หลังจากจัดการกับปัญหาใหญ่แล้ว ในใจฉินเฉิงก็ไม่รู้สึกดีใจอะไรเลยแม้แต่น้อย
เค้าอดไม่ได้ที่จะถอนหายออกมา ตั้งแต่เริ่มต้นจนมาถึงตอนนี้ มันก็ไม่รู้เลยว่าเค้าต้องก้าวข้ามมาแล้วกี่ศพกัน
ถ้าเซี่ยฝูซานเพียงแค่ต้องการแก้แค้นให้กับหลานชายของเค้า ฉินเฉิงก็อาจจะปล่อยเค้าไป แต่เทคนิคบ่มเพาะของตระกูลเซี่ย นี่ก็ไม่รู้เลยว่าพวกเค้าทำให้คนได้รับบาดเจ็บมาแล้วกี่คน
มันไม่ต้องพูดถึงเซี่ยฝูซานเลย ต่อให้เป็นตระกูลเซี่ยทั้งหมด ฉินเฉิงก็จะต้องทำ
“ไปกันเถอะ” ฉินเฉิงรู้ว่ากับคนแบบนี้มันไม่จำเป็นต้องมีความเมตตาอะไรด้วย ดังนั้นเค้าก็เลยไม่มองดูเซี่ยฝูซานอีกเลย
หลังจากออกจากเมืองเถาหยวนแล้ว ฉินเฉิงกับซูวานก็ขับรถตรงไปที่เมืองจิง
ฉินเฉิงซื้อคฤหาสน์ริมทะเลที่นี่ไว้เพื่อรวบรวมพลังวิญญาณ
พวกเค้าไม่ได้มาที่เมืองจิงนี่นานกว่าครึ่งปีแล้ว เมื่อคิดดูแล้วพลังวิญญาณนี่มันก็น่าจะมีมากอยู่พอสมควรแล้ว
เมื่อมาถึงที่เมืองจิง นี่มันก็เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว
ในตอนนี้ อากาศมันก็เริ่มเย็นลง ผู้คนที่เดินไปมาตามท้องถนนก็สวมใส่เสื้อโค้ท
“ที่ตรงหน้านี้ มันก็คือคฤหาสน์ที่ฉันซื้อไว้” ฉินเฉิงก็พูดขึ้นมา “ยังไงก็ตาม คฤหาสน์ที่หลงไห่ซานก็ถูกทำลายไปแล้ว อย่างงั้นมันก็น่าจะดีกว่าที่จะหาที่อยู่ใหม่”
“ฉันไม่มีความเห็นอะไร” ซูวานก็พยักหน้าขึ้นมา
หลังจากมาถึงที่ประตูของคฤหาสน์แล้ว ฉินเฉิงก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นมา
เค้าพบว่าประตูมันถูกงัดให้เปิดออกแล้วก็ยังมีสี่ถึงห้าคนที่คอยเฝ้าอยู่ที่ประตู
คนสี่หรือห้าคนนี้ พวกเค้าล้วนแล้วแต่อยู่ในขอบเขตของระดับปรมาจารย์ มันมากพอที่จะครอบครองเมือง แต่ตอนนี้พวกเค้ากลับเป็นแค่บอดี้การ์ดเท่านั้น
“หยุด” หลังจากที่ฉินเฉิงเดินเข้าไป คนพวกนี้ก็ตรงเข้ามาขวางทางฉินเฉิงในทันที
“คุณชายของพวกเราสั่งไว้ ไม่ว่าใครก็ตามห้ามเข้ามาใกล้ที่นี่” บอดี้การ์ดก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
“คุณชายของพวกแกมีคำสั่ง?” ฉินเฉิงหัวเราะเยาะขึ้นมา “พวกแกไม่รู้เหรอว่าที่นี่คือบ้านของฉัน?”
ทั้งสี่มองหน้ากัน จากนั้นหนึ่งในนั้นก็พูดออกมาว่า: “กรุณารอสักครู่ ผมจะเข้าไปรายงานคุณชายก่อน”
“ฉันจะเข้าบ้านของตัวเอง ทำไมจะต้องรอด้วย?” ฉินเฉิงสูดลมหายใจแล้วเดินเข้าไปในคฤหาสน์
คนทั้งสี่รีบเข้ามาขวางฉินเฉิงไว้แล้วพูดว่า: “โปรดให้ความร่วมมือกับเราด้วย”
“หลบไป” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
พวกเค้าทั้งสี่ยืนนิ่งราวกับกำแพงคนที่ขวางทางฉินเฉิง
“หลบไปซะ!” ฉินเฉิงตะโกนออกมาด้วยความโกรธ จากนั้นทั้งสี่ก็ตกใจที่ตัวเองอาเจียนออกมาเป็นเลือด พวกเค้าถอยออกไปแล้วนั่งลงไปที่พื้น!
