เมื่อซังหลินจวิน พาเฉินเฉียวเข้ามาใน บริษัท พนักงานทุกคนก็ตกใจ
ใครๆก็รู้ว่าประธานบริษัทของพวกเขาสะอาดเหมือนกระดาษสีขาวและไม่เคยมีเรื่องอื้อฉาววุ่นวาย
ตอนนี้เธอกำลังพาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาใน บริษัท นี่คือภรรยาของท่านประธานในอนาคตอย่างเห็นได้ชัด
บางคนนึกถึงการค้นหาที่ฮอตฮิตในโซเชียลของเมื่อวานตอนแรกทุกคนคิดว่าเป็นข่าวปลอม แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง
ข่าวแพร่ไปถึงทุกคนจากกลุ่มแชทของ บริษัท ในพริบตา
หลังจากที่เฉินเฉียวเข้าไปในห้องทำงานของ ซังหลินจวิน เธอก็ไม่สนใจเขา
แม้ว่าเธอจะไม่เคยร่วมงานกับ บริษัท แต่เธอก็รู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะใช้เวลานี้ใน บริษัท อย่างสงบกับประธาน บริษัท
ในเวลานี้เฉินเฉียว ไม่ได้ตระหนักถึงผลกระทบของการค้นหาที่ฮอตฮิตจริงๆแล้วเมื่อวานรูปก็เผยแพร่ออกมาตั้งนานแล้ว เธอก็อยากจะอยู่อย่างสงบๆอยู่ห่างๆเขาหน่อย
ซังหลินจวินยิ้มอย่างขมขื่นเขารู้ว่าเฉินเฉียวอาจจะโกรธ
ฉวยโอกาสตอนที่เธอเมิน โทรหาเบอร์ภายใน
จากนั้น เฉินเฉียวเห็นผู้ชายทั้งสองคนยกโต๊ะทำงานเดินเข้ามาในห้องทำงาน
จนกระทั่งพวกเขาตั้งเสร็จก็เดินจากไป
เฉินเฉียวถามซังหลินจวินด้วยความสับสน: “คุณจะให้ฉันทำงานห้องเดียวกับคุณหรอ? คุณคิดว่าข่าววันนี้ยังแพร่กระจายไม่พอหรอ? ”
ซังหลินจวินหยิบโทรศัพท์ออกมาค้นหาข่าวเกี่ยวกับทั้งสองคนเมื่อวานนี้และส่งให้เฉินเฉียวโดยตรง
เฉินเฉียวเห็นกับตาว่าข้างมีการกดคลิกเข้าชมมากกว่าสิบล้านครั้ง
พูดว่า “ทำไมไม่พูดให้เร็วกว่านี้ล่ะ”
ถ้าเธอรู้แบบนี้แล้ว เธอจะไม่มาบริษัทเขา
ซังหลินจวินเข้าใจความหมายของเธอและบี้จมูกเธอ
เมื่อเห็นว่าสิ่งต่างๆมาถึงจุดนี้เฉินเฉียว ก็สามารถยอมรับได้
เธอนึกขึ้นได้ว่าเธอมาทำงานที่หยวนเซิ่ง เธอนั่งประจำตำแหน่งของเธอแล้วลูบคางพลางถาม”คุณซัง คุณอยากสั่งงานอะไรฉันล่ะ”
เมื่อซังหลินจวินเห็นว่าเธอเข้ามามีบทบาทเป็นพนักงาน แล้วยังจริงจังอีกด้วย
เขาหยิบเอกสารจากโต๊ะทำงานวางไว้บนโต๊ะของเฉินเฉียว: “เอกสารเหล่านี้ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษและอิตาลีคุณทำได้ไหม”
เฉินเฉียวพยักหน้า
“งั้นคุณลองอ่านเอกสารพวกนี้ก่อน”ซังหลินจวินถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกันเขารู้ถึงความเก่งของเฉินเฉียวดีกว่าใคร ๆ ถ้าเขาไม่ให้งานเธอเธออาจต้องการออกในอีกไม่กี่วัน
ดังนั้นการให้เธอแปลเอกสารเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุด
แน่นอนว่าใน บริษัท มีไม่กี่คนที่สามารถพูดภาษาอิตาลีได้เอกสารเกือบจะทั้งหมดเป็นเขาที่แปลเอง
ตอนนี้การขอให้เฉินเฉียวแปล นับว่าเป็นการช่วยเขา
อย่างไรก็ตามภาษาอิตาลีของเฉินเฉียวไม่ค่อยดีนัก
อยู่ในระดับเพียงแค่พอจะอ่านเข้าใจ
ในไม่ช้าเฉินเฉียวก็พบว่ามันยากมาก
เฉินเฉียวแปลเอกสารไปได้ครึ่งนึง เธอก็ขมวดคิ้วแอบมองซังหลินจวินที่ทำงานอย่างจริงจังบนโต๊ะทำงาน
เธอกังวลในใจ ตะกี้ทำไมถึงยอมตอบตกลง
เธอแอบเปิดหน้าเว็บ พิมพ์ภาษาอิตาลี และจะใช้ไป่ตู้
แต่เพื่อไม่ให้เอกสารส่วนตัวถูกเปิดเผย เธอพิมพ์คำศัพท์ลงไปทีละคำ
เมื่อทั้งสองคนทำงานจนถึงเที่ยงก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ซางหลินจวินตะโกนให้เข้ามาในขณะที่เฉินเฉียวมองมองดูชายคนหนึ่งที่เพิ่งยกโต๊ะของเธอเดินเข้ามา
“ ท่านกับภรรยาอยากทานอะไรครับ ผมจะนำขึ้นมาให้”
หลังจากที่ เฉินเฉียวฟังเขาก็รู้สึกว่าเสียงของเขาคุ้นๆ
ไม่ใช่คนที่โทรหาซังหลินจวินตอนเช้าหรอกหรอ?
