่น ยกมือขึ้นจับข้อมือบางๆ ของเธออีกครั้ง “บอกความจริงมา ทำไมคุณต้องทำอย่างนี้ มันต้องมีเหตุผล บอกเหตุผลของคุณมาสิ!”
ความเจ็บปวดในใจของลี่เฉินซี จะน้อยกว่าเธอได้อย่างไรกัน?!
สองปีก่อน เขาเคยสาบานในใจ จะไม่ให้เธอไปจากเขาอีก จะหาทุกอย่างที่ดีที่สุดในโลกนี้ให้เธอ ชดเชยกับทั้งหมดที่เคยติดค้าง
แต่ แค่สองปีกว่าเท่านั้น ทุกอย่างกลับตาลปัตร
ราวกับในชั่วพริบตา ทั้งสองคนก็ย้อนกลับไปที่จุดเดิม เธอเหมือนสาวใบ้ในตอนนั้นไม่พูดไม่จา ใช้ท่าทางต่ำต้อยที่สุดต่อหน้าเขา เต็มใจทนรับทุกอย่าง
รวมทั้งตอนนี้ ได้ยินคำถามของเขา เธอก็เลือกที่จะปิดปากสนิท
ถูกเขาถามมากเข้า เธอก็พูดขึ้นเรียบๆ “ไม่มีเหตุผล”
สี่คำสั้นๆ สั่นสะเทือนแก้วหูของเขาในพริบตา!
ไม่มีเหตุผล ข้อแก้ตัวที่ไร้สาระนี้ ก็เหลือคำอธิบายสุดท้ายเพียงอย่างเดียว เธอไม่เคยรักเขาเลย กระทั่งไม่เคยหวั่นไหว ทั้งหมดที่ทำมา แค่ต้องการบริษัทในต่างประเทศของเขาเท่านั้น!
ลี่เฉินซีหลับตาลงปวดร้าว กัดฟันกรอด เสียงเย็นลอดไรฟันออกมาอย่างยากลำบาก “ไม่มีเหตุผลใช่มั้ย! ดี! ดีมาก!
ซูย้าวแกะมือของชายหนุ่มช้าๆ กะโผลกกะเผลกโซเซ เดินโขยกเขยกจากเขาไป เบื้องหลังที่ หายไปจากสายตา แต่ห่างออกไปไม่กี่เมตร เสียง “ตุ๊บ” ดังขึ้น คนก็ทรุดลงกองกับพื้น
ลี่เฉินซีมองทั้งหมดสายตาเย็นชา ค่อยยกกำปั้นที่กำแน่นช้าๆ ขึ้นมาเสียงดังกรอบแกรบ ชกเข้ากับกำแพงข้างๆ…………
ซูย้าวบังคับให้เขาเกลียดเธอ ดี เขาจะทำให้เธอพอใจ!