“ไปเถอะ” ฉินเฉิงจับมือของซูวานแล้วเดินเข้าไปในคฤหาสน์
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเค้ากำลังนั่งสมาธิรวบรวมพลังวิญญาณ
มีชายชราคนหนึ่งอยู่ข้างๆเค้า ชายชราคนนั้นค่อยให้คำแนะนำอยู่เรื่อยๆ ชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเจ้านายของเค้า
หลังจากที่ฉินเฉิงเดินเข้ามา ชายชราก็ขมวดคิ้วขึ้นมาแล้วดุว่า: “ใครกัน? ใครอนุญาตให้แกเข้ามา”
“มันควรเป็นฉันมากกว่าที่จะต้องถามคำถามนี้?” ฉินเฉิงพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชา “พังประตูบ้านฉัน บุกเข้ามาแล้วยังจะมา…”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ฉินเฉิงก็เห็นว่าพลังวิญญาณภายในทั้งหมดมันหายไป สิ่งนี้มันทำให้เค้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“แกต้องมีคำอธิบายที่ดีให้กับฉัน” ฉินเฉิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่มันก็เปลี่ยนกลับมาเป็นปกติในทันที
เค้าอธิบายว่า: “พ่อหนุ่ม เราแค่ต้องการบางอย่างจากสถานที่แห่งนี้ เราจึงวางแผนที่จะซื้อคฤหาสน์หลังนี้ แต่เราติดต่อคุณไม่ได้เลย ก็เลยต้องใช้กำลังนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง”
ทันใดนั้นเอง เค้าก็หยิบบัตรธนาคารออกมาแล้วพูดว่า: “ข้างในนี้มันมีเงินอยู่ร้อยหลายหยวน ถือซะว่าเป็นเงินค่าซื้อคฤหาสน์หลังนี้ก็แล้วกัน”
ฉินเฉิงหยิบบัตรธนาคารมา เค้าหรี่ตาลงโดยไม่รู้ตัว
เห็นได้ชัดเลยว่าทั้งสองได้ดูดซับพลังวิญญาณไปจนหมดแล้ว
“บุกเข้ามาในบ้านของฉันแล้วยังจะเอาเงินมาฟาดหัวฉันอีก แกหน้าด้านมากเลยนะ” ฉินเฉิงโยนบัตรธนาคารลงไปที่พื้น จากนั้นก็พูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า: “ถ้านี่คือคำอธิบายของแก โทษที ฉันรับมันไม่ได้”
“ลุงจาง จะมัวพูดไร้สาระกับเค้าทำไม” ในตอนนี้เอง ชายหนุ่มก็ลุกยืนขึ้นมา
เค้าเดินเข้าไปหาฉินเฉิงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า: “รับเงินแล้วออกไปซะ ไม่อย่างงั้นแกจะไม่ได้เงินแม้แต่หยวนเดียว เข้าใจไหม?”
ฉินเฉิงมองไปที่ชายหนุ่ม จากนั้นก็พบว่าเค้าไม่มีอะไรเลยที่ใกล้เคียงกับเจ้าแห่งพลังปราณขั้นสุดยอด
ส่วนชายชราที่อยู่ด้านข้างเค้า ชายคนนี้ก็เพิ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ก็เท่านั้น
“คุณชายของเราก็พูดจัดเจนแล้ว นายก็ไสหัวไปซะ” ชายชราก็โบกมือขึ้นมา
ฉินเฉิงส่งเสียงหึขึ้นมา เค้าก้าวไปข้างหน้าแล้วตบเข้าไปที่หน้าของชายหนุ่ม
แม้ว่าการตบครั้งนี้จะไม่ได้ใช้กำลังอะไรมาก แต่มันก็ทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“รนหาที่ตาย!” สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไป เค้าเอื้อมมือออกไปคว้ามันทันที
ฉินเฉิงเอื้อมมือออกไป เค้าคว้าข้อมือของชายชราแล้วทุบมันอย่างแรง!
“แกใช้พลังวิญญาณของฉันไปจนหมดแล้วยังกล้ามาพูดจาแบบนี้กับฉันอีกเหรอ” ฉินเฉิงพูดอย่างเย็นชา “ฉันให้เวลาแกหนึ่งนาที ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ”
ชายชราที่ชื่อลุงจางรู้ว่าตัวเองกำลังเจอเข้ากับปัญหาใหญ่ ดังนั้นเค้าก็เลยกำหมัดจนแน่นแล้วพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า: “กล้าบอกชื่อของแกไหม?”