เฉินเฉียวสะกิดเขาอย่างลับๆ
ซังหลินจวินต้องการถามเฉินเฉียวว่าเธออยากกินอะไร แต่หลังจากสังเกตเห็นท่าทางของเธอที่มองไปยังอวี้เฟยก็รู้สึกอึดอัด
“คุณลงไปกินเถอะ เดี๋ยวพวกฉันจะออกไปกินข้างนอก”ซังหลินจวินให้อวี้เฟยลงไป
ครับ ท่านถึงแม่จะรู้ว่าเจ้านายไม่กินของที่สั่งมา แต่พอเห็นภรรยาเขา ก็คิดได้ว่าไหนๆภรรยาเขาก็อยู่ที่นี้ งั้นเจ้านายต้องพาเธอไปกินข้างนอกแน่ๆ
หลังจากเขาออกไป เฉินเฉียวไม่ได้มองเขาอีกและจดจ่อไปที่เอกสารอีกครั้ง
ทันใดนั้นก็มีมือมาจับเอกสารในมือของเธอ
“ไปกินข้าวกันเถอะ”ซังหลินจวินพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆฟังดูไม่มีความสุข
เฉินเฉียวไม่ได้สังเกตเห็น ยังไงซะทุกๆวันเขาก็เป็นแบบนี้ เธอชินแล้ว
“ขอฉันแปลวรรคนี้เสร็จก่อน อีกแปปนึง”เฉินเฉียว เงยหน้าขึ้นมองเขา
ซังหลินจวินคิดไม่ถึงว่า เมื่อเธอทำงานก็เปลี่ยนเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อน แต่เขาก็ไม่อยากให้
ยื่นไปมือคว้าเอกสารในมือเธอ หยิบปากกาบนโต๊ะเขียนส่วนที่เฉินเฉียวยังไม่ได้แปล
เมื่อเฉินเฉียวเห็นเขาก็มองเขาด้วยความเศร้า: “คุณแปลเองเร็วมากๆ ไม่ต้องมีฉันก็ได้นิ”
“ทำไมจะไม่ต้องการล่ะ มีคุณอยู่ผมก็มีกำลังใจ”ซังหลินจวินหยอดคำหวาน
เฉินเฉียวรู้สึกหวั่นไหวในใจกับสิ่งที่เขาพูด เธอก็ตอบอย่างรวดเร็ว: “ไหนๆก็เป็นแบบนี้ งั้นคุณก็วางรูปฉันไว้บนโต๊ะสิ ผลลัพธ์ก็เหมือนกัน”
ซังหลินจวินส่ายหัวชี้นิ้วไปที่ลิปกลอสดอกซากุระที่เธอทาและยิ้ม: “จะเหมือนกันได้อย่างไร รูปมันแค่ดูได้อย่างเดียว ไม่ได้สัมผัสคุณ แม้แต่จูบก็ไม่ได้”
เขาโน้มตัวลงเบา ๆ ริมฝีปากบางๆประกบกับริมฝีปากที่ชุ่มชื้นของเฉินเฉียว
บอกไม่ได้ว่าตกลงใครถูกเล่นของ
เมื่อพวกเธอลงคนรู้สึกตัว
เฉินเฉียวโดนเขาจูบอย่างหนักหน่วงเสียงจูบดังระงม
ปลายจมูกของซังหลินจวินกดเข้ากับปลายจมูกของเฉินเฉียว เขาพูดเสียงแหบๆ: “ผมยอมแพ้คุณจริงๆ ถ้าไม่ใช่ในห้องทำงาน ผมอยากจะ…. ”
เขาพูดประโยคสุดท้ายใกล้หูของเธอหลังจากที่เฉินเฉียว ได้ยินใบหน้าที่งดงามของเธอก็มีสีแดงมากขึ้นและเธอก็ผลักมือออกไปทันทีหลังจากจัดเสื้อผ้าเสร็จเธอดูเย็นชาไม่เหมือนตะกี้
“ ไปกันเถอะ บอกว่าจะไปกินข้าวไม่ใช่หรอ”
เฉินเฉียวใส่รองเท้าส้นสูงและเดินนำไปข้างหน้าก่อนซังหลินจวิน ซึ่งยืนอยู่ข้างหลังเธอมองไปที่ปลายหูสีชมพูของเฉินเฉียวที่อยู่ข้างหน้าและหัวเราะเบา ๆ