“ฉินเฉิง” ฉินเฉิงพูดอย่างเฉยชา “ถ้าแกต้องการแก้แค้น มาหาฉันก็ถูกคนแล้วหละ”
“คุณคือฉินเฉิงอย่างงั้นเหรอ?” สีหน้าของลุงจางก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นเค้าก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “พวกเรามาจากสมาคมศิลปะการต่อสู้มณฑลปินโจว คนที่คุณเพิ่งตบไป เค้าคือลูกชายของประธานสมาคมศิลปะการต่อสู้ ไป๋หง!”
“แล้วยังไงกัน ถ้าประธานของสมาคมศิลปะการต่อสู้มีลูกชาย ก็จะบุกเข้ามาในสถานที่ของคนอื่นง่ายๆแบบนี้อย่างงั้นเหรอ?” ฉินเฉิงพูดด้วยสีหน้าที่เย็นชา
ลุงจางพยักหน้า เค้าลุกขึ้นแล้วพูดว่า: “อายุยังน้องอย่ามาจองหอง ระวังตัวไว้น่าจะดีกว่า”
หลังจากพูดจบ เค้าก็ช่วยไป่หงแล้วเดินออกไปจากประตูอย่างทุลักทุเล
“ไอ่*** ฉันใช้เวลานานกว่าหลายเดือนในการสั่งสมมันขึ้นมา!” ฉินเฉิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวดเมื่อมองไปที่พลังวิญญาณที่หายไปจนหมด
“สมาคมศิลปะการต่อสู้มณฑลปินโจว เกรงว่ามันจะไม่หยุดอยู่แค่นี้” ซูวานก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
ฉินเฉิงเหลือบมองเธอแล้วพูดว่า: “สมาคมศิลปะการต่อสู้นี่ มันเก่งกาจมากเลยเหรอ?”
“มันไม่เกี่ยวกับว่าพวกเค้าแข็งแกร่งไหม” ซูวานส่ายหัว “พวกเค้าเป็นตัวแทนของอำนาจอย่างเป็นทางการ แม้ว่าผู้รับผิดชอบจะเป็นแค่ชายชรา แต่ก็ไม่มีใครกล้าท้าทายพวกเค้า”
ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับคำว่า “ทางการ” มันกลายเป็นเรื่องที่ซับซ้อน
ฉินเฉิงลูบคางของเค้าอยู่ซักพัก จากนั้นเค้าก็พูดว่า: “ที่แท้มันก็เป็นแบบนี้ … ”
“ต่อหน้าอาวุธยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ ทุกอย่างมันก็เป็นแค่เสือกระดาษเท่านั้น” ซูวานส่ายหัว
ฉินเฉิงขมวดคิ้วแล้วพูดว่า: “จะไม่มีใครในโลกที่สามารถต่อสู้กับอาวุธยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ได้เลยเหรอ?”
ซูวานคิดอยู่ซักพัก จากนั้นเธอก็พูดว่า: “จะบอกว่ามี ก็มี แต่อย่างน้อยก็จะต้องแข็งแกร่งมาก แน่นอนมันก็น่าจะพอสู้ได้”
เมื่อพูดตรงนี้แล้ว ซูวานก็หยุดแล้วพูดต่อว่า: “ฉันเคยได้ยินตำนานหนึ่งมา ในตอนนั้นมีชายคนหนึ่งที่ใช้พลังของเค้าต่อสู้กับเจ็ดอาณาจักร ไม่เพียงแต่เค้าจะไม่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น เค้ายังบังคับให้ทั้งเจ็ดอาณาจักรส่งส่วยให้กับตัวเอง แต่มันก็แค่ตำนาน มันไม่มีการบันทึกอะไรเลย”
ฉินเฉิงถามว่า: “คนๆนั้นเค้าชื่ออะไร?”
“ฉันไม่รู้” ซูวานส่ายหัว
ฉินเฉิงส่งเสียงอืมขึ้นมา จากนั้นเค้าก็ไม่ถามอะไรต่อ
ในตอนนี้เอง จู่ๆโทรศัพท์มือถือของฉินเฉิงก็ดังขึ้นมา
เค้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วพบว่าเบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์แปลก
ทันทีที่รับสาย เค้าก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากโทรศัพท์: “ฉินเฉิง นายจำฉันได้ไหม?”
ฉินเฉิงครุ่นคิดอยู่ซักพัก จากนั้นเค้าก็พูดขึ้นมาว่า: “คุณชู